the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 397 ความเกรียงไกรแห่งกองร้อยเจียนเตา
- Home
- the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 397 ความเกรียงไกรแห่งกองร้อยเจียนเตา
หลังผ่านการสู้รบครั้งใหญ่มา ก็จะมีผลประโยชน์ให้เก็บเกี่ยว
คนของจางเสียวหม่านยิงถล่มไม่กี่รอบกระสุนปืนครกก็หมดสิ้น แต่
พวกเขาไม่แยแสหรอกเพราะกลายเป็นว่าโจรบนเขาติ้งย่วน
มีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครันยิ่งกว่าที่คิด
ของพวกนี้ไม่นับว่าเป็นอะไรได้สำ หรับสมาคมอย่างสมาคม
ตระกูลจง
พวกเขาก็ใช้กระสุนแทบหมดแล้วด้วย ทางตะวันตกเฉียงเหนือ
นิยมใช้กระสุน 7.62 มิลลิเมตรกัน ดังนั้นมีให้หาในรังโจรแบบเหลือๆ
สู้ครั้งหนึ่งใช้กระสุนไปมากน้อยขนาดไหนกัน พูดได้ว่าจำ นวน
เกินนับ ถ้านับกระสุนที่ใช้ในการฝึกด้วย จะจัดการสักคนหนึ่งบน
สนามรบก็คงเป็นหลายพันจนถึงหลายหมื่นนัด
การคำนวณนี้มาจากข้อมูลจริงล้วนๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วกระสุน
ที่ใช้ยิงกดศัตรูน่าจะมีจำ นวนมากกว่านี้อีกหลังจากพวกจางเสียวหม่านขนกระสุนออกจากรังโจรเขา
ติ้งย่วนหมดแล้ว พวกทหารก็เข้าไปเก็บซองกระสุนเปล่าที่ถูกโยน
ตอนรบกันและเอากระสุนใหม่ใส่เข้าไป
จางเสียวหม่านถอนหายใจอย่างเปี่ยมอารมณ์ “ยึดรังบนเขาได้
ด้วยพวกเรากันเองน่าพอใจฉิบ สินสงครามก็เป็นของพวกเราหมด
เดี๋ยวนะ ทำไมมันไม่มีระเบิดมืออีกแล้วล่ะ”
พอผู้บังคับกองร้อยพูดเช่นนี้ ทุกคนก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ “จริง
ด้วย พวกเราเจอแต่ระเบิดมือติดตัวพวกโจร ไม่เจอระเบิดมือแบบ
เป็นกล่องเลย”
“โจรบนเขาติ้งย่วนไม่ได้ยากจนอะไรด้วย ทำไมถึงหาระเบิดมือ
ไม่เจอสักกล่องเลยล่ะ!”
เริ่นเสี่ยวซู่ที่ยืนห่างออกไปได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกร้อนตัวจนไม่กล้า
พูดอะไร ที่จริงที่นี่ยังเหลือระเบิดมืออีกสิบกล่อง แต่ละกล่อง
มีระเบิดมือยี่สิบลูก แต่เขาเอายัดเข้าช่องเก็บของตัวเองหมดแล้ว
ทันใดนั้นพระราชวังก็เอ่ยขึ้น [ภารกิจสำ เร็จ รางวัล แต้ม
สถานะอิสระห้าแต้ม สามารถจัดสรรได้ตามใจ]เริ่นเสี่ยวซู่ชะงักไป อย่างที่คาดไว้เลย ภารกิจยากๆ อย่าง
มีหลอดความคืบหน้าแบบนี้ ของรางวัลย่อมต้องดีมาก!
แต่หลังจากช่วยเพื่อนทหารเขาแบ่งเบาภาระต่างๆ นานา เขาก็
เพิ่งสำ เร็จภารกิจไปได้เก้าสิบเปอร์เซ็นต์นี่ ทำไมจู่ๆ ก็เด้งไปร้อย
เปอร์เซ็นต์ได้ล่ะ
เดี๋ยวนะ หรือว่าเป็นเพราะระเบิดมือสิบกล่องนั่น? พอเอา
ระเบิดมือใส่ช่องเก็บของแล้ว ก็นับเป็นว่าเขาช่วยเพื่อนทหาร
แบ่งเบาภาระ?
เริ่นเสี่ยวซู่ที่มักหาช่องโหว่ในภารกิจจากระบบอยู่เสมอตะลึง
ตาแตก แบบนี้ก็ได้เหรอ
ตอนอยู่เขากวนซานเขายัดระเบิดมือลงช่องเก็บของไปหก
กล่อง แต่เพราะภารกิจไม่มีการแจ้งเตือน เขาเลยไม่ทันสังเกตว่า
ความคืบหน้าภารกิจมันเด้งขึ้นมา ถ้าเขาทันสังเกตคงทำภารกิจ
เสร็จไปตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่ยิ่งกว่ายินยอมพร้อมใจจะช่วยเพื่อนทหาร
แบ่งเบาภาระ!เขาลงแต้มสถานะไปที่พละกำลังสามแต้มและ
ความคล่องแคล่วสองแต้ม ตอนนี้พละกำลังเขาอยู่ 13.5 แต้ม ส่วน
ความคล่องแคล่วอยู่ที่ 12.1 แต้ม
ดูจากแต้สถานะพวกนี้ สมรรภภาพร่างกายของเริ่นเสี่ยวซู่ใน
ปัจจุบันก็สูงกว่าชายฉกรรจ์ทั่วไปสี่เท่าแล้ว
แต่เริ่นเสี่ยวซู่เฝ้ารอคอยอยากรู้ทักษะใหม่เมื่อเขามีพละกำลัง
และความคล่องแคล่วแตะระดับยี่สิบแต้มมากกว่า อย่างเช่น ‘ทลาย
นคร’ ที่จะทวีคูณพลังเขาเป็นระยะเวลาสามสิบวินาทีที่เขาได้มา
หลังจากแต้มสถานะเขาแตะระดับสิบแต้ม บางทีมันอาจจะ
มีการเปลี่ยนแปลงด้านคุณภาพทุกครั้งที่ข้ามธรณีประตูก็ได้
……
ระหว่างที่มุ่งลงเขานั้น ทหารทุกนายในกองร้อยเจียนเตาก็
มีของเต็มแขน ถ้าพวกเขาขนปืนใหญ่วิถีโค้งสองกระบอกไปได้ จาง
เสียวหม่านคงลากมันจนไปถึงฐานปฏิบัติการหน้าแล้ว
ก่อนออกจากรังโจร จางเสียวหม่านใช้ทีเอ็นทีระเบิด
กระบอกปืนของปืนใหญ่วิถีโค้ง กันไม่ให้คนของสมาคมตระกูลจงเอากลับไปใช้อีก
ในสถานการณ์ทั่วไป พวกเขายอมทำลายอาวุธปิดล้อม
ขนาดใหญ่ที่ขนย้ายยากมากกว่าจะยอมเสียแรงย้าย
ระหว่างทางลงเขานั้น มีทหารคนหนึ่งกำลังเดินผ่านเริ่นเสี่ยวซู่
จู่ๆ เขาก็หันกลับมากล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินไปต่อเหมือนไม่มีอะไร
เกิดขึ้น
หลังจากนั้นก็มีทหารนายแล้วนายเล่ากล่าวขอบคุณขณะ
เดินผ่านเริ่นเสี่ยวซู่
พวกเขากำลังขอบคุณที่เริ่นเสี่ยวซู่ช่วยรับกระสุนส่วนใหญ่ใน
การสู้รบ ถ้าไม่ได้เริ่นเสี่ยวซู่คอยเอาตัวเข้าไปเสี่ยงให้ล่ะก็
ถ้าพวกเขารบตายไปกันครึ่งหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยย
เริ่นเสี่ยวซู่ชะงักงันไป รอบนี้เขาไม่ต้องร้องขอให้ใคร
มาขอบคุณด้วยซ้ำ ! แถมเพื่อนทหารเขาแต่ละคนก็ล้วนขอบคุณ
มาจากใจจริงด้วย
เริ่นเสี่ยวซู่ได้เหรียญคำขอบคุณมากว่าร้อยเหรียญในไม่กี่นาที
เหรียญคำขอบคุณรวมของเดิมทะยานไปอยู่ที่ราวๆ สี่ร้อยเหรียญแล้ว
เพียงแค่สู้รบกันครั้งเดียว นอกจากเริ่นเสี่ยวซู่จะได้ระเบิดมือ
มาสิบกล่อง แต้มสถานะห้าแต้ม คำขอบคุณร้อยกว่าเหรียญแล้ว
เขายังได้รับความเชื่อมั่นจากเพื่อนทหารด้วย
จางเสียวหม่านบอกว่าบนสนามรบคนจะเชื่อได้แต่ปืนในมือ
และเพื่อนทหารในสนามเพลาะที่จะคอยช่วยยิงคุ้มกันเท่านั้น
เริ่นเสี่ยวซู่นิ่งเงียบขณะมองเพื่อนทหารของเขาลงจากเขา
จากนั้นเขาก็ตั้งใจชะลอฝีเท้าลง รอให้คนที่ยังไม่เดินผ่านเขา
ไปกล่าวขอบคุณตัวเองก่อน
ตอนนี้พวกเขาต้องเดินหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ โจวอิง
หลงสั่งให้กองร้อยเจียนเตาไปร่วมทัพกับกองพันทหารทัพหน้าที่ฐาน
ปฏิบัติการหน้าก่อน พวกเขาต้องรอให้ทหารทัพหลังรวมพลที่ฐาน
ปฏิบัติการหน้าให้ครบก่อนถึงจะเคลื่อนทัพไปยังจุดเป้าหมายต่อไป
ตามแผนการรบที่ผู้บัญชาการจางวางไว้
ป้อมปราการภายใต้อำนาจสมาคมตระกูลจงต่างอยู่ทาง
ตะวันออกเฉียงเหนือของฐานปฏิบัติการหน้านี้หมด ส่วนทะเลทรายโกบีนั้นอยู่ห่างออกไปทางเหนือสองร้อยเมตร
เพราะกองร้อยเจียนเตาต้องเดินทางกว่าแปดสิบกิโลเมตรกลับ
ไปยังฐานปฏิบัติการหน้า กว่าจะถึงทหารกองร้อยเจียนเตาก็เหนื่อย
กลายเป็นหมาหอบแดดหมด แต่ขนาดหมายังไม่เหนื่อยเท่าพวกเขา
เลย! หลักๆ ก็เพราะพวกเขาแม่*แบกของกันมาเยอะเกินเนี่ยแหละ!
วินาทีที่พวกเขาเข้าฐานปฏิบัติการหน้า จางเสียวหม่านและ
คนอื่นๆ ก็เชิดหน้าเชิดตาเดินเข้าอย่างฮึกเหิม ฟู่หราวกับหลินผิงอัน
แบกเครื่องยิงจรวดอยู่บนไหล่ด้วยความภาคภูมิ ดูเจ๋งจนเจ๋งไปไม่ได้
มากกว่านี้แล้ว
จากนั้นเขาก็เดินไปยังเต็นท์บัญชาการ ให้ทหารของทั้งทัพหน้า
ต้อนรับ
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ผู้บังคับกองร้อย เราต้องทำแบบนี้ด้วย”
จางเสียวหม่านพูดอย่างไม่ใคร่พอใจ “นายไม่เข้าใจหรอก
กองร้อยเจียนเตาเราผงาดชนะมาได้ ทั้งกองทัพต้องได้ยินเรื่องที่ว่า
กองร้อยทหารแค่ร้อยกว่านายสามารถล้างบางเขารังโจรบนเขาสองลูกได้ พวกเราต้องแสดงออกให้เห็นถึงความเกรียงไกรของกองร้อย
เจียนเตาเรา!
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ก่อนจะเข้ามาฐานทัพ
พวกเขายังบ่นได้บ่นดีอยู่เลยว่าเหนื่อยมาก
แต่พอมองไปที่เหล่าทหารรอบกาย ก็เห็นว่าพวกเขามอง
กองร้อยเจียนเตาด้วยความยกย่องสรรเสริญ ขนาดทหารที่กำลังตั้ง
เต็นท์ตัวเองในฐานก็หยุดมือและหันมากระซิบกันเอง
เสียงสนั่นของโจวอิงหลงดังมา “เอาอาร์พีจีเก็บไปเลยโว้ย
ทำท่าอย่างกับจะมาตีค่ายเรางั้นแหละ”
จากนั้นโจวอิงหลงก็เดินมาสำ รวจกองร้อยเจียนเตา พอเขา
เห็นทหารบาดเจ็บเจ็ดนายบนเปลสนามก็ตะโกน “ทหารเสนารักษ์
อยู่ไหน มาพาคนเจ็บไปรักษา”
“ไม่ต้องหรอกครับ” ทหารที่บาดเจ็บคนหนึ่งในกองร้อยเจียน
เตาว่า “เริ่นเสี่ยวซู่ทายาบนแผลพวกเราแล้ว พวกเราหายดีแล้ว”
“ยาแผนโบราณมันใช้ได้ดีขนาดนั้นเลย?” โจวอิงหลงพูดอย่าง
ไม่พอใจ “ถ้ามีอาการบาดเจ็บ ก็ต้องรักษาสิ เลิกพูดมาก!”เริ่นเสี่ยวซู่พบว่าแม้โจวอิงหลงจะพูดกระโชกโฮกฮาก แต่
ปฏิกิริยาแรกเมื่อเห็นกองร้อยเจียนเตาคือดูผู้บาดเจ็บในกองร้อย
และให้พาคนเจ็บไปรักษา
ทหารบาดเจ็บของกองร้อยเจียนเตาวิตกขึ้นมา “เริ่นเสี่ยวซู่
บอกผู้บัญชาการกองพันหน่อยว่าพวกเราไม่เป็นอะไรจริงๆ”
ถ้าพวกเขาถูกพาตัวไปรักษาล่ะก็ หมายความว่าไม่อาจ
เข้าร่วมรบในศึกต่อไป ขณะพี่น้องถูกส่งไปรบในแนวหน้า พวกตน
กลับรอพักฟื้นอยู่ในศูนย์รักษาพยาบาล พวกเขาจะยอมรับได้
อย่างไร
เริ่นเสี่ยวซู่หันไปหาโจวอิงหลงและว่า “ผู้บัญชาการจางเองก็
เคยเห็นผลยานี่มาก่อน ถึงจะเป็นยาแผนโบราณ แต่ก็สามารถรักษา
บาดแผลที่เกิดบนผิวหนังทุกอย่างได้ภายในสามวัน ทุกวันนี้ในแดน
รกร้างมีสมุนไพรมหัศจรรย์มากมาย”