the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 403 มีปากเสียงก่อนสู้รบ
ปืนใหญ่จากตำบลฉือชวนยิงมาหนักมาก เริ่นเสี่ยวซู่จุดไฟอยู่
หลายกอง ทหารสมาคมตระกูลจงก็ไม่คิดอะไรมาก ยิงถล่มพื้นที่ไป
ก่อน
ที่จริงบนสนามรบนั้นวุ่นวายมาก ส่วนใหญ่นายทหารไม่มีเวลา
มาสั่งการอย่างรอบคอบหรอก สู้ศัตรูทันทีที่พบเห็นนั้นไม่ใช่เรื่อง
แปลก
มีแค่ผู้บังคับบัญชาหยิบมือที่สามารถสงบนิ่งท่ามกลาง
ความวุ่นวายจนสามารถตัดสินใจลงมือได้อย่างถูกต้อง และ
ผู้บังคับบัญชาที่ชนะการรบเหล่านี้ บ้างก็จะขึ้นมากลายเป็นผู้นำ
ทหารชื่อดัง
เสียงปืนใหญ่นี้ทำให้กองร้อยที่สองและกองร้อยที่สามที่กำลัง
จัดการตำแหน่งที่ตั้งปืนกลหนักเกิดความระแวงขึ้นมา พอพวกเขาได้ยินเสียงถล่มยิงปืนใหญ่แบบนี้ ก็นึกว่ากองร้อยเจียนเตาเริ่ม
โจมตีเมืองน้อยแล้ว!
ที่สำ คัญ แผนการรบคือทั้งสามกองร้อยเจอมาเจอกันที่
จุดนัดพบก่อนถึงค่อยโจมตีใส่เมืองน้อย จะให้กองร้อยเดียวยึด
ตำบลฉือชวนนั้นเป็นไปไม่ได้เลย และต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตาย
มากมายแน่
กองร้อยที่สองและกองร้อยที่สามโทรหาโจวอิงหลงที่อยู่
แนวหลังอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาหวังว่าพวกตนจะปราบความ
มุทะลุของกองร้อยเจียนเตาได้ ถึงกองร้อยเจียนเตาจะประสบ
ชัยชนะใหญ่จากการยึดค่ายบนเขาได้ แต่มีสองสิ่งบนสนามรบที่
ทหารกลัวที่สุด หนึ่งคือพวกขี้ขลาด และสองคนพวกหยิ่งผยอง
กองทัพใดที่หยิ่งว่าตนเองไร้เทียมทานย่อมฉิบหายไป
โจวอิงหลงได้ยินสถานการณ์ที่แนวหน้าก็วิตกขึ้นมา เขารีบให้
พลสื่อสารติดต่อกองร้อยเจียนเตาทันที หวังว่าตนเองยังติดต่อ
พวกเขาได้ทันการณ์แต่สุดท้ายก็โทรติดอย่างรวดเร็ว โจวอิงหลงพูดอย่างวิตกว่า
“พวกนายเริ่มโจมตีตำบลฉือชวนแล้วเหรอ จางเสียวหม่าน นาย
เสียสติไปแล้วเหรอไง ฉันบอกว่าให้รอจนกว่าจะร่วมพลกับกองร้อย
ที่สองกับที่สามก่อนค่อยเริ่มโจมตีไง ถ้ากองร้อยเจียนเตาเสียหาย
หนักขึ้นมา ฉันจะถือว่าเป็นความผิดนาย!”
จางเสียวหม่านพูดซื่อๆ “ผู้บัญชาการกองพัน พวกเรากำลังกิน
อาหารกันอยู่ ยังไม่ได้เปิดโจมตีใส่ตำบลฉือชวน”
โจวอิงหลงผงะ “นายแน่ใจนะ แล้วเสียงยิงถล่มนี่อะไรยังไง”
โจวอิงหลงที่ถือเครื่องรับสัญญาณวิทยุอยู่ยังได้ยินเสียงยิงปืนใหญ่
จากปลายสายอยู่เลย
จางเสียวหม่านอธิบายไปอย่างใจเย็น “ก่อนหน้านี้ผมบอกเริ่น
เสี่ยวซู่ว่าเพราะพวกเราอยู่ใกล้ตำบลฉือชวนแล้วเลยจุดกองไฟไม่ได้
ไม่งั้นจะเสี่ยงกลายเป็นเป้าหมายของศัตรูเอา สุดท้ายเขาเลยวิ่งออก
ไปไกลๆ และจุดกองไฟหลายแห่ง เขาบอกว่าอยากให้ศัตรูในตำบล
ฉือชวนเสียกระสุนปืนใหญ่ไปเปล่าๆ…”ปลายสายเงียบไป โจวอิงหลงไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะกลายเป็น
เช่นนี้ เขาพูดอย่างตกในภวังค์ว่า “เริ่นเสี่ยวซู่อยู่ไหน”
“อ้อใช่ เริ่นเสี่ยวซู่อยู่ไหนน่ะ” จางเสียวหม่านมองไปรอบๆ แต่
ก็หาเริ่นเสี่ยวซู่ไม่เจอ จากนั้นเขาก็เห็นไฟอีกกองถูกจุดขึ้นมาจาก
ไกลๆ เขาเลยพูดอย่างอึ้งๆ ว่า “เขาออกไปจุดกองไฟเพิ่มแล้ว”
ทว่าตอนนี้ทหารสมาคมตระกูลจงในตำบลฉือชวนดูจะพบแล้ว
ว่ามันผิดปกติ พวกเขาจึงค่อยๆ หยุดยิงไป
หลังจากรอมาครึ่งคืน จางเสียวหม่านก็ยังไม่เห็นกองไฟไหน
ถูกจุดอีก แต่เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังไม่กลับมา
เขากระซิบคุยกับเจียวเสี่ยวเฉิน “นายว่าเริ่นเสี่ยวซู่ทำอะไรอยู่”
พอพระอาทิตย์ใกล้ขึ้น เริ่นเสี่ยวซู่ถึงกลับมาในที่สุด จางเสียว
หม่านก้มตัวลงไปดม เขายังได้กลิ่นดินปืนจากตัวเริ่นเสี่ยวซู่อยู่เลย
“นายไปไหนมาน่ะ”
“ฉันเห็นว่ารอนานแล้วแต่กองร้อยที่สองกับที่สามก็ยังไม่โผล่
มาอีก ก็เลยคิดจะไปช่วยพวกเขาน่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่ว่าจางเสียวหม่านนิ่งไป และคิดว่าตัวเองประเมินความดุร้ายของ
เริ่นเสี่ยวซู่ต่ำไปแล้ว เขายังมีแรงเหลือไปช่วยพันธมิตรอีกแน่ะ
ระหว่างพูดคุยกัน กองร้อยที่สองและกองร้อยที่สามก็มาถึง
ในที่สุด ผู้บังคับกองร้อยที่สองเดินเข้ามาพร้อมกับความสงสัย “ใคร
เป็นคนช่วยเราปาระเบิดมือทำลายตำแหน่งที่ตั้งปืนกลนะ…”
จางเสียวหม่านเหลือไปมองเริ่นเสี่ยวซู่ แต่ว่าตอนนี้เขาไป
นั่งยองๆ ในพุ่มไม้และมองไปทางตำบลฉือชวนไกลๆ แบบเงียบๆ
แล้ว
จางเสียวหม่านไม่ได้พูดอะไร เขาหันไปหากองร้อยที่สองและ
กองร้อยที่สาม “ทำไมเพิ่งมาล่ะ”
ทั้ง
กองร้อยที่สองและกองร้อยที่สามงุนงง “เมื่อคืนพวกนาย
ไม่โดนซุ่มโจมตีเหรอ”
“โดนสิ!” จางเสียวหม่านว่า “ถ้ากองร้อยเจียนเตาเราถูกปืนกล
รั้ง
ไว้ได้ พวกเราจะยอมทิ้งชื่อ ‘เจียนเตา’ ให้พวกนายเลย!”
หน้าของผู้บังคับกองร้อยที่สองและที่สามอึมครึมไป ช่วงนี้จาง
เสียวหม่านแม่*ผยองฉิบหาย!“พวกนายจัดการที่มั่นปืนกลได้ง่ายขนาดนั้นเลย?” ผู้บังคับ
กองร้อยที่สองพูดอย่างไม่ใคร่พอใจนัก “สนามเพลาะพวกเขาขุดดี
จัดจนปืนครกเราทำอะไรไม่ได้ จางเสียวหม่าน อย่างลำพองให้มัน
มากนัก พวกเราไม่สนใจชื่อ ‘เจียนเตา’ อะไรนั้นหรอกนะ”
ที่ผู้บังคับกองร้อยที่สองและที่สามไม่รู้คือกองร้อยเจียนเตา
ไม่ได้เจอศัตรูคนไหนเลยตลอดการเดินทาง แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้จาง
เสียวหม่านเลิกล้อเลียนพวกเขา
“อย่าเพิ่งออกนอกเรื่อง” จางเสียวหม่านว่า “ช่วงกลางวัน
พวกเราจะพักกัน และจะบุกโถมบุกโจมตีใส่ตำบลฉือชวนหลัง
เที่ยงคืน กองร้อยเจียนเตาเราจะรับทำหน้าที่เปิดทางเอง พวกนาย
อย่าเป็นตัวถ่วงเราแล้วกัน”
พูดจบก็ทำเอาผู้บังคับกองร้อยที่สองและสามโมโหจนเกือบกิน
อะไรไม่ลง! แต่ว่านี่เป็นธรรมเนียมของป้อมปราการ 178 ตราบใดที่
สู้เก่ง พูดเถื่อนแค่ไหนก็ว่าไม่ได้หรอก!
ถึงกองร้อยที่สองและที่สามจะโมโห แต่ก็ต้องกล้ำกลืนลงไป
ระหว่างที่พักกันก็คิดแต่ว่าจะคว้าชัยชนะช่วงโจมตีตำบลฉือชวนนี้เพื่อกู้ชื่อเสียงพวกตัวเองให้ได้
ผู้บังคับกองร้อยที่สองจัดประชุมกับนายทหารตัวเองเงียบๆ
“ฉันไม่อยากให้พวกเราเสียสติเพียงเพราะจะอยากพิสูจน์ตัวเอง
เข้าใจไหม”
บรรดานายทหารว่า “เข้าใจครับ!”
หน้าที่ของผู้บังคับกองร้อยไม่ใช่แค่การนำการสู้รบ แต่
รวมไปถึงรู้เวลาเตือนให้พวกทหารให้ใจเย็นด้วย การสู้รบในสงคราม
เป็นเรื่องแห่งความเป็นตาย ไม่อาจให้อารมณ์มาอยู่เหนือสมองได้
แต่พอผู้บังคับกองร้อยที่สองเพิ่งพูดกับคนตัวเองเสร็จ ก็ได้ยิน
จางเสียวหม่านพูดเสียงดังว่า “ทุกคน คืนนี้พอโจมตีตำบลฉือชวน
แล้วก็ไม่ต้องรีบไม่ต้องร้อนนะ ให้กองร้อยที่สองกับที่สามได้ผลงาน
หน่อยก็ไม่เป็นไร ยังไงพวกเราก็เป็นพรรคพวกเดียวกัน ให้กองร้อย
เจียนเตาได้ผลงานไปหมดไม่ได้หรอกเนอะ?”
ทำเอาผู้บังคับกองร้อยที่สองเกือบกระอักเลือดออกมา
มีปากเสียงกับแบบเป็นมิตรกันก่อนสู้รบเป็นเรื่องปกติ พวกเขา
ต่างเป็นทหารเก่าที่ผ่านประสบการณ์สู้รบมามาก รู้วิธีการวางอารมณ์ก่อนเข้าสนามรบอยู่แล้ว
ผู้บังคับกองร้อยที่สองหันไปมองทางกองร้อยเจียนเตา เขาเห็น
เริ่นเสี่ยวซู่นั่งหลับหลบมุมอยู่คนเดียว มีคนในกองร้อยเขาพึมพำ
“นั่นเริ่นเสี่ยวซู่ใช่ไหม เห็นว่าเขาปืนผาสูงเจ็ดร้อยเมตรช่วงการโจมตี
เขาติ้งย่วนด้วยมือเปล่า”
“ถามจริง?” ทหารในกองร้อยที่สองถามอย่างไม่อยากเชื่อ
“ขนาดผู้บัญชาการกองพันโจวยังทำแบบนั้นไม่ได้เลยมั้ง”
เจียวเสี่ยวเฉินได้ยินพวกกองร้อยที่สองคุยกันเรื่องเริ่นเสี่ยวซู่ก็
แทรก “ตอนเริ่นเสี่ยวซู่กลับมาเมื่อเช้านี้ เขาบอกว่าเขาออกไปช่วย
พวกนาย พวกนายถามใช่ไหมว่าใครเป็นคนจัดการที่มั่นปืนกลให้
พวกนาย ก็เป็นเขานั่นแหละ”
ผู้บังคับกองร้อยที่สองนิ่งงันไป เจียวเสี่ยวเฉินไม่โกหกเรื่อง
แบบนี้หรอก “ได้ยินว่าเขาเป็นผู้มีพลังพิเศษ เขามีพลังอะไรน่ะ”
เจียวเสี่ยวเฉินเงียบไปพักหนึ่ง “พวกเราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ทหารทุกคนในค่ายต่างหันขวับ
ไปมองเริ่นเสี่ยวซู่อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ใจคิดเหมือนๆ กันว่า คนผ
ู้นี้คือผู้ที่ผู้บัญชาการจางเลือกมาสินะ ถึงว่าทำไมผู้บัญชาการถึงเลือกเขา