the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 401 ชีวิตแต่งงานอย่างมีความสุข
สงครามเริ่มต้นขึ้นในวินาทีที่กองร้อยเจียนเตายึดเขากวนซาน
ได้ สงครามไม่ต้องการประกาศอย่างเป็นทางการ เพราะกระสุนนัด
แรกเป็นแตรประกาศก้อง
ตลอดทั้งสงครามการโจมตีตำบลฉือชวนเป็นแค่ฉากเล็กมาก
กองร้อยที่สองและที่สามจะร่วมมือกับกองร้อยเจียนเตาเข้าตีตำบล
ฉือชวนด้วย ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่ทางกองร้อยเจียนเตาจะรับมือเองได้
หลังจากนี้ไป พวกเขาอาจต้องเผชิญกับทหารประจำ การแห่ง
สมาคมตระกูลจงแล้ว ทหารประจำ การเหล่านี้ผ่านการฝึกทหาร
อย่างเป็นระบบ ทั้งเคยยิงเป้าหมายมานับครั้งไม่ถ้วน อย่างเดียวที่
พวกเขาไม่เคยก็คือไม่เคยได้เข้ามาบนสนามรบอย่างเป็นทางการ
มาก่อน เทียบกับพวกโจรที่เจอก่อนหน้านี้ ทหารพวกนี้เรียกได้ว่า
เป็นคนละระดับอย่างสิ้นเชิงจากที่จางเสียวหม่านว่าไว้ ทหารของสมาคมตระกูลจงไม่ได้
อ่อนแอไปกว่าพวกในป้อมปราการ 178 มากนัก ความต่างเดียวคือ
ประสบการณ์และการปรับตัวบนสนามรบ การฝึกเจอสิ่งเร้า[1]มัน
ต่างกัน
ทหารใหม่ของสมาคมตระกูลบางคนที่เจอลำไส้ออกจากร่าง
หรือเจอกระดูกขาหักออกมาถึงกับอาเจียน เกิดความขยะแขยง หรือ
เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา แต่ทหารเก่าในป้อมปราการ 178 ย่อม
ไม่เป็นเช่นนั้น
ที่ฐานปฏิบัติการหน้า โจวอิงหลงสั่งให้ทหารบริการเอาปากกา
กับกระดาษมาให้ทุกคน
“อันนี้คือ” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
จางเสียวหม่านผงกหัวจ้องมองเขา “ให้เขียนจดหมายสั่งเสีย”
“จดหมายสั่งเสีย?” เริ่นเสี่ยวซู่นิ่งไปพักหนึ่ง
“มองเผินๆ คือให้ทุกคนได้เขียนอะไรก็ได้ตามใจ ถ้าไม่อาจ
รอดกลับมา กองธุรการจะส่งจดหมายไปยังครอบครัวให้ คิดเสียว
่าเป็นจดหมายทิ้งคำพูดเสียหลังจากเสียชีวิตก็ได้ ถ้าทหารรอดกลับมาได้ ก็สามารถไปรับจดหมายคืนที่กองธุรการ” จางเสียวหม่าน
ว่า “แต่พวกเราเรียกว่าเป็นจดหมายสั่งเสีย”
“ฟังเป็นลางไม่ดีชอบกล” เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้มกล่าว
“ไม่มีอะไรเป็นลางไม่ดีหรอก” จางเสียวหม่านส่ายหน้า “คนที่
ก้าวเท้าเข้าไปในสนามรบย่อมมองความตายเบาบางดุจขนนก ที่จริง
ตอนแรกพวกเราก็ไม่เข้าใจหรอก แต่หลังจากเจอศัตรูมากมายนอก
ป้อมปราการ 178 แล้วก็ด้านชาไปในที่สุด”
“นายเขียนให้ใครเหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“พ่อแม่ฉัน” จางเสียวหม่านว่า “ภรรยาด้วย”
“นายแต่งงานแล้ว?”
“ดูพูดเข้าสิ ฉันจะสามสิบแล้วเฟ้ย” จางเสียวหม่ายหัวเราะ “มี
เมียหน่อยไม่ได้ไง?”
เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกเขินๆ อยู่บ้าง เขาไม่ค่อยเข้าใจมโนทัศน์ของคำ
ว่าการแต่งงานเท่าไรนัก ดังนั้นเลยอนุมานว่าทุกคนเป็นโสดเหมือน
เขาหมด แต่คิดดูแล้วจางเสียวหม่านเป็นถึงผู้บังคับกองร้อย คง
ไม่น่าเด็กขนาดนั้น“แต่งงานแล้วเป็นยังไงเหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“ก็ไม่เลวแหละมั้ง มีอาหารร้อนๆ รออยู่ที่บ้านตลอด” จางเสียว
หม่านพูดขณะเขียน ‘จดหมายสั่งเสีย’ ไป
“มีความสุขไหม” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
จางเสียวหม่านหัวเราะและเงยหน้าขึ้นมา “นายคงโหยหา
ความรักมากล่ะสิ ทำไมสนใจนักล่ะหืม งั้นฉันพูดแบบนี้ดีกว่า ฉัน
มีความสุขกับการแต่งงานมาปีหนึ่ง”
“ฟังไม่เลวเลยนะนั่น” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
เจียวเสี่ยวเฉินที่อยู่ข้างกันหัวเราะลั่น “นายเข้าใจผิดแล้ว เขา
แต่งงานมาสิบปีแล้วนะ”
เริ่นเสี่ยวซู่ “…”
จากนั้นจางเสียวหม่านก็ถาม “นายไม่เขียนจดหมายสั่งเสีย
เหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่ชะงักไปวูบหนึ่ง “ฉันไม่รู้ว่าจะเขียนให้ใครดี”
เหล่านักรบในกองร้อยเจียนเตาต่างเงียบงันกันไป พวกเขารู้ใน
พลันว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่อยากสู้รบกับสมาคมตระกูลจงเป็นนักหนา
หลังจากออกฐานปฏิบัติการหน้าแล้ว พวกเขาก็ต้องเคลื่อนพล
ด้วยเท้าต่อ ตามแผนการรบ พวกเขาจะต้องไปถึงรอบนอกของ
ตำบลฉือชวนในวันที่สาม แต่ว่าพอพวกเขาก้าวเท้าออกจากฐาน
ปฏิบัติการหน้าก็ตื่นตัวเต็มที่ทันที เผื่อกรณีที่ทหารสมาคมตระกูลจง
ซุ่มกองกำลังไว้ใกล้ตำบลฉือชวน
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ตำบลฉือชวนตั้งอยู่บนที่ราบ ถึงรอบนอก
จะเป็นป่า แต่จะตีฝ่าเข้าไปในตำบลคงไม่ใช่เรื่องง่ายสินะ”
จางเสียวหม่านที่ถือปืนไรเฟิลในมือพูด “พวกเราจะใช้ปืนครก
โจมตีก่อน ระยะสามกิโลเมตรก็พอให้พวกเราอยู่นอกระยะยิงปืนกล
หนักของศัตรูแล้ว พอพวกเราสร้างช่องว่างได้แล้วก็จะปฏิบัติการ
การรบในเมืองต่อ”
“มั่นใจไหม” เริ่นเสี่ยวซู่ถามอย่างแคลงใจ
“ถ้าแบบนั้นไม่รอด พวกเราก็ให้กองกำลังปืนใหญ่ข้างหลังเรา
จัดการถล่มปืนใหญ่ลำกล้องยาวพวกเขาก่อน” จางเสียวหม่านว่า
“มันต้องมีสักหนทางแหละ”ในคืนวันที่สอง ก็มีเสียงปืนยิงออกมาจากสองด้าน กองร้อย
เจียนเตาได้ยินเสียงปืนกลหนักลั่นยิงมาจากไกลๆ
จางเสียวหม่านขมวดคิ้ว “กองร้อยที่สองกับที่สามถูกซุ่มโจมตี
พวกเราต้องระวังด้วย”
ทุกคนคาดไว้แล้วว่าสมาคมตระกูลจงจะตั้งจุดซุ่มโจมตีนอก
ตำบลฉือชวน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจอะไร กองร้อยที่สองและกองร้อย
ที่สามก็น่าจะเตรียมตั้งรับไว้แล้วด้วย
จู่ๆ ข้างหน้าเขาก็มีเสียงยิงปืนออกมาเช่นกัน แต่เสียงฟังดูไกล
มาก
พวกจางเสียวหม่านเข้าไปหลบหลังต้นไม้ที่อยู่ข้างทางตามสัญ
ชาตญาณทันที แต่ว่าไม่มีลูกกระสุนไหนแล่นมาทางพวกเขา
“แปลกแฮะ ใครยิงหว่า” จางเสียวหม่านถามด้วยความสับสน
“เคลื่อนตัวต่อ!”
แต่กองร้อยเจียนเตาเคลื่อนตัวไปหลายร้อยเมตรก็แล้ว
พวกเขาก็ยังไม่เจอศัตรูอย่างที่คิดเลย แถมมันไม่มีเสียงยิงปืน
แล้วด้วย“มีเรื่องผิดปกติ” จางเสียวหม่านขมวดคิ้วและว่า “พวกเราเป็น
คนใช้ถนนเส้นหลัก สมาคมตระกูลจงพยายามล่อเราออกไป
หรือเปล่า ฟู่หราว หลินผิงอัน ออกไปสอดแนมชี้เป้า!”
ไม่ใช่ว่าจางเสียวหม่านอยากสั่งฟู่หราวและหลินผิงอันออกไป
สอดแนมแทนกองร้อยในช่วงเวลาอันตรายแบบนี้ แต่เมื่อเกิด
สถานการณ์อันตราย ทหารสอดแนมจะต้องถูกสั่งออกไปก่อน เป็น
หน้าที่รับผิดชอบ
ฟูหราวและหลินผิงอันค่อยๆ คลานและคลำผ่านป่า แต่ก่อนที่
พวกเขาจะไปได้ไกลก็หันกลับมาเสียแล้ว “ผู้บังคับกองร้อย แปลก
มาก คนที่ซุ่มโจมตีเราตายหมดแล้ว ถูกล้างบางไปหมดเลย”
“มีทหารหน่วยเดียวพร้อมตำแหน่งปืนกล ทหารทั้งสามสิบนาย
เพิ่งตายไม่นาน ตอนพวกเราเข้าไปใกล้ พวกเขายังมีเลือดไหล
ออกจากร่างอยู่เลย” หลินผิงอันเสริม
จางเสียวหม่านมองเริ่นเสี่ยวซู่ด้วยความสงสัย “ฝีมือนาย?”
“เปล่านะ” เริ่นเสี่ยวซู่ส่ายหัว “ก็อยู่ที่นี่ตลอด”“เป็นเรื่องจริง” ทหารกองร้อยเจียนเตาไม่ค่อยเข้าใจ “แล้วใคร
ช่วยเราจัดการตำแหน่งที่ตั้งปืนกลล่ะ แถมพวกเขาถูกกรีดคอกัน
หมด มีแต่ผู้มีพลังพิเศษที่ทำแบบนี้ได้ไม่ใช่เหรอ”
ทุกคนสับสนงุนงงกันไป จู่ๆ ผู้มีพลังพิเศษลึกลับก็โผล่
มากะทันหันบนสนามรบแถมทำประโยชน์ให้พวกตนอีก?
ทหารกองร้อยเจียนเตาไม่ได้โง่งม ดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือเริ่นเสี่ยวซู่
แต่พวกเขาไม่มีหลักฐาน
พูดตามตรงแล้ว ทุกคนยังไม่รู้เลยว่าเริ่นเสี่ยวซู่มีพลังอะไร
จางเสียวหม่านพยายามทดสอบเริ่นเสี่ยวซู่อีกรอบ “ไม่ใช่ฝีมือ
นายจริงอะ?”
“ไม่ใช่ฉันจริงๆ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดตาใส
จางเสียวหม่านเดินไปถึงตำแหน่งที่ตั้งปืนกลที่มีศพนอนอยู่
เขาก้มจับระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของศพ “ไม่มีหนังด้าน น่าจะ
ไม่ใช่ทหารที่ผ่านการฝึกมา คนกลุ่มนี้คงเป็นผู้อพยพรวมกลุ่มกับ
ทหารกองกำลังส่วนตัว”“เป็นแค่ตัวรับกระสุน” เจียวเสี่ยวเฉินว่า “ดูเหมือนว่าสมาคม
ตระกูลพยายามเอาตัวรับกระสุนมาล่อให้เราเหนื่อยก่อน”
“ก็กะไว้แล้ว” จางเสียวหม่าน “ในตำบลฉือชวนน่าจะมีศัตรูมา
ไม่หยุดไม่หย่อน คำนวณแบบเข้าข้างตัวเองแล้วก็น่าจะมีพันกว่า
นาย แต่ศัตรูส่วนใหญ่ที่เราเจอน่าจะอ่อนแอมาก พวกเขาอาจจะ
ไม่เข้าใจเลยมั้งว่าจุดพิสัยคืออะไร”
ตำบลฉือชวนไม่ได้สำ คัญแต่แรกอยู่แล้ว สมาคมตระกูล
จงรักษาการณ์อยู่ที่นี่เพียงเพราะอยากสร้างปัญหาให้ฐานปฏิบัติการ
หน้าของป้อมปราการ 178 เฉยๆ
[1] การฝึกเจอสิ่งเร้า (desensitization training) วิธีลด
ความวิตกกังวลอย่างเป็นระบบโดยการเผชิญสิ่งเร้าที่ละเล็กที่ละ
น้อยจนสามารถชินชาไปในที่สุด