the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 400 สงครามในเมือง
ทหารระดับบัญชาการจากหลายกองกำลังอ่านจดหมาย
ประท้วงที่มีลายเซ็นทหารร่วม เนื้อหาในจดหมายบรรยายว่าเริ่น
เสี่ยวซู่ต้องปีนผาหลังเขาติ้งย่วนด้วยมือเปล่าเพื่อจะลอบโจมตีพวก
โจร จนเป็นเหตุให้ยึดครองเขาติ้งย่วนได้ในที่สุด ด้วยผลงานของเขา
ทำให้ทุกคนในกองร้อยเจียนเตาต่างรู้สึกละอายกับการรับเหรียญ
เกียรติยศชั้นสาม
อีกอย่างเป็นเพราะผู้บัญชาการจางเองก็ไม่ได้ให้เหรียญ
เกียรติยศชั้นสามกับเริ่นเสี่ยวซู่ ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
ระหว่างที่โจวอิงหลงอ่านจดหมายประท้วงนั้น เขาก็ชำ เลือง
มองสีหน้าของจางจิ่งหลินไปด้วย แต่เขาไม่เห็นว่าจางจิ่งหลินจะมี
สีหน้าไม่พอใจอะไร จึงถามเสียงเบาว่า “ไม่นึกเลยว่าพวกเวรนั่น
จะกล่าวหาว่าผู้บัญชาการเป็นคนไม่ยุติธรรมแบบนี้ หลังจากกลับ
ค่ายแล้วให้ลงโทษพวกเขาไหม”จางจิ่งหลินยิ้ม “ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ไม่ต้องทดสอบฉันแล้ว
ฉันไม่ได้โมโห”
“งั้นก็ดีเลย” โจวอิงหลงหัวเราะ “ผู้บัญชาการช่างเป็นคนดีจริง
”
ตอนนี้เองผู้บัญชาการกองพลน้อยผู้หนึ่งก็โพล่งถาม “กองร้อย
เจียนเตาใต้บังคับบัญชาโจวอิงหลงขึ้นชื่อว่าเป็นพวกรับมือยาก เริ่น
เสี่ยวซู่เพิ่งถูกส่งไปประจำ การอยู่แค่ไม่กี่วันก็ได้รับการสนับสนุนมาก
ขนาดนี้เลย?”
จางจิ่งหลินว่า “พอ ไม่ต้องคุยเรื่องนี้กันแล้ว พิธีมอบรางวัล
คืนนี้ก็ยกเลิกไป โจวอิงหลง กลับไปบอกกองร้อยเจียนเตาว่าที่เริ่น
เสี่ยวซู่ไม่ได้เหรียญเกียรติยศชั้นสามเพราะฉันคิดจะให้เหรียญ
ชั้นสองเขาแทน แต่ในเมื่อเริ่นเสี่ยวซู่ปลอมแปลงรายงานการรบ
เหรียญเกียรติยศชั้นสองเขาก็จะถูกเรียกคืนด้วย ตอนนี้พวกเรา
จะคุยกันเรื่องแผนการรบต่อ”
โจวอิงหลงที่นั่งอยู่ท้ายแถวรู้สึกปวดฟันแปลบ ผู้บัญชาการเจ้า
เล่ห์เกินไปแล้ว สุดท้ายก็ไม่ต้องให้สักกะรางวัลเดียว และทหารระดับบัญชาการจากกองกำลังต่างๆ ก็ได้รู้แล้วว่าเริ่นเสี่ยวซู่หยั่งเท้า
ในกองร้อยเจียนเตาเรียบร้อย นอกจากพลังรบดุร้ายมาก ยังได้รับ
ความนับถืออย่างสูงด้วย
ก่อนหน้านี้พวกผู้บังคับบัญชาพูดกันว่าที่จางจิ่งหลินวางตัวเริ่น
เสี่ยวซู่ในกองร้อยเจียนเตานั้นเป็นเรื่องบังเอิญล้วนๆ ไม่เกี่ยวอะไร
กับการเลือกเขาเป็นผู้สืบทอดเลย แต่ถ้าตัดสินจากการกระทำของ
ผู้บัญชาการจางแล้ว เขาคงกำลังปูทางให้เริ่นเสี่ยวซู่อยู่จริงๆ สินะ?
แน่นอนว่าเหล็กจะถูกทุบตีได้ต้องมีความแข็งเสียก่อน ถ้าเริ่น
เสี่ยวซู่เป็นผู้อ่อนแอ ต่อให้จางจิ่งหลินอยากเลี้ยงเขาให้เป็น
ผู้บัญชาการแค่ไหนก็ไม่อาจทำสำ เร็จ
แต่กลายเป็นว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ใกล้กับคำว่าอ่อนแอแม้แต่
นิดเดียว
โจวอิงหลงไม่เข้าใจอยู่บ้าง ทำไมผู้บัญชาการจางดูมั่นใจในตัว
เริ่นเสี่ยวซู่นักนะ
ถึงเริ่นเสี่ยวซู่จะไม่ได้อะไรเลยจากภารกิจนี้ แต่ผู้บังคับบัญชา
ทุกคนต่างเข้าใจความต้องการของจางจิ่งหลินกว่าเดิม และได้รู้ตัวตนของเริ่นเสี่ยวซู่มากกว่าเดิม
บางทีนี่อาจจะเป็นความตั้งใจของจางจิ่งหลินแต่แรก
……
จางเสี่ยวหมานกับนายทหารคนอื่นๆ ยังกลับไปไม่ถึงที่ค่าย
ตนเอง แต่คนจากกองกำลังพลมาหาพวกเขาที่ค่ายเพื่อแจ้งว่าพิธี
คืนนี้ยกเลิกแล้วเรียบร้อย เริ่นเสี่ยวซู่คิด “ทำไมถึงยกเลิกล่ะ”
พวกที่ไปยื่นจดหมายประท้วงมีแต่พวกทหารชั้นสัญญาบัตร
ทหารคนอื่นๆ ไม่ได้ไปด้วย
ทหารที่ยืนอยู่ข้างเริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่เอ่ยอะไร แต่เป็น
คนจากกองกำลังพลที่กล่าวว่า “นายทหารกองร้อยนายไปประท้วง
กับผู้บัญชาการว่าที่นายไม่ได้เหรียญเกียรติยศชั้นสามนั้นทุกคนใน
กองร้อยเห็นว่าไม่ยุติธรรม ผู้บัญชาการเห็นว่ารายงานการรบถูก
ปลอมแปลง เลยเรียกคืนเหรียญเกียรติยศชั้นสามหมด”
ตอนนี้เองพวกจางเสี่ยวหมานถึงโผล่มาที่ค่าย เริ่นเสี่ยว
ซู่ขมวดคิ้วมุ่นมองไปที่จางเสียวหม่าน “ทำแบบนั้นไปทำไม ฉันบอก
ไปแล้วไงว่าฉันไม่อยากได้รางวัลอะไร”“นายไม่เอาเป็นเรื่องของนาย” จางเสียวหม่านพูดเสียงดัง “แต่
พี่น้องในกองร้อยเจียนเตาเราไม่อาจทนมองเห็นเรื่องอยุติธรรม
พวกเราคือกองร้อยเจียนเตา ทุกอย่างทำด้วยกัน หนึ่งร่วงทุกคนล่ม
หนึ่งโรจน์ทุกคนรุ่ง!”
เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไปพักใหญ่ แต่ว่าคนของกองกำลังพลที่อยู่ด้าน
ข้างเบ้ปาก “เริ่นเสี่ยวซู่ได้รับเหรียญเกียรติยศชั้นสอง แต่ก็ถูก
เรียกคืนด้วย”
“เรียกคืน…” รอยยิ้มจางเสียวหม่านหายวับ “พูดว่าอะไรนะ”
คนจากกองกำลังพลมองจางเสียวหม่านตาขวาง “พวกเรา
เตรียมเอกสารเรื่องเหรียญเกียรติยศชั้นสองให้เริ่นเสี่ยวซู่เรียบร้อย
เสร็จสรรพ แต่ก็ถูกยกเลิกไป”
จางเสียวหม่านมองเริ่นเสี่ยวซู่ที มองคนของกองกำลังพลที ฝ่า
มือประกบหน้า ไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี
คนจากกองกำลังพลหัวเราะ “เอาล่ะ ไม่ต้องท้อแท้ไป ทาง
ศูนย์บัญชาการบอกให้พวกเรารั้งเรื่องเหรียญเกียรติยศชั้นสามไว้จนกว่าพวกนายจะสร้างผลงานอื่นอีก ถึงตอนนั้นจะพิจารณา
ทุกอย่างอีกรอบ”
“ถามจริง?” จางเสียวหม่านชะโงกหน้าขึ้นในพลัน
เจ้าหน้าที่จากกองกำลังพลว่า “ทั้งกองทัพรู้ว่าพวกนายเป็น
วีรบุรุษในสงครามเปิดศึก พวกนายต้องได้รับสิ่งที่สมควรได้แน่ อีก
อย่างผู้บัญชาการยังส่งคำพูดลงมาด้วยว่าพวกนายสามารถเก็บสิน
สงครามจากเขาติ้งย่วนไว้ได้หมดเลย”
จางเสียวหม่านยิ้มระรื่นขึ้นมาทันที สินสงครามมักจะถูกส่งไป
ให้กองพลาธิการจัดแจง ทุกการรบผ่านไป ข้าวของของกองร้อย
จะกลับไปอยู่เกือบศูนย์ในพริบตา
ตอนนี้ผู้บัญชาการให้พวกเขาเก็บสินสงครามไว้ได้ พวกเขา
อาจจะเป็นกองร้อยที่ติดอาวุธครบมือที่สุดในกองทัพแล้วก็ได้
หลังจากคนของกองกำลังพลจากไปแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็กล่าว
ขอบคุณพวกจางเสียวหม่านอย่างจริงจังยิ่ง “ฉันจะจำ ความพยายาม
ของทุกคนไว้ ขอบคุณมากนะ”“ขอบคุณพวกเราเพื่อ” จางเสียวหม่านโบกมือ “ถ้าไม่ใช่เพราะ
นาย พวกเราส่วนใหญ่คงไม่รอดชีวิตกลับมาแล้ว”
เริ่นเสี่ยวซู่มองชายหยาบกระด้างแห่งตะวันตกเฉียงเหนือ
เหล่านี้แล้วรู้สึกเฝ้ารอจะได้สู้รบเคียงข้างพวกเขาในครั้งต่อไป
ทันใดนั้นโจวอิงหลงก็ก้าวยาวๆ พุ่งมาหาพวกเขาและร้องแหว
“เจ้าพวกเวร สงครามจบเมื่อไรฉันคิดบัญชีแน่! ทุกคนเก็บของเตรียม
เดินทางไปยังตำบลฉือชวน ฉันต้องการให้พวกนายยึดที่นั่นให้ได้
ภายในเจ็ดวัน”
ตำบลฉือชวนอยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการหน้าไปทาง
ตะวันออกเฉียงเหนือเจ็ดสิบกิโลเมตร ที่นั้นไม่มีผู้อยู่อาศัย เป็นเพียง
เมืองน้อยที่หลงเหลือจากยุคก่อนภัยพิบัติ ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นชัยภูมิ
ป้องกันทางใต้สุดของสมาคมตระกูลจง
เหตุผลที่ว่าทำไมป้อมปราการ 178 อยากโจมตีตำบลฉือชวน
นักเป็นเพราะว่ามันอยู่ใกล้กับฐานปฏิบัติการหน้า พวกเขาต้องกัน
ไม่ให้สมาคมตระกูลจงตั้งปืนใหญ่ระยะไกลที่มีฐานปฏิบัติการหน้า
อยู่ในระยะโจมตีความปลอดภัยของฐานปฏิบัติการหน้าเป็นหนึ่งในปัญหา
สำ คัญที่สุดในการเริ่มต้นสงคราม ภารกิจหลักของกองพันทหาร
ทัพหน้าก็คือปกป้องฐานปฏิบัติการหน้านี่เอง
จางเสียวหม่านควักแผนที่ขึ้นมาสำ รวจดู “ได้ยินว่าในตำบลฉือ
ชวนมีสิ่งก่อสร้างที่ยังอยู่ดีเยอะมาก เหมาะกับการตั้งปืนกลหนักสุด
ๆ อีกอย่างคือยังมีพวกป้อมสนามกับบังเกอร์ที่สมาคมตระกูล
จงสร้างเพิ่มอีก เป็นสงครามในเมืองที่รับมือไม่ง่ายเลย”
สงครามในเมืองหรือจะเรียกว่าการรบในเมือง ในสถานการณ์
ทั่วไป สงครามในเมืองจะเป็นการต่อสู้ระยะใกล้ มักมีสถานการณ์ที่
ต้องต่อสู้ระยะประชิดด้วย กองกำลังฝ่ายศัตรูหรือฝ่ายมิตรยาก
จะแบ่งแยก เป็นความสับสนที่อันตรายยิ่ง
ถนนแคบ สภาพแวดล้อมซับซ้อน ศัตรูที่มองไม่เห็น ปืนที่
อาจจะยิงมาจากตรงไหนก็ได้…
ไม่รู้เลยว่าจะมีปืนปลิดชีพโผล่มาจากใต้เงามืดจากหน้าต่าง
บานไหน“พวกเราขอให้กองพลน้อยยานเกราะมาคุ้มกันไม่ได้เหรอ”
เจียวเสี่ยวเฉินหน้างิ้วคิ้วขมวดถามขึ้น
“ไม่ได้” จางเสียวหม่านส่ายหัว “โครงสร้างพื้นฐานของฐาน
ปฏิบัติการหน้ายังไม่พร้อมดูแลพวกเขา กองพลน้อยยานเกราะยัง
ไม่พร้อมจะถูกส่งไปยังสนามรบ”
ตอนนี้นั้น แม้กระทั่งอันธพาลใจกล้าแห่งกองร้อยเจียนเตาก็
เกิดความกังวลขึ้นมาหน่อยไม่ได้
มีแค่เริ่นเสี่ยวซู่ที่ยังไม่สะทกสะท้าน ราวกับเขาไม่สนใจใยดี
อะไรกับการรบในเมืองอย่างไรอย่างนั้น