the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 380 อารมณ์เปลี่ยนไวยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ
- Home
- the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 380 อารมณ์เปลี่ยนไวยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ
คนของป้ อมปราการ 178 ล้อว่าสูเสี่ยนฉู่เป็ นดาวหายนะ แต่ให้ หลังทุกคนก็พบว่าเขาไม่ได้เป็ นดาวหายนะอะไรทั้งนั้น เพราะว่าตั้งแต่ เขาเข้าป้ อมปราการมา ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ยินว่าที่สูเสี่ยนฉู่เข้าร่วมป้ อมปราการ 178 มาได้เพราะจดหมายแนะนาจากเพื่อน ไม่อย่างนั้นจะเข้ามาใน ป้ อมปราการ 178 ยังเข้าไม่ได้เลย และก็เป็ นเพื่อนเขาคนนั้นเองที่ดวง ซวยสุดๆ ไม่ว่าไปป้ อมปราการไหน ป้ อมปราการนั้นก็พังหมด หลังจากสูเสี่ยนฉู่เข้าป้ อมปราการ 178 ก็พูดถึงแต่เรื่องเพื่อนคนนี้ ดัง นั้นโจวอิงหลงจึงเชื่อมโยงเข้าได้ทันที
ระหว่างพวกเขาเดินทางกัน โจวอิงหลงนึกว่าเริ่นเสี่ยวซู่เป็ นแค่ผู้ อพยพธรรมดา ด้านหนึ่งเพราะท่าทีของเริ่นเสี่ยวซู่ดูน่าเชื่อถือมาก อย่างไรเดิมทีอีกฝ่ ายก็เป็ นผู้อพยพอยู่แล้ว ด้านหนึ่งคือข้อมูลที่เริ่น เสี่ยวซู่พูดเกี่ยวกับนิคมของผู้อพยพก็ตรงกับที่โจวอิงหลงรู ้มา
แล้วทาไมสถานะเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ล่ะ
หวังเซิ่งอินเบ้ปาก เธอกระซิบกับหวังเซิ่งจือ “พี่ เขาโกหกเรา เจ้า อุบายเกินไปแล้ว”
หลังจากช่วยเริ่นเสี่ยวซู่มา หวังเซิ่งอินเป็ นคนเย็บแผลให้เขาเอง ทั้งยังเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขาด้วย เธอนึกว่าเริ่นเสี่ยวซู่เป็ นผู้อพยพผู้
น่าสงสารที่ดูซื่อสัตย์ไม่น้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดความจริงแม้แต่ ความจริงเดียวตลอดการเดินทางนี้
ผู้หญิงไม่ชอบโดนโกหก ความประทับใจที่หวังเซิ่งอินมีต่อเริ่น เสี่ยวซู่ตกวูบไปในชั่วพริบตา อย่างเดียวที่เธอคาดไม่ถึงคือเริ่นเสี่ยวซู่ มีการติดต่อกับป้ อมปราการ 178 ด้วย
หวังเซิ่งจือยิ้มอย่างไม่ยี่หระ “เขาไม่ได้เจ้าอุบายอะไรหรอก ที่เขา ไม่เชื่อใจเราถือเป็ นเรื่องปกติอยู่ ต้องเป็ นเพราะความระแวดระวัง เช่นนี้ถึงทาให้เขาเอาตัวรอดในแดนรกร ้างได้ แต่ดูจากอายุเขาแล้ว ต้องผ่านอะไรมานะถึงได้ขี้ระแวงแบบนี้”
“แต่เขาก็ยังโกหกอยู่ดี!” หวังเซิ่งอินหงุดหงิด
ตอนนี้เองจางจิ่งหลินก็ออกจากรถมาด้วย ข้างเขายังมีผู้คุ้มกัน จากขบวนรถอยู่ด้วย จางจิ่งหลินหัวเราะกล่าวกับพวกเขา “ไม่ต้องตึง เครียดขนาดนั้นหรอก ทุกคนต่างเป็ นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน”
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เหล่าชายร่างกายาที่ตามเขาติดๆ มีคน พึมพ า “ถ้ามีคนคิดร้ายต่อผู้บัญชาการล่ะ”
หวังเซิ่งจือยิ้ม มองสถานการณ์ไปเรื่อย เขารู ้สึกอิจฉากับสถานะ สูงส่งในป้ อมปราการ 178 ของจางจิ่งหลินอยู่บ้าง ดูแล้วอย่างไรก็เป็ น บัณฑิตบอบบาง แต่มีคนร่างสูงใหญ่จากทางเหนือมากมายยอม สวามิภักดิ์
คนที่ติดตามจางจิ่งหลินมามีอาวุธครบมือ ดูแล้วน่าเกรงขามมาก ถ้าถูกส่งไปป้ อมปราการพวกเขา ณ ที่ราบตอนกลาง เอไอต้องคิดว่า เป็ นผู้ร ้ายและแจ้งให้กองดูแลความสงบเรียบร ้อยมาจับพวกเขาแน่
จางจิ่งหลินพลันเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยเช่นกัน เขาขมวดคิ้วมุ่น ทักทายหวังเซิ่งจือสั้นๆ ก่อนจะเดินไปหาเริ่นเสี่ยวซู่ “เกิดอะไรขึ้น แล้วลิ่วหยวนไปไหน เสี่ยวอวี้ล่ะ”
จางจิ่งหลินทาเหมือนสูเสี่ยนฉู่ เขาเลิกเสื้อเริ่นเสี่ยวซู่ขึ้นและ ส ารวจมองบาดแผล “บาดแผลจากของแหลมคม น่าจะเป็ นแผล รูปแบบเดียวกันที่ทหารเราโดนซุ่มโจมตีหรือเปล่า”
คนข้างหลังเขาก้มตัวลงมอง “ถูกเย็บไปแล้วเลยบอกไม่ถูก เอา ไหมออก จะได้ดูแผลให้ชัดกว่านี้ไหม”
เริ่นเสี่ยวซู่หมดคาจะพูด ใครเขาแนะนาให้เอาไหมออกทั้งๆ ที่ แผลยังไม่หายดีแค่เพราะอยากดูรอยแผลชัดๆ กัน…
จางจิ่งหลินถามอย่างเคร่งเครียด “ฝีมือใคร”
“จงเฉิงแห่งสมาคมตระกูลจง” จางจิ่งหลินอยู่นี่แล้วเริ่นเสี่ยวซู่ก็ ไม่บิดบังอะไรอีก พวกเขารู ้จักกันมาหลายปี ทั้งยังเป็ นมิตรสหายที่ดี ต่อกัน เขาว่า “พวกเรามีแผนจะไปปักหลักที่เขาขูสุ่ยกัน แต่เจอจง เฉิงพาคนมาซุ่มโจมตีเราระหว่างทางเสียก่อน”
จางจิ่งหลินคิ้วขมวดมุ่น “จงเฉิง!”
“คุณจางรู ้จักจงเฉิงด้วยเหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่ชะงักไปวูบหนึ่ง
“รู ้จัก” จางจิ่งหลินว่า “จงเฉิงกับจงเซียงเป็ นหัวกะทิในหมู่คนรุ่น เยาว์ของตระกูลจง ดูเหมือนว่าเบื้องบนมีความคิดจะให้จงเซียงขึ้น เป็ นผู้คุมบังเหียนสมาคมตระกูลจง ส่วนจงเฉิงจะเป็ นเงาของจงเซียง พวกเขาเป็ นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน”
เริ่นเสี่ยวซู่จาเด็กหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาชื่อจงเซียงได้ เขาเข้า มาใกล้จนเริ่นเสี่ยวซู่สามารถลงมือสังหารได้ แต่ว่านั่นก็ไม่ถือว่า พลาดโอกาสไปแล้วจริงๆ ฆ่าจงเซียงไปจะทาให้จงเฉิงตื่นตระหนกเอา ในอนาคตยังมีโอกาสอีกมากให้ลงมือปลิดชีพทั้งคู่
แต่จางจิ่งหลินกล่าว “จงเฉิงเป็ นผู้มีพลังพิเศษ เหมือนว่าพลัง ของเขาจะทาให้ผู้อื่นกลายเป็ นหุ่นเชิด แต่ว่าพวกเรายังยืนยันไม่ได้ เพราะเขาเก็บตัวเงียบและท าตัวยากคาดเดามาก”
เริ่นเสี่ยวซู่หน้างิ้วคิ้วขมวด ถ้าจงเฉิงเป็ นอย่างที่จางจิ่งหลินว่า หรือว่าที่จงเฉิงโจมตีพวกเขาเพราะอยากจะควบคุมตนเองกันนะ? ไม่ สิ! ถ้าอยากควบคุมเขาคงไม่พยายามลงมือถึงชีวิต ซึ่งหมายความว่า …เขาคิดอยากจะควบคุมหยางเสียวจิ่น!
หวังเซิ่งจือและคนอื่นๆ ถูกเมินไปแล้ว หวังเซิ่งอินมองจางจิ่งหลิน กับสูเสี่ยนฉู่ยืนรุมเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยสายตาว่างเปล่า เด็กหนุ่มผู้นี้เป็ นที่ น่านับถืออย่างสูงในป้ อมปราการ 178? เชี่ยอะไรเนี่ย พวกเธอเก็บ
เด็กหนุ่มมาจากถนน แต่กลายเป็ นเป็ นบุคคลส าคัญเฉยเลย พวกเธอ เก็บเขามาแบบสุ่มๆ จริงๆ นะ!
หวังเซิ่งอินหันไปหาโจวอิงหลง “นายไม่รู ้จักเริ่นเสี่ยวซู่ผู้นี้จริงอะ เขาไม่ได้มาจากป้ อมปราการ 178 หรอกเหรอ”
โจวอิงหลงเองก็สับสนอยู่บ้าง “ฉันเองก็ไม่รู ้ว่าเขารู ้จักผู้ บัญชาการด้วย”
อีกอย่างท่าทีที่จางจิ่งหลินมีต่อเริ่นเสี่ยวซู่นั้นพิเศษอยู่บ้าง พอโจ วอิงหลงคิดดูแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่เป็ นคนแนะนาสูเสี่ยนฉู่ให้ไปป้ อม ปราการ 178 สินะ?
ตอนนี้จางจิงหลินกาลังกระซิบอะไรบางอย่างกับเริ่นเสี่ยวซู่ จากนั้นเขาก็หันมากล่าวกับหวังเซิ่งจืออย่างเขินๆ “โทษทีจะเซิ่งจือ แต่เริ่นเสี่ยวซู่เป็ นลูกศิษย์ฉัน ไม่คิดเลยว่าจะเจอเขาที่นี่ แถมยัง บาดเจ็บหนักอีก”
หวังเซิ่งจือประหลาดใจ “ลูกศิษย์นาย งั้นทาไมเขาไม่ใช่คนของ ป้ อมปราการ 178 ล่ะ”
จางจิ่งหลินตอบ “ลูกศิษย์ฉันประหลาดอยู่หน่อย กลับป้ อม ปราการ 178 ก่อนแล้วค่อยมาพูดคุยกัน”
โจวอิงหลงพลันพึมพาขึ้นมา “จบสิ้นแล้ว พวกเราจบสิ้นแล้ว เขา ไปป้ อมปราการไหน ป้ อมปราการนั้นก็พังหมด และป้ อมปราการ 178
เรามีสองดาวหายนะอยู่ด้วยกัน แถมคนหนึ่งยังเป็ นถึงลูกศิษย์ของผู้ บัญชาการอีก!”
ชายร่างก าย าข้างเขาพึมพ า “เหล่าโจว พึมพ าอะไรอยู่น่ะ”
“เปล่าๆ…”
พอออกเดินทางกันอีกครั้ง เริ่นเสี่ยวซู่ยังคงนั่งอยู่รถเดียวกับ หวังเซิ่งอิน แต่เขาสังเกตเห็นว่าหวังเซิ่งอินมีสีหน้าแปลกๆ แลดูแง่ งอน แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้กล่าวอธิบายอะไร เพียงเอ่ยว่า “ขอบคุณที่ ช่วยฉันนะ แต่ฉันไม่มีทางเลือก โปรดเข้าใจฉันด้วย”
หวังเซิ่งอินเบ้ปาก “อืมๆ ใช่ๆ นายเป็ นคนใหญ่คนโต แน่นอน ต้องปิดบังสถานะตัวเองกันคนอื่นทาร ้าย”
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เอ่ยอะไรต่อ เพียงมองออกนอกหน้าต่าง จางจิ่ง หลินบอกเขาก่อนหน้าว่าควรกลับป้ อมปราการ 178 ก่อน ทางนั้นมี แผนการจัดการสมาคมตระกูลจงอยู่ ถ้าเขาอยากแก้แค้น ตอนนี้ก็ ต้องพึ่งพาป้ อมปราการ 178 แม้กระทั่งสมาคมตระกูลชิ่งตอนนี้ก็ไม่ อาจหันไปสนใจทางอื่นได้เพราะกาลังวุ่นกับการป้ องกันการโจมตี กลับด้วยความสิ้นหวังของสมาคมตระกูลหยาง
จางจิ่งหลินรู ้ดีว่าเริ่นเสี่ยวซู่ต้องการอะไร เพียงประโยคเดียวก็ โน้มน้าวเริ่นเสี่ยวซู่ได้
ทันใดนั้นหวังเซิ่งอินก็ถามเสียงค่อย “เกิดเรื่องกับครอบครัวนาย จริงๆ ใช่ไหม เป็ นฝีมือของสมาคมตระกูลจงงั้นเหรอ”
“อืม” เริ่นเสี่ยวซู่มองออกไปนอกหน้าต่าง ตอบรับด้วยการส่ง เสียงในคอ
“เอาเถอะ ฉันให้อภัย” หวังเซิ่งอินว่า “ไม่ต้องเศร ้าไปนะ พวกเรา จะช่วยนายตามหาพวกเพื่อนๆ ในที่ราบตอนกลางเอง”
เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจ อารมณ์ผู้หญิงนี่ซับซ ้อนซ่อนเงื่อน เปลี่ยนไวยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ