the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 378 วิชาท านายทายทัก
เริ่นเสี่ยวซู่ที่มองสมาคมตระกูลจงเช่นศัตรูได้ยินเสียงรถเข้าใกล้ ความคิดแรกก็คือความตระกูลส่งคนมาซุ่มโจมตีขบวนเดินทางของ หวังเซิ่งจือ นี่อาจเป็ นเพราะพวกเขาไม่อยากให้ป้ อมปราการ 178 สนิทชิดเชื้อกับที่ราบตอนกลาง
สมาชิกของกลุ่มหวังเซิ่งจือค่อยๆ หยิบอาวุธจากท้ายรถ ขณะ เดียวกันโจวอิงหลงก็ลุกขึ้นยืนพร ้อมมือเปล่า
เริ่นเสี่ยวซูหันมองโจวอิงหลงและมั่นใจว่าชายร่างกายาจาก ตะวันตกเฉียงเหนือผู้นี้ต้องเป็ นผู้มีพลังพิเศษแน่ ไม่อย่างนั้นจางจิ่ง หลินคงไม่ส่งเขามาคนเดียวหรอก ทั้งโจวอิงหลงคงคว้าอาวุธขึ้น มาแล้ว หากศัตรูโจมตี
แต่ว่าพอขบวนรถของสมาคมตระกูลจงเข้ามาใกล้แล้วเขาก็ ประหลาดใจ มีคนกระโดดลงจากรถมาและก็ท าท่าว่าไม่ได้พกอาวุธ ทันที ผู้น ากลุ่มเป็ นเด็กหนุ่มแปลกหน้า
คนในชุดพ่อครัวจานวนหนึ่งกระโดดลงมาจากรถข้างหลังพวก เขา ต่างพกหม้อพกกระทะกันมา บ้างก็ถือถังแก๊สพกพามา
เด็กหนุ่มยิ้มกล่าว “สวัสดีตอนเย็นทุกท่าน ฉันจงเซียงจาก สมาคมตระกูลจง พอดีอยากให้ทุกคนได้ชิมอาหารของสมาคม ตระกูลจงเรา เพราะตารางเวลาทุกท่านไม่อ านวยเลยไปป้ อมปราการ
เราไม่ได้ เลยให้พ่อครัวของตัวเองมาที่นี่ให้ได้ลิ้มรสอาหารต้นตารับ เราอย่างมันฝรั่งน้าตาลเชื่อม ไก่ร ้อยบุปผา แพะย่างทั้งตัว”
เริ่นเสี่ยวซู่ที่อยู่ในรถได้ยินแบบนั้นก็แค่นเสียง สมาคมตระกูลจง อยากให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่แดดับดิ้น ก็ยังแสร ้งทาเป็ นมีอัธยาศัยดี
ก่อนจงเฉิงจะสุดแผนที่มีดสั้นปรากฏก็ดูอบอุ่นเป็ นกันเองราวพี่ น้อง แล้วสุดท้ายเป็ นอย่างไรเล่า
แม้กระทั่งตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังไม่เข้าใจว่าจงเฉิงโจมตีพวกเขา ทาไม นี่เป็ นสิ่งที่เริ่นเสี่ยวซู่โมโหที่สุดแล้ว
ขณะมองไปที่เด็กหนุ่มคนนี้ เริ่นเสี่ยวซู่มั่นใจมากว่าเขากับจงเฉิง เกี่ยวข้องกัน เขากาลังคิดอยู่ว่าเขาจะฆ่าจงเฉิงทันทีที่เห็นหน้าเลยดี ไหม แต่ถ้าเขาฆ่าจงเซียงทิ้งจงเฉิงจะทาอย่างไรนะ แต่แค่นั้นไม่พอให้ เขาดับเพลิงโทสะ
เริ่นเสี่ยวซู่ต้องทาให้ทั้งสมาคมตระกูลพังพินาศไป ฆ่าแค่จงเซียง ไม่ท าให้เขาหายแค้นหรอก
เริ่นเสี่ยวซู่ถึงกับคิดด้วยว่าตนเองควรตั้งใจทาให้หวังเซิ่งจือ โจ วอิงหลง และสมาคมตระกูลจงขัดแย้งกันเลยดีไหม อย่างเช่นฆ่าจง เซียงทิ้งและโบ้ยว่าพวกหวังเซิ่งจือเป็ นผู้ลงมือ แต่ถ้าทาแบบนั้นพวก เขาก็คงกลับที่ราบตอนกลางอย่างปลอดภัยไม่ได้หรือเปล่า คนพวกนี้ ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาไม่อาจทาเช่นนั้นได้หรอก
เริ่นเสี่ยวซู่สูดลมหายใจลึกและเชื่องช ้าเพื่อสงบอารมณ์ เขา อยากได้รับการสนับสนุนจากหวังเซิ่งจือและป้ อมปราการ 178 เพื่อใช ้ พลังของพวกเขาหาโอกาสงามท าลายสมาคมตระกูลจง
ก็อย่างคาที่ว่าไม่ตบคนหน้ายิ้ม ตอนนี้แม้แต่โจวอิงหลงก็ไม่ได้ เอ่ยอะไร
หลังจากเตรียมอาหารเรียบร ้อยแล้ว กลิ่นหอมก็อบอวลไปทั่ว ค่ายพัก จงเซียงบอกให้พ่อครัวตัดเนื้อแพะมาให้เขาชิ้นหนึ่ง เขา รับมาและส่งเข้าปาก “ขอฉันชิมก่อนทุกท่านแล้วกัน…อืม สุกดี กรอบ นอกนุ่มใน เชิญกินกันให้อร่อย ฉันไม่ขอรบกวนทุกท่านต่อแล้ว ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับในการเดินทางในตะวันตกเฉียงเหนือ”
หลังจากนั้นจงเซียงก็พาคนของตัวเองจากไป
การลองชิมคือการพิสูจน์ให้พวกหวังเซิ่งจือและคนอื่นๆ รู ้ว่าไม่มี ยาพิษในอาหาร
พอจงเซียงจากไปแล้ว โจวอิงหลงก็ถุยน้าลายลงพื้น “ไฮยีน่า แสดงไมตรีมีอะไรดีกัน”
หวังเซิ่งจือยิ้มกล่าว “ทาไมนายเกลียดสมาคมตระกูลจงนักล่ะ”
“ก่อนที่ผู้บัญชาการจางออกจากป้ อมปราการ สมาคมตระกูลจง ก็ชอบข้องแวะกับป้ อมปราการ 178 ถึงกับลอบส่งคนมาหลังก าแพง ด้วยซ้า ทาให้ข่าวในป้ อมปราการ 178 หลุดออกไปก่อนตลอด” โจ วอิงหลงพูดด้วยสีหน้าอึมครึม “ไอ้ไฮยีน่าฝูงนี้แก่งแย่งอานาจห้าหั่น
กันด้วยกลอุบายอยู่ในป้ อมปราการ 178 ท าให้ในป้ อมมีบรรยากาศ เลวร ้าย ให้หลังพวกเราพบว่าเสนาธิการเป็ นลูกนอกสมรสของ สมาคมตระกูลจง นี่ทาให้ผู้บัญชาการจางเสียใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย ตั้งแต่นั้นมาป้ อมปราการ 178 ก็ไม่รับคนนอกอีก หลักๆ คือกันไม่ให้ คนที่มีแผนการเป็ นอื่นแทรกซึมเข้ามาในป้ อมปราการได้”
“แล้วนายไปรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็ นลูกนอกสมรสของสมาคมตระกูล จง” หวังเซิ่งอินถาม
โจวอิงหลงยิ้มเยาะ “ทรมานเค้นความจริงน่ะสิ”
เริ่นเสี่ยวซู่คิด งี ้เขาก็คือสายลับที่แฝงตัวในคนทั่วไปสิ ไม่รู้ว่าลูก นอกสมรสของสมาคมตระกูลจงนั่นต้องใช ้เวลานานขนาดไหนกว่าจะ เลื่อนมาถึงเป็ นเสนาธิการทหารได้
หวังเซิ่งจือพยักหน้า ถึงว่าทาไมคนของป้ อมปราการ 178 จง เกลียดจงชังสมาคมตระกูลจงนัก เขายิ้มกล่าว “พวกเราก็เคยกังวล เรื่องนี้เหมือนกัน”
โจวอิงหลงตะลึง “แล้วตอนนี้พวกนายไม่กังวลแล้วเหรอ” “อืม จัดการได้แล้ว” หวังเซิ่งจือตอบ “เรื่องนี้มันจัดการได้ด้วยเหรอ” โจวอิงหลงขมวดคิ้ว “พอคนที่มี จุดประสงค์แอบแฝงเข้ามาในป้ อมปราการแล้วมันไม่มีทางป้ องกัน อะไรได้เลย”
“พวกเรามีเอไอคอยช่วยเหลือ” หวังเซิ่งอินยิ้มพลางอธิบาย “เอ ไอของพวกเราสามารถใช ้กล้องวิเคราะห์ได้ว่าใครน่าสงสัยหรือเปล่า”
เป็ นคราวที่เริ่นเสี่ยวซู่สับสนบ้างแล้ว ไอ้เจ้าเอไอที่พูดถึงอยู่คือ อะไรน่ะ
ไม่ใช่แค่เริ่นเสี่ยวซู่ที่ตีหน้ามึน โจวอิงหลงเองก็สับสน “คืออะไร วะนั่น”
หวังเซิ่งอินอธิบาย “เอไอหรือปัญญาประดิษฐ ์คือสิ่งที่บรรพชน เราวิจัยตั้งแต่ก่อนภัยพิบัติ โชคดีที่พวกเราเก็บรักษาข้อมูลวิจัยของ พวกเขาไว้ได้ ว่าง่ายๆ คือพวกเราอยากให้โปรแกรมคอมพิวเตอร ์ สามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆ อย่างอิสระเสรีเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา แต่ ว่าเอไอเราไม่ได้มีสติตื่นรู ้จริงๆ ปัจจุบันปรัชญาเบื้องหลังเอไอยังคง…”
“พอ ไม่ต้องบอกแล้ว ฉันฟังไม่เข้าใจหรอก” โจวอิงหลงขัด “คง ก าลังพูดถึงวิชาท านายทายทักอยู่ใช่ไหม…”
เริ่นเสี่ยวซู่พลันรู ้สึกว่าตนเองเข้าใจโจวอิงหลงเลย อะไรที่เขาไม่ เข้าใจก็นับว่าเป็ นเรื่องไสยศาสตร ์
เขารู ้ว่าเครื่องจักรกับโปรแกรมคืออะไร แต่จะให้เครื่องจักรกับ โปรแกรมคิดเหมือนกับมนุษย์เนี่ยนะ มันเป็ นไปได้ด้วยเหรอ เริ่นเสี่ยว ซู่ไม่เชื่อหรอก เครื่องจักรก็คือเครื่องจักร
เพราะภัยพิบัติ การก้าวหน้าในด้านวิทยาศาสตร ์ของมนุษยชาติ จึงเบี่ยงเบนออกไป งานวิจัยที่ยังอยู่ก็จะถูกศึกษาต่อและกลายเป็ น
ทิศทางหลักของงานวิจัยของสมาคม ซึ่งทาให้พวกเขาเป็ นผู้นา สมาคมอื่นในสาขาใดสาขาหนึ่ง
หวังเซิ่งจือว่า “ป้ อมปราการ 178 ของนายสามารถติดตั้งเอไอเรา ไว้คอยตรวจตราสายลับได้”
โจวอิงหลงไม่ได้โง่ เขาหัวเราะและโพล่งออกมาตรงๆ “ถึงฉันจะ ไม่รู ้นะว่าเจ้าของนั่นคืออะไร คอยตรวจตราสายลับฟังแล้วดูดีมาก แต่ ป้ อมปราการ 178 เราไม่มีทางให้ของนั่นมาคอยจับพาดูพวกเรา หรอก ถ้าพวกนายสั่งการมันผ่านทางไกลได้ล่ะ พวกเราไม่มี เทคโนโลยีอะไรไปสู้หรอกนะ”
หวังเซิ่งจือไม่คิดมาก “ไม่เป็ นไร ก็แค่เสนอเฉยๆ”
โจวอิงหลงถาม “ขนาดเครื่องจักรยังมีสติปัญญาได้ อย่าบอกนะ ว่านายอาศัยอยู่บนป้ อมปราการลอยฟ้ าหรืออะไรอย่างนั้นน่ะ”
หวังเซิ่งอินหัวเราะ “นั่นมันเรื่องที่เชื่อต่อๆ กันมา ต้องใช ้แรงขับ ขนาดไหนถึงจะทาให้ทั้งป้ อมปราการลอยอยู่บนอากาศได้ มนุษย์ยัง ไม่ประสบความสาเร็จขนาดนั้นหรอก ป้ อมปราการเรากับป้ อม ปราการนายไม่ต่างกันเท่าไรหรอก แค่ว่าป้ อมปราการที่พวกเรา อาศัยอยู่มั่งคั่งกว่าหน่อย มีตึกสูงเยอะกว่านิด แล้วก็สภาพการเป็ นอยู่ ดีกว่า นอกป้ อมปราการก็มีโรงงานกับไร่ธัญพืชเหมือนนาย นาโนแม ชชีนที่สมาคมตระกูลหยางกับตระกูลหลี่พัฒนาพวกเราก็ไม่มี”
ตลอดบทสนทนานี้ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เอ่ยอะไรสักคา ในฐานะผู้อพยพ เขาไม่น่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ และก็ไม่มีใครสนด้วยว่าเขาจะเข้าใจ หรือเปล่า