the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 386 ยึดครองเขาติ้งย่วนโดยไว
โจวอิงหลงชำเลืองมองเริ่นเสี่ยวซู่ เขาสูดลำหายใจลึกแล้ว
ถาม “ทำไมจู่ๆ พวกเขาก็ต่อยตีกัน”
เริ่นเสี่ยวซู่กระพริบตาปริบๆ “ไม่รู้สิ คงมีเรื่องทะเลาะกันมั้ง
ผู้บัญชาการกองพันไม่ไปห้ามพวกเขาเหรอ เห็นว่ากองร้อยเจียน
เตาต้องไปเขาติ้งย่วนนี่”
โจวอิงหลงนิ่งค้างไปสองวินาทีก่อนจะเลิกสนใจเริ่นเสี่ยวซู่
เขาวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุ “ทุกคนหยุดมือ กองร้อยเจียนเตา กลับไป
ค่ายตัวเองและรวมพลในสิบนาที ไหนๆ ก็มีแรงเหลือเฟือขนาดนี้ก็
คงไม่ต้องพักวันหนึ่งแล้ว เคลื่อนพลไปเขาติ้งย่วนได้เลย! ”คำพูดของโจวอิงหลงยังมีน้ำหนักมากในกองพันทหาร
ทัพหน้า ดูเหมือนว่าทั้งสองกองร้อยจะชินกับเรื่องนี้แล้ว ดังนั้น
แม้กำลังต่อยตีกันก็หยุดกึกทันทีที่โจวอิงหลงเข้ามาแทรก
กองร้อยเจียนเตากลับหลังหันและวิ่งกลับค่ายพักตนเอง
คำสั่งทหารไม่ใช่เรื่องจะปล่อยปะละเลยได้ ถ้าพวกเขาถูกสั่ง
ให้รวมพลในสิบนาที ก็ต้องทำให้ได้ภายในสิบนาทีโดยไม่ช้าไป
แม้แต่วินาทีเดียว
ก่อนพวกเขาจะจากไป คนของกองร้อยเจียนเตายังเห็นเริ่น
เสี่ยวซู่ยืนอยู่ข้างโจวอิงหลงอย่างไร้รอยขีดข่วนด้วย พอคิดถึงเรื่อง
ที่เพิ่งเกิดขึ้นก็แทบจะกระอักเลือดออกมา
ตอนนี้เองทหารกองร้อยที่สองที่ถูกอัดล้มก็ค่อยๆ พยุงตัวขึ้น
มาจากพื้น พอเขาเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ตะโกน “เขาไงที่เป็นคนต่อยฉัน
แถมยังตะโกนใส่ด้วยว่า ‘กองร้อยเจียนเตาไร้เทียมทาน’”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงจริงจัง “มองผิดคนแล้ว”
โจวอิงหลงเลิกคิ้วและบอกเริ่นเสี่ยวซู่ “ฉันอยากให้นายไป
รวมพลกับคนอื่นๆ ด้วย”
เริ่นเสี่ยวซู่ตอบ “รับทราบ!” จากนั้นก็วิ่งกลับไปยังค่ายพักของ
กองร้อยเจียนเตาพอเขาเข้ามาในค่ายของกองร้อยเจียนเตา พวกทหาร
กองร้อยก็ยืนเข้าแถวพร้อมกับกระเป๋าสัมภาระที่หลัง เริ่นเสี่ยวซู่พูด
“ทหารใหม่เริ่นเสี่ยวซู่มารายงานตัว”
คนร้อยแปดสิบกว่านายแห่งกองร้อยเจียนเตามองเริ่นเสี่ยว
ซู่อย่างพูดไม่ออก ผู้บังคับกองร้อยโกรธจนยิ้มว่า “ดีจริงโว้ยเริ่น
เสี่ยวซู่ นายเป็นคนแรกในป้อมปราการ 178 ที่ทำให้กองร้อยเจียน
เตาดูเป็นไอ้โง่ เยี่ยมไปเลย!”
เริ่นเสี่ยวซู่ตอบอย่างสุภาพว่า “แต่ฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของ
กองร้อยเจียนเตาเหมือนกัน”
ผู้บังคับกองร้อยผรุสวาท “เข้ามาในแถวได้แล้ว และไปอยู่
ตรงหน่วยที่หนึ่ง หลังสงครามจบฉันจะสั่งสอนนายเอง”
ผู้บังคับกองร้อยมองแถวรวมพล กำลังจะอ้าปากสั่งการ ทว่า
เหล่าชายฉกรรจ์ตรงหน้าเขาดูหน้าช้ำเขียวไปหมด เครื่องแบบก็
ขาดยู่ยี่ จมูกทหารนายหนึ่งมีเลือดกำเดาไหลไม่หยุด แต่ว่าเขาไม่
สะเทือน ไม่แม้แต่จะยกมือขั้นมาเช็ดเลือดออกเพราะเข้าแถวอยู่
ผู้บังคับกองร้อยเห็นภาพนี้ก็ปวดใจ ทำไมพวกเขาต้องโดน
อะไรแบบนี้ด้วยวะ!โจวอิงหลงเดินเข้ามาพร้อมฮัมเพลงเบาๆ ไปด้วย ผู้บังคับ
กองร้อยกล่าว “รายงานผู้บัญชาการกองพัน กองร้อยเจียนเตา
รวมพลแล้ว จำนวนทั้งสิ้นหนึ่งร้อยแปดสิบสี่นาย คงแถวหนึ่งร้อย
แปดสิบสี่นายครับ!”
โจวอิงหลงพยักหน้าขณะมองกองร้อยเจียนเตาเข้าแถว
รวมพล เขาพูดอย่างโมโห “ดูสภาพสิ! มีคนมากกว่ากองร้อยที่สอง
ตั้ง
หกสิบนาย ทำไมดูไปพวกนายมันไร้ประโยชน์นัก! ช่วงฝึกก็ทำได้
ดีมากไม่ใช่เหรอ ถึงกับยึดศูนย์บัญชาการเราได้ด้วยนี่ ความ
หยิ่งผยองตอนนั้นหายไปไหนแล้ว”
โจวอิงหลงพูดอยู่หน้ากองร้อยเจียนเตาและหัวเราะออกมา
เริ่นเสี่ยวซู่ที่ยืนอยู่ในแถวคิด ดูจากวิธีที่โจวอิงหลงนำทหาร
แล้ว เขาก็คงไม่ได้ปกตินักหรอก
โจวอิงหลงพูดต่อ “ในป้อมปราการเรามีเครื่องแบบไม่พอใช้
อยากรู้จริงๆ ว่าออกไปรบด้วยสภาพชุดแบบนี้แล้วจะโดนล้อไหม
จางเสียวหม่าน หวังว่านายจะยังไม่ลืมนะว่าต้องยึดเขาติ้งย่วน
ให้ได้ภายในเวลาครึ่งเดือน เอาล่ะ ได้เวลาเดินทางแล้ว”
ผู้บังคับกองร้อยเจียนเตายืนแถวตรงรับคำสั่งและตะโกน
“ผู้บัญชาการกองพันวางใจได้ ถ้าพวกเรายึดเขาติ้งย่วนภายในครึ่งวันไม่ได้ ผมจะปลิดชีพตัวเสีย”
เขาพูดจบ ทหารกองร้อยเจียนเตาที่อยู่ในแถวก็คำราม
“ผู้บัญชาการกองพันวางใจ! พวกเราจะชนะในการรบสนามแรกนี้!”
ตอนนี้เองเริ่นเสี่ยวซู่จึงสัมผัสได้ถึงความกระหายเลือดของ
อันธพาลกลุ่มนี้ ก่อนหน้าพวกเขายังคนรุมอัดคนเจ็บอยู่เลย
พฤติกรรมไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว!
หลังจากโจวอิงหลงออกจากค่ายพักไปแล้ว จางเสียวหม่านก็
ผ่อนคลายลง เขามองเริ่นเสี่ยวซู่และว่า “ทำได้ดีมากเจ้าหนู! ทำให้
กองร้อยเจียนเตาเราเสียหน้าหมดแล้ว”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงค่อย “ครับๆๆ”
“เจียวเสี่ยวเฉิน!” จางเสียวหม่านเรียกหัวหน้าหน่วยรบที่หนึ่ง
“ตั้งแต่นี้ไปเริ่นเสี่ยวซู่จะอยู่ในหน่วยนาย คอยจับตาเขาด้วย ถ้าเขา
ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก็อัดให้ตาย”
เจียวเสี่ยวเฉินพึมพำ “ผู้บังคับกองร้อยก็เห็นว่าเขาวิ่งไวขนาด
ไหนใช่ไหม ถ้าพวกเราอยากอัดเขา คงวิ่งตามจับไม่ทันเลยมั้ง”
“เลิกพูดไร้สาระ พวกเราจะเดินทางกันแล้ว” จางเสียวหม่าน
หันไปหาเริ่นเสี่ยวและว่า “ตอนนี้นายเข้ามาอยู่ในกองร้อยเจียนเตา
แล้วก็เตรียมลำบากได้เลย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเมื่อก่อนนายอยู่มายังไง แต่คงอยู่ดีกินดีและไม่เคยนอนในแดนรกร้างมาก่อน ทว่า
นับแต่นี้ไป วันเวลาดีๆ ของนายแบบเมื่อก่อนมันจบลงแล้ว!”
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ตอบ เพียงปล่อยให้การกระทำพิสูจน์ว่าเขา
รับมือได้
กองพันทหารทัพหน้าเป็นกองหน้าของป้อมปราการ 178
หน้าที่ไม่ใช่แค่คุมจุดยุทธศาสตร์ แต่ยังทำหน้าที่ยืนยัน
ความถูกต้องแม่นยำของแผนที่ของสนามรบด้วย พวกเขา
จะรายงานข่าวกรองกลับไปยังศูนย์บัญชาการ ชี้แนะหนทางการ
สร้างสะพานและภารกิจทำถนนเพื่อสร้างฐานปฏิบัติการหน้าของ
กองพันทหารช่าง
ยานเกราะและปืนใหญ่จะเข้าถึงสมาคมตระกูลจงได้ก็ต่อเมื่อ
สะพาน ถนน และฐานปฏิบัติการหน้าจัดตั้งอย่างเรียบร้อยแล้ว
และกองร้อยเจียนเตาก็เป็นทหารแนวหน้าของกองพันทหาร
ทัพหน้า พวกเขาเป็นพวกแรกที่ต้องชนะปัญหาใดๆ
ที่ผู้มีสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการป้อมปราการต่างเคยฝึกใน
กองร้อยเจียนเตาหมดนั้นไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล ถ้าพวกเขาไม่เคย
ได้รับประสบการณ์ในกองร้อยที่สาหัสที่สุดแล้ว เขาจะกลายเป็น
ผู้บัญชาการที่ดีได้อย่างไรมันเป็นตัวอย่างที่สืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน เพราะอย่างนั้น
ทหารในกองร้อยเจียนเตาจึงคาดหวังกับเริ่นเสี่ยวซู่ยิ่งกว่าเดิม คนผู้
นี้อาจจะได้เป็นผู้บัญชาการป้อมปราการในอนาคต แต่เขาจะทำได้
หรือเปล่านี่อีกประเด็น
โจวอิงหลงมอบรถบรรทุกทหารให้กองร้อยเจียนเตาสิบคัน
นอกจากจะใช้ขนคนแล้ว ยังขนปืนกลหนัก ปืนครก และอาวุธอื่นๆ
อีก ถ้าอยากจะยึดเขาติ้งย่วนโดยไม่มียุทโธปกรณ์พวกนี้ก็เรียกว่า
ฝันไปแล้ว
หลังจากขึ้นรถ ผู้บังคับกองร้อยจางเสียวหม่านก็กำลังสำรวจ
แผนที่ในมือ “ในเขาติ้งย่วนมีโจรกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ในหมู่
พวกนั้นมีทหารประจำการของสมาคมตระกูลจงด้วยหรือเปล่า ตอน
โจมตีต้องระวังให้มาก”
เริ่นเสี่ยวซู่ก็นั่งอยู่บนรถคันเดียวกับผู้บังคับกองร้อย เขา
เห็นด้วยกับจางเสียวหม่านไม่น้อยว่าพวกเขาต้องห้ามมองโจรบน
เขาติ้งย่วนและเขากวนซานเป็นโจรธรรมดา
จางเสียวหม่านพูดต่อ “พวกเรามีเวลาไม่มาก บนเขาติ้งย่วน
น่าจะมียังมีน้ำพุธรรมชาติอยู่ดังนั้นเรื่องตัดแหล่งน้ำนั้นเลิกคิดได้
เลย มีใครมีความคิดดีๆ ไหม”จางเสียวหม่านมองไปรอบๆ หาคนเสนอความคิดแต่ก็ไม่
มีใครเอ่ยอะไร เริ่นเสี่ยวซู่ที่อยู่ตรงมุมก็หลับตาไม่ปริปาก
สายตาจางเสียวหม่านจับต้องไปที่เริ่นเสี่ยวซู่ “ดูเหมือนนาย
จะมีความคิดดีๆ หลายอย่างนะ บอกมาหน่อยว่าพวกเราควรสู้ศึกนี้
ยังไง”
“ก็แค่สู้?” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า เขาไม่เคยไปเขาติ้งย่วนมาก่อนจึง
ไม่รู้ว่าสภาพภูมิประเทศเป็นแบบไหน เขาจะคิดแผนอะไรออกได้
อย่างไร
จางเสียวหม่านพูดเยาะ “พวกโจรน่าจะมีปืนกลหนัก ปืนครก
มีอาร์พีจีอีก รู้ไหมว่าถ้าเราสู้ซึ่งหน้าต้องมีคนตายมากมายแค่ไหน
คิดว่าตัวเองเป็นเหมือนสูเสี่ยนฉู่ที่มีร่างเงาไร้เทียมทานพร้อมหม้อ
ดำที่สามารถแหวกผ่านสนามได้ง่ายๆ งั้นสิ”
เริ่นเสี่ยวซู่ปากกระตุก “ฉันเป็นแค่พลทหาร ดังนั้นจะทำ
ตามคำสั่ง”
จางเสียวหม่านพยักหน้า “ทัศนคติไม่เลว