the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 404 เผยพลังพิเศษ
ช่วงตีสามคนส่วนใหญ่จะเริ่มสัปปะหงกกันแล้ว แต่จางเสียว
หม่านไม่คิดหรอกว่าตอนนี้ศัตรูจะหลับ เขากลับใช้เงามืด
ตอนกลางคืนช่วยปกปิดร่องรอยจากการบุกฝ่าตำแหน่งปืนกลของ
ศัตรู
จางเสียวหม่านนำกองร้อยเจียนเตาบุกไปข้างหน้าอย่าง
เงียบงัน พวกเขาไม่อาจบุกฝ่าตำบลฉือชวนไปอย่างรีบร้อนเพราะ
ตามหน้าต่างต้องมีปืนกลรออยู่แน่นอน
ปกติระยะหวังผลของปืนกลหนักจะอยู่ระหว่างหนึ่งพันถึงสอง
พันเมตร ปืนกลบางกระบอกอาจจะยิงไกลได้ถึงสามพันถึงห้าพัน
เมตร แต่ว่าพอเกินระยะห้าร้อยเมตรไป กระสุนปืนกลส่วนใหญ่ก็เสีย
ความแม่นยำไปแล้ว จะยิงโดนคนหรือเปล่าขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ
ขณะเดียวกันจางเสียวหม่านก็ไปตั้งจุดยิงปืนครกห่างจาก
ตำบลฉือชวนสองจุดเก้ากิโลเมตร นี่เป็นระยะหวังผลไกลสุดของปืนครกแล้ว เขาวางแผนจะทำลายสิ่งก่อสร้างรอบนอกของตำบล
ก่อน
พวกเขาไม่ได้กะใช้ปืนครกยิงสังหารคนหมู่มาก แต่กะทำลาย
สิ่งก่อสร้างให้กลายเป็นซากปรักหักพัง และก็จะกลายเป็นปราการ
ธรรมชาติสำ หรับทหารป้อมปราการ 178 ให้ค่อยๆ เข้าใกล้ตำบลฉือ
ชวนไป
เริ่นเสี่ยวซู่มองเจียวเสี่ยวเฉินที่ปรับมุมยิงของปืนครกอย่าง
เชี่ยวชาญ เขาโพล่งถาม “อะไรคือส่วนที่น่ากลัวที่สุดของการรบใน
เมืองเหรอ”
จางเสียวหม่านคิดพักหนึ่งและว่า “หน้าต่างทุกบานสามารถ
กลายเป็นตำแหน่งของศัตรูได้”
“แล้วทำไมพวกเราไม่ทำลายสิ่งก่อสร้างให้ราบเป็นหน้ากลอง
หมดเลยล่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
จางเสียวหม่านหัวเราะ “ฟังดูง่ายนะ แต่พวกเราจะทำได้ยังไง
ต้องเสียกระสุนปืนครกเยอะขนาดไหนกัน”เริ่นเสี่ยวซู่หยุดพูดไป เขากำลังคิดอยู่ว่าควรใช้รถจักรไอน้ำ
ทำลายสิ่งก่อสร้างให้ราบดีไหม แต่แบบนั้นเขาต้องเจ็บมากแน่ แต่
วิธีนี้คงได้ผลดีมาก อย่างไรอาคารเก่าๆ พวกนี้ก็ทนรับแรงรถจักรไอ
น้ำไม่ไหวหรอก
เรื่องบางเรื่องที่ดูเป็นไปไม่ได้ในความคิดของพวกจางเสียว
หม่านนั้น เริ่นเสี่ยวซู่กลับมีวิธีการมากมายให้ใช้
แต่หลังจากคิดดูแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่พบว่านี่ไม่ใช่แค่วิธีเดียวที่เขา
ใช้โจมตีได้ เขาควรใช้วิธีการอนุรักษ์นิยมกว่านั้นหน่อย เพราะถ้าเอา
รถจักรไอน้ำชนอาคาร เขาคงเจ็บจนกระอักเลือดแน่
ตอนนี้เองเจียวเสี่ยวเฉินก็พูดอยู่ด้านข้าง “ผู้บังคับกองร้อย
ทุกอย่างพร้อมแล้ว!”
จางเสียวหม่านเหลือบไปมองกองร้อยที่สอง ก่อนจะพูดเสียง
เบาว่า “นอกจากเจียวเสี่ยวเฉินกับพวกที่ต้องทำหน้าที่ยิงปืนครก
คุ้มกัน ที่เหลือตามฉันบุก เจียวเสี่ยวเฉิน จำ ไว้ว่าห้ามให้ศัตรูใน
ตำบลฉือชวนเสริมกำลังในรอบนอกของตำบลได้ โจมตีด้วยทุกอย่าง
ที่มี!”ตอนนี้ที่จางเสียวหม่านกังวลคือช่วงเวลาที่เขาต้องใช้ฝ่าไป
กว่าสามกิโลเมตร กว่าถึงตัวตำบล ศัตรูคงจัดทัพกันไม่ให้พวกตน
เข้าเมืองเสร็จเรียบร้อย ดังนั้นในการบุกจู่โจมนี้ ความแม่นยำของ
การยิงปืนครกถล่มของเจียวเสี่ยวเฉินจึงสำ คัญมาก
เจียวเสี่ยวเฉินตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแล้ว “ผู้บังคับ
กองร้อย นั่นมันไกลเกินไปนะ อีกอย่างพอเราเริ่มโจมตีไปแล้ว ศัตรูก็
จะยิงโต้กลับมาด้วย พวกเราต้องคอยเปลี่ยนตำแหน่งยิง!”
“ฉันไม่สน” จางเสียวหม่านว่า “ชีวิตเราอยู่ในมือนายแล้ว!”
จากนั้นจางเสียวหม่านก็พาคนบุกไป เริ่นเสี่ยวซู่ตามหลังเขาไป
ติดๆ ส่วนเจียวเสี่ยวเฉินนั้นถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับปัญหาที่แนวหลัง
เสียงกระสุนปืนครกดังวูบมาจากข้างหลัง กองร้อยเจียนเตา
มีปืนครกหกกระบอก และต่างใช้ยิงตำบลฉือชวนในทีเดียว
หลังจากยิงไปแล้ว เจียวเสี่ยวเฉินก็ตะโกนอย่างหวาดๆ “วิ่งโว้ย
! เปลี่ยนตำแหน่งแล้วยิงอีกรอบ!”
ทหารกองร้อยเจียนเตาแบกปืนครกวิ่งอย่างช่ำ ช่องเผื่อตำบล
ฉือชวนเล็งเป้ายิงถล่มมาที่พวกเขาเริ่นเสี่ยวซู่สงสัย “พอเปลี่ยนจุดแล้วพวกเขาก็ต้องปรับมุมยิง
กับปรับระยะยิงอีกรอบนี่ แบบนั้นยิงคุ้มกันก็จะช้าไปกว่าเดิมไหม”
“ไม่หรอก” จางเสียวหม่าน “เรื่องนี้เจียวเสี่ยวเฉินเทพมาก
ตลอดทั้งกองทัพไม่มีใครเก่งกว่าเขาแล้ว”
ปกติแล้วปืนครกไม่มีทางใช้งานแบบนี้หรอก เพราะทุกครั้งที่
ปรับตำแหน่ง ก็ต้องใช้เวลานานโขปรับวิถียิง แต่ว่าความเชี่ยวชาญ
ของเจียวเสี่ยวเฉินทำให้กองร้อยเจียนเตาเคลื่อนได้อย่างคล่องแคล่ว
กองกำลังอื่นๆ มากมายพยายามเกณฑ์เจียวเสี่ยวเฉินไปเข้าร่วมกับ
ตัวเอง แต่ว่าถูกโจวอิงหลงปรามไว้หมด
ระหว่างที่พวกเขาคุยกัน กระสุนปืนครกชุดที่สองก็ยิงตำบลฉือ
ชวนแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่มองอาคารในเขตรอบนอกของตำบลฉือชวนพัง
กลายเป็นเศษซากและกลายเป็นสิ่งคุ้มกันให้กองร้อยเจียนเตาไป
ขณะเดียวกัน ในเมืองน้อยก็ยิงปืนใหญ่ไปยังพื้นที่ต้องสงสัยที่
ยิงปืนครกมา แต่ถึงยามนั้นเจียวเสี่ยวเฉินก็พาคนของตัวเองจรลีไป
แล้ว
เป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมจริงแท้เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “เจียวเสี่ยวเฉินเป็นยอดฝีมือจริง เขาฝึกมาได้
ยังไงน่ะ”
“ถ้าไม่อยากตาย ก็ต้องตั้งใจฝึก” จางเสียวหม่านหอบ
ทันทีที่ตำบลฉือชวนเห็นศัตรูยิงถล่มมา พวกทหารก็เคลื่อนตัว
ไปเขตรอบนอกทันที พยายามกู้แนวป้องกันกลับมา
แต่หน่วยที่เจียวเสี่ยวเฉินนำตั้งจุดยิงปืนครกใหม่แล้ว การยิง
ชุดที่สามยิงใส่ขัดเส้นเดินทัพของศัตรูพอดี!
ย้อนไปตอนที่ทหารกองร้อยเจียนเตากำลังกินอาหารและพูด
โม้กันอยู่นั้น ก็มีคนพูดว่าถ้าทุกคนเป็นผู้มีพลังพิเศษจะดีมากขนาด
ไหนนะ ตอนนั้นเจียวเสี่ยวเฉินพูดว่าถ้าเขาเป็นผู้มีพลังพิเศษ คงแบก
ปืนครกไปไหนมาไหนได้สบายแล้ว
จางเสียวหม่าน เจียวเสี่ยวเฉิน และคนอื่นๆ ไม่มีพลังพิเศษ
พวกเขากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกองร้อยเจียนเตาในกองพันทหาร
ทัพหน้าด้วยการพยายามอย่างหนักหน่วง
พวกจางเสียวหม่านคืบเข้าไปใกล้ซากปรัก เขามองเข้าไปใน
ตำบลฉือชวนข้างหน้าและเห็นอาคารสองชั้นเล็กๆ ตั้งอยู่ไม่ไกลนักแต่เขามองไม่ออกว่าหลังเงามืดหลังหน้าต่างมีศัตรูอยู่หรือเปล่า
ถ้าในอาคารมีปืนกลหนักตั้งอยู่ล่ะก็ ทหารกองร้อยเจียนเตา
ส่วนใหญ่คงได้จบชีวิตที่นี่แล้ว
แต่พวกเขาจะหยุดสู้รบเพียงแค่เพราะอาจมีคนตายไม่ได้
หรอก มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสงคราม
เขากดเสียงลงต่ำ กระซิบแกมตะโกนว่า “ใครที่ไม่กลัวตายก็
บุกไปกับฉัน ระวังหน้าต่างที่อยู่บนชั้นสอง…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเริ่นเสี่ยวซู่ถือระเบิดมือและยัดใส่ลง
ไปในเงาแล้ว
พริบตาให้หลัง ก็มีระเบิดตู้มขึ้นหลังหน้าต่างชั้นสองที่เขาเพิ่ง
กังวลไปเมื่อครู่ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นควันขโมงออกจากหน้าต่าง
ข้างในมีเสียงร้องของทหารสมาคมตระกูลจงดังมา!
จางเสียวหม่านนิ่งไป “พลังอะไรวะนั่น!”
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่หยุดเคลื่อนไหว เขาวิ่งไปหลังซากปรักหักพัง
นั้น
และเอ่ย “ต่อไปถ้าคิดว่ามีจุดอันตรายไหนอีกก็บอกมา ขอแค่ให้
อยู่ระยะหนึ่งกิโลเมตรฉันรับมือได้หมด”จางเสียวหม่านตะลึง การรบในเมืองจะอันตรายที่สุดเพราะ
รับมือศัตรูหลังหน้าต่างในช่วงรบระยะประชิดยากมาก
แต่ด้วยพลังของเริ่นเสี่ยวซู่ ก็อย่างกับเขาเกิดมาเป็นดาวพิฆาต
ศัตรูสำ หรับการรบในเมือง ไม่ว่าคนจะซ่อนตัวดีแค่ไหน ตราบใดที่
คาดว่าจะมีศัตรูอยู่ในอาคาร ก็จะมีระเบิดมือหย่อนใส่
เมื่อก่อนเพราะไม่มีกลยุทธ์ดีๆ ให้ใช้ กองร้อยเจียนเตา
จึงทำการรบในเมืองอย่างลำบากยากเข็ญมาก พวกเขาได้แต่พึ่งการ
ยิงคุ้มกันจากระยะไกลของเจียวเสี่ยวเฉินอย่างเดียว
แต่ว่าตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว!
จางเสียวหม่านโพล่งถาม “เดี๋ยวนะ เป็นนายสินะพวกเราเลย
หาระเบิดมือไม่เจอสักลูกที่เขากวนซานกับเขาติ้งย่วนน่ะ!”
เริ่นเสี่ยวซู่กำลังจะอธิบายแต่จางเสียวหม่านพูดมาก่อน
“ไม่ต้องอธิบาย! ต่อไปไม่ต้องซ่อนระเบิดมือที่เรายึดได้แล้ว เอาให้
นายเก็บไว้ให้หมด!”