the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 392 ความฝันของจางเสียวหม่าน
ทหารทุกนายในป้อมปราการ 178 ล้วนมีความรู้สึกเป็น
ส่วนหนึ่งของป้อมปราการโบราณอันแกร่งกล้า แต่เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยัง
สงสัยไม่สร่าง “สมาคมในเขตชั้นในไม่เคยบอกประชาชนของตัวเอง
เกี่ยวกับความพยายามและความสำ เร็จของพวกนายมาก่อน
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าพวกนายกำลังรักษาสันติสุขให้พวกเขาอยู่
ถึงแบบนั้นพวกนายก็ยังอยากปกป้องคุ้มกันต่อไปงั้นเหรอ”
“รู้หรือไม่รู้ล้วนเป็นเรื่องของพวกเขา” จางเสียวหม่านยิ้มกล่าว
“แต่ปกป้องที่นี่เป็นเรื่องของพวกเรา”
เพราะตอนนี้ต่างคนต่างขนกระสุนและยุทโธปกรณ์อื่นเพิ่ม
น้ำหนักบนหลังจึงหนักแทบเท่าครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัวเองแล้ว
ถึงทุกคนจะบ่นอิดออกมาว่าเหนื่อยมาก แต่ก็ไม่มีใครคิดอยาก
จะโยนกระสุนทิ้งเพราะว่ายังต้องเอาไปใช้ช่วยชีวิตบนสนามรบจากคำที่จางเสียวหม่านว่าไว้ เมื่อสงครามเริ่มขึ้น คนได้แต่
เชื่อมั่นปืนในมือของตัวเอง กระซุนในซอง และเพื่อนทหารใน
สนามเพลาะ
ดังนั้นกองร้อยเจียนเตาจึงเกลียดชังคนขี้ขลาด เพราะ
คนขี้ขลาดในกองร้อยอาจทำให้ทหารคนอื่นสิ้นชีพ
“ได้ยินว่าตอนที่ผู้บัญชาการจางเข้าร่วมกองร้อยเจียนเตาใน
ฐานะทหารเสนารักษ์ เขาไม่ยอมยิงปืนด้วยซ้ำ ” จางเสียวหม่านยิ้ม
ขณะพยายามเดินทัพไปข้างหน้า “ตอนนั้นคนในกองร้อยเจียนเตา
ต่างไม่ชอบหน้าเขากันหมด แต่เขาไม่เคยมีปากเสียงอะไรสักครั้ง แต่
ตอนสู้รบ สุดท้ายเขาช่วยชีวิตทหารหลายร้อยนาย นอกจากเขา
จะช่วยคนในกองร้อยตัวเองแล้วก็ยังไปช่วยคนจากกองร้อยอื่นๆ
ด้วย ทำให้เขาได้รับความเคารพนับถือขึ้นมา ก่อนหน้านั้นทุกคนต่าง
นึกว่าเป็นแค่คนขี้ขลาดตาขาว”
ชายหยาบกระด้างพวกนี้ไม่กลัวจะคุยเรื่องจางจิ่งหลินเลย และ
จางจิ่งหลินเองก็ไม่ว่าอะไรด้วยจางเสียวหม่านว่า “พอเห็นรูปร่างผอมๆ แห้งๆ ของนาย
ตอนแรก ก็นึกว่าจะสู้ไม่เก่งซะอีก ไม่นึกเลยว่าจะดุร้ายขนาดนี้”
เริ่นเสี่ยวซู่ถามอย่างสงสัย “ตอนคุณจางยังอยู่กองร้อยเจียน
เตา นายอยู่ในกองร้อยไหมน่ะ”
“กะผีสิ! ตอนนั้นฉันยังเล่นโคลนอยู่เลย” จางเสียวหม่านยิ้มว่า
“นั่นเป็นเรื่องของคนรุ่นก่อนทั้งนั้น”
“รุ่นก่อน?” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ใครเป็นคนรุ่นก่อนในป้อมปราการ
178 บ้าง”
จางเสียวหม่านนึกย้อนไปและตอบ “พูดไปก็เท่านั้นเพราะ
ส่วนใหญ่ตายไปหมดแล้ว”
“แย่ขนาดนั้นเชียว?” เริ่นเสี่ยวซู่ตกใจ “มันเกิดอะไรขึ้น”
“สิบหกปีที่แล้ว มีสงครามหนักหนาสาหัสหนึ่งที่ทำให้กำลังเก้า
สิบเปอร์เซ็นต์เดิมของเราต้องดับสิ้นไป ผู้รอดชีวิตที่เหลือก็แทบ
เอาตัวรอดมาไม่ได้ ป้อมปราการเองก็เกือบถูกทำลายด้วย” จาง
เสียวหม่านตอบ “รู้หรือเปล่าทำไมป้อมปราการ 178 ถึงรับผู้อพยพ
เข้ามา ด้านหนึ่งเพราะเดิมทีทุกคนก็เป็นผู้อพยพ บ้างก็เป็นนักโทษที่ถูกเนรเทศมาจากที่ราบตอนกลาง ต่างคนต่างมีสถานะเดียวกัน
ย่อมไม่มีข้อข้องใจอะไรกัน ส่วนอีกด้าน…เป็นเพราะว่านอกจาก
ผู้อพยพแล้ว ก็ไม่มีใครอยากมาที่ยากจนแร้นแค้นแบบนี้อีก
ป้อมปราการ 178 ต้องการคนพวกนั้นมาช่วยปกป้องคุ้มกัน
ป้อมปราการ”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดด้วยความประหลาดใจ “ในป้อมปราการ 178
มีพวกที่ถูกเนรเทศมาจากที่ราบตอนกลางด้วย?”
“ใช่” จางเสียวหม่านยิ้มกล่าว “เพื่อนบ้านฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ว่าฉันไม่เห็นใครถูกเนรเทศจากที่ราบตอนกลางมาสิบกว่าปีแล้ว
นะ ได้ยินว่าพวกเขาถูกเนรเทศไปป้อมปราการ 176 ที่อยู่ทางเหนือ
แทน เหนือป้อมปราการ 176 ไปจะเป็นดินแดนทุ่งหญ้า”
“ป้อมปราการ 176 อยู่ไกลจากที่พวกเราอยู่มากเลยเหรอ”
“ไกลมาเลยล่ะ”
จากนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ถาม “นายมีความคิดหรือมีเรื่องอย่างอื่น
อยากทำนอกจากรอให้ระฆังดังไหม”“มีสิ” จางเสียวหม่านหัวเราะ “ฉันอยากเป็นผู้บัญชา
กองพลน้อยเหมือนพ่อฉัน!”
เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึงไป “พ่อนายเคยเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อย?”
จางเสียวหม่านชะงักไปครู่ก่อนจะว่า “ฉันหมายถึงว่าพ่อฉันเอง
ก็มีความฝันอยากเป็นผู้บัญชาการกองพลน้อยเหมือนกัน”
เริ่นเสี่ยวซู่เลิกคิ้ว
ระยะเดินทางจากเขากวนซานไปเขาติ้งย่วนค่อนข้างสั้น
พวกเขายังไปได้ไม่ไกล เจียวเสี่ยวเฉินที่ทำหน้านำขบวนก็พลันยกฝ่า
มือขึ้น ทันใดนั้นทหารทุกนายก็คุกเข่าลงยกปืนขึ้น เตรียมตั้งรับเต็มที่
จางเสียวหม่านก้มต่ำวิ่งไปหน้าขบวน เขากระซิบ “มีอะไร”
“เจอร่องรอยศัตรู น่าจะเป็นจุดเฝ้ายามลับ” เจียวเสียวเฉินว่า
จางเสียวหม่านหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นส่องไปข้างหน้า ก่อน
จะแปลกใจที่เห็นควันลอยออกมาจากร่องน้ำที่ห่างออกไปหลายร้อย
เมตรข้างหน้า “ฉันว่ามีคนสูบบุหรี่อยู่แน่ ควันไฟทำอาหารไม่ได้
มีลักษณะแบบนี้ โจรเวรพวกนี่แม่*ถึงกับมีจุดเฝ้ายามอยู่ตีนเขาด้วย
มืออาชีพฉิบ! แต่แย่ที่คนเฝ้ามันโง่”โจรภายใต้สมาคมตระกูลจงต่างไปจากโจรคนอื่นๆ แต่โจรก็ยัง
เป็นโจรอยู่วันยังค่ำ
“พวกเราเอาไงดี” เจียวเสี่ยวเฉินถาม “ฆ่าพวกเขา?”
“อืม พวกเราคืบหน้าผ่านร่องน้ำนี่ไปทางพวกเขาก่อน ฟู่หราว
หลินผิงอัน ดูหน่อยว่าพวกนายไปทางนั้นและฆ่าพวกเขาเงียบๆ โดย
ไม่ใช้ปืนได้ไหม ฉันไม่อยากให้มีเสียง” จางเสียวหม่านว่า
ทหารสองคนนี้เป็นทหารยอดเยี่ยมที่สุดในกองร้อยเจียนเตา
เก่งกาจด้านแทรกซึมและต่อสู้ด้วยมีด
แต่ฟู่หราวกระซิบ “ผู้บังคับกองร้อย เริ่นเสี่ยวซู่นำไปก่อนแล้ว
…”
สิ้นเสียงนั้นไปจางเสียวหม่านก็ปวดสมองหนึบ มีคนดุร้ายใน
กองร้อยแบบนั้นทำให้เขาปวดหัวแท้ เขาว่า “รอที่นี่เงียบๆ!”
จางเสียวหม่านกลัวมากว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะทำให้เกิดเสียงดัง
เกินไป แต่ว่าข้างหน้าเขานั้นเงียบสนิท หลายนาทีผ่านไป เริ่นเสี่ยว
ซู่ก็กลับมาพร้อมกับสองร่าง ทว่ายังไม่ตาย เพียงแค่หมดสติไปเริ่นเสี่ยวซู่โยนชายสองคนนั้นลงกับพื้น “พวกเราถามพวกเขา
เรื่องตำแหน่งที่ตั้งทหารหรืออาวุธบนเขาได้ ใครจะไปรู้ บางที
พวกเขาอาจจะบอกตำแหน่งปืนครกและปืนกลหนักกับพวกเราได้
พวกโจรไม่ปิดปากนักหรอก และสองคนนี้น่าจะรู้เรื่องปฏิบัติการ
อะไรๆ ไม่น้อยด้วย”
จางเสียวหม่านผงะ ส่วนใหญ่เวลาลอบเข้าไปในแนวป้องกัน
ของศัตรูแล้ว มันยากมากที่จะจับเป็นคนมาได้ เพราะว่าพวกเขา
ต้องกันไม่ให้ศัตรูดิ้นรน ยิงเตือน หรือว่าตะโกนเตือนให้พรรคพวก
ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำคือฆ่าทันทีที่เห็นตัว
แต่ด้วยตัวตนของเริ่นเสี่ยวซู่ เขาทำให้สิ่งเป็นไปไม่ได้ให้
เป็นไปได้
ทว่าจางเสียวหม่านกลับพูดเสียงเข้มว่า “เสี่ยวซู่ ฉันรู้ว่านาย
เก่งกล้าสามารถ แต่ระหว่างปฏิบัติการก็ยังต้องฟังคำสั่งด้วย นาย
ต้องรอคำสั่งจากฉัน เข้าใจหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าฉันวางท่าเป็นผู้บังคับ
กองร้อยอะไรหรอกนะ แต่ในการสู้รบ ทหารต้องฟังคำสั่งของ
ผู้บังคับบัญชาและปฏิบัติตามคำสั่งจนถึงที่สุด”เริ่นเสี่ยวซู่คิดตาม “เข้าใจแล้ว ขอโทษด้วย”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก นายไม่เคยเป็นทหารในป้อมปราการ
178 ทั้งไม่เคยผ่านการฝึกก่อนถูกส่งมาบนสนามรบ ตราบใดที่ยัง
ถ่อมตัวได้ พวกเราก็พร้อมสอนๆ ไประหว่างการสู้รบนี้”
เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้า “รับทราบ ต่อไปจะไม่ลงมือโดย
ไม่ได้รับอนุญาตอีก”
จางเสียวหม่านให้คนตบหน้าปลุกโจรสองคนที่อยู่บนพื้น
ฟู่หราวกับหลินผิงอันเอามีดทาบคอพวกเขาและว่า “พวกเราจะขยับ
มือออก แต่ถ้ากล้าตะโกน ตาย”
พวกโจรทั้งสองพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง จางเสียวหม่านหยิบ
แผนที่ทหารออกมาพร้อมดินสอสองแท่ง จากนั้นก็ว่า “ฉัน
จะให้โอกาสพวกนาย ถ้าช่วยพวกเราวาดแผนที่ตั้งรับบนเขาติ้งย่วน
ได้ฉันก็จะปล่อยพวกนายไป”
ฟูหราวและหลินผิงอันปล่อยมือออกจากปากของพวกโจร แต่
พวกโจรทั้งสองถาม “แผนที่ตั้งรับคืออะไรเหรอ”“แค่ระบุที่ตั้งปืนกลหนักกับปืนครกบนเขามา และบอกด้วยว่า
มีคนมากน้อยขนาดไหนป้องกันตำแหน่งพวกนั้น” จางเสียวหม่าน
พูดเสียงเย็น “พวกเรามาจากป้อมปราการ 178 ถ้าร่วมมือกับเรา
พวกเราก็จะปล่อยตัวไป เข้าใจหรือเปล่า”
พวกโจรนิ่งไป “นายมาจากป้อมปราการ 178? แน่นอน
พวกเราจะให้ความร่วมมือ!”
เริ่นเสี่ยวซู่เห็นแบบนี้ก็ชะงักงัน อย่างกับโจรพวกนี้ได้ยินชื่อ
ป้อมปราการ 178 แล้วก็ไม่กลัวเลยว่าจางเสียวหม่านจะกลับคำ