the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 405 หัวแข็ง
จางเสียวหม่านมองเริ่นเสี่ยวซู่อย่างเป็นสมบัติล้ำค่า
เขาเป็นชายชาติทหาร ใช้เวลาแวบเดียวก็เข้าใจว่าการหย่อน
ระเบิดมือในระยะหนึ่งกิโลเมตรนั้นสามารถใช้ได้ทั้งบุกจู่โจมทั้งล้อม
โจมตี
พวกเขายึดตำแหน่งที่ตั้งปืนกลได้ง่ายๆ เข้ารบในเมืองก็สบายๆ
เรียกว่าเหงื่อไม่ไหลสักหยด ถ้าต้องต่อกรกับบังเกอร์ป้องกันตอน
โจมตีพื้นที่สูง พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้กังวลเช่นกัน ต่อหน้าเริ่นเสี่ยว
ซู่แล้ว การป้องกันภาคพื้นของศัตรูแทบไม่ต่างกับกระดาษ!
จางเสียวหม่านพูดกับเริ่นเสี่ยวซู่อย่างตื่นเต้น “จากนี้ไป ใคร
คิดเอาระเบิดมือนายไปไม่ต่างไปกับการอยากเอาชีวิตฉัน!”
เริ่นเสี่ยวซู่ชะงักงัน “แบบนั้นไม่ค่อยดีมั้ง”
พูดแล้วก็ยัดระเบิดมือลูกที่สองใส่เงาหน้าต่างอีกบาน ทหาร
สมาคมตระกูลจงที่กำลังจะเช็ดถูปืนกลถูกเป่ากระเด็นออกจากหน้าต่าง
จางเสียวหม่านถามอย่างสงสัย “เสี่ยวซู่ นายเก็บระเบิดมือ
พวกนั้นไว้ไหนน่ะ ฉันไม่เห็นระเบิดมืออยู่กับตัวนายเลย สรุปนาย
มีพลังอย่างเดียวหรือสองอย่าง”
เริ่นเสี่ยวซู่ตอบเสียงจริงจัง “ฉันมีแค่พลังเดียว เป็นพลังที่เป็น
เส้นทางมืดไปสู่อีกมิติหนึ่งที่มีช่องว่างเล็กๆ ให้ฉันเก็บของได้”
แต่เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกว่าคำอธิบายนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย เพราะ
อย่างไรประตูเงาก็ไม่สามารถเปิดประตูไปสู่ต่างมิติได้
แต่ขนาดตัวผู้มีพลังพิเศษเองก็ยังไม่เข้าใจพลังพิเศษตัวเองดี
เลย ต่อให้เขาคิดเรื่องมั่วๆ มาหลอกคนธรรมดา อีกฝ่ายก็คงยอม
เชื่อแม้มันจะไม่น่าเชื่อแค่ไหนก็ตาม อย่างไรนี่ก็กำลังพูดถึงพลัง
พิเศษอยู่นะ จะเอาอะไรมาเป็นเหตุเป็นผลก่อน
จางเสียวหม่านได้ยินคำอธิบายของเริ่นเสี่ยวซู่แล้วก็เนื้อเต้น
เขาโทรเรียกพวกหัวหน้าหน่วยคนอื่นๆ และกล่าว “เอาระเบิดมือของ
ทุกคนมาให้เริ่นเสี่ยวซู่ให้หมด พวกเราจะเริ่มบุกไปทางปืนใหญ่ เริ่น
เสี่ยวซู่ ฉันอยากให้นายระเบิดพวกมันให้ยับ!”เริ่นเสี่ยวซู่เก็บระเบิดมือจากรังโจรมาสิบกว่ากล่อง แต่ละกล่อง
มีระเบิดมือยี่สิบลูก ขณะเดียวกันทหารในกองร้อยเจียนเตาแต่ละคน
จะได้ระเบิดมือคนละสามลูกเป็นมาตรฐานแจกจ่ายยุทโธปกรณ์จาก
กองพลาธิการแห่งป้อมปราการ 178
ในกองร้อยเจียนเตามีสมาชิกหนึ่งร้อยแปดสิบสี่นาย ไม่นับ
หน่วยที่คอยจัดการปืนครก ที่แนวหน้ามีทหารทั้งสิ้นหนึ่งร้อยห้าสิบ
สี่นาย รวมเป็นระเบิดมือจำ นวนหลายร้อยลูก!
ดังนั้นพอเริ่นเสี่ยวซู่เอาใส่ในช่องเก็บของหมด พอมองข้างใน
แล้วก็ทำเอาหนังศีรษะชาวูบไปเลย
กองร้อยคืบหน้าด้วยการลอบเดินผ่านซากปรักหักพัง ถ้าเจอ
จุดที่ศัตรูน่าจะซ่อนตัวอยู่ จางเสียวหม่านก็เรียกให้เริ่นเสี่ยวซู่ระเบิด
พวกเขาทิ้งจากระยะไกล
กองร้อยที่สองกับกองร้อยที่สามก็แทรกซึมเข้ามาในตำบลฉือ
ชวนผ่านปีกข้างในลักษณะคล้ายคลึงกัน ทว่าได้แต่ตาเบิกโพลงมอง
กองร้อยทิ้งพวกเขาแบบไม่เห็นฝุ่นภารกิจของกองร้อยที่สองและที่สามคือคอยคุ้มกันกองร้อย
เจียนเตาจากปีกข้าง แต่ดูไปแล้ว กองร้อยเจียนเตาไม่เห็นต้องการ
ให้พวกเขาสนับสนุนเลย! ในตำบลฉือชวนมีเสียงระเบิดจาก
ระเบิดมือดังไปทั่ว ที่น่าแปลกกว่านั้นคือกองร้อยเจียนเตายังไม่เจอ
ศัตรู ‘แบบดีๆ’ เลยสักครั้ง!
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!
สิ่งปลูกสร้างที่ยังอยู่ดีในตำบลฉือชวนยืดยาวไปถึงหก
กิโลเมตร และกองร้อยเจียนเตาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็คืบหน้าไปห้า
ร้อยเมตรแล้ว!
พวกเขามีแผนจะยึดเมืองน้อยนี้ภายในเวลาครึ่งเดือน แต่
ดูเหมือนว่าตอนนี้กองร้อยเจียนใช้เวลาสองสามวันก็จัดการทั้งเมือง
น้อยได้แล้ว!
แต่จางเสียวหม่านไม่อยากโลภมากและเสี่ยงคืบหน้าไปต่อ
ศัตรูในปีกข้างยังอยู่ดี ถ้ากองร้อยที่สองและกองร้อยที่สามตาม
ความคืบหน้าพวกเขาไม่ทันล่ะก็ รู้ตัวอีกทีอาจจะโดนศัตรูล้อมอยู่ใน
ตำบลฉือชวนแล้วก็ได้และยังมีปัญหาด้วยว่าไม่รู้ในเมืองน้อยมีพลสไนเปอร์หรือเปล่า
นอกจากนี้ใต้พื้นมีกับระเบิดอะไรไหมก็ไม่รู้อีก เช่นนั้นรอให้อีก
กองร้อยมารวมพลกันก่อนค่อยบุกโจมตีจะดีกว่า
จางเสียวหม่านพลันยกมือและตะโกนให้ทหารเปลี่ยนเส้นทาง
พวกเขาจะมุ่งไปสนับสนุนกองร้อยที่สองโดยมีเริ่นเสี่ยวซู่เคยระเบิด
ศัตรูทิ้ง ส่วนที่คนที่เหลือจะคอยคุ้มกันเขา ทั้งยังต้องไปตรวจสอบดู
ว่าศัตรูในอาคารที่พวกเขาเดินทางผ่านนั้นตายแล้วจริงๆ
ถึงจะมีศัตรูโดนระเบิดทิ้งไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่พวกเขาก็ยังจะ
สู้กับกองร้อยเจียนเตาจนถึงวาระสุดท้าย ถ้าศัตรูซุ่มโจมตีพวกเขา
ตอนนี้ต้องแย่แน่ สงครามสาหัสหนักหนาจนมีผู้ตายจำ นวนมากคือ
ข้อเท็จจริงที่ยอมรับได้ แต่ไม่ระวังจนเพื่อนทหารตายด้วยต่างหากที่
แย่ เรื่องแรกมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรื่องหลังเป็นเรื่องของทัศนคติ
กองร้อยที่สองกำลังเจอปัญหาหนักกับปืนกลที่อยู่หลังหน้าต่าง
ตรงสี่แยก แต่ทันใดนั้นก็มีระเบิดตู้มหลังหน้าต่างบานนั้น ทั้งศัตรูทั้ง
ปืนกลถูกระเบิดกระเด็นออกมาหมด!กองผู้บังคับกองร้อยที่สองเงยหน้าขึ้น ก็เห็นจางเสียวหม่าน
โบกมือมาให้ “ตามมาโลด! พวกเราจะไปสนับสนุนกองร้อยที่สาม!”
ทหารกองร้อยนายหนึ่งพึมพำ “เขาคิดว่าการรบในเมืองเป็น
อะไรเนี่ย ทำไมเคลื่อนไหวตามใจได้อย่างงี้ล่ะ!”
ในช่วงก่อนรุ่งสาง กองร้อยเจียนเตา กองร้อยที่สอง และ
กองร้อยที่สามก็มารวมพลกันในอาคารร้างแห่งหนึ่งได้ในที่สุด ทหาร
กองร้อยเจียนเตาที่อยู่ชั้นบนตั้งปืนกลหนักหลายกระบอกและคอย
สำ รวจรอบด้านอย่างตื่นตัว จางเสียวหม่านที่อยู่ชั้นล่างกำลังจัด
ประชุมกับผู้บังคับกองร้อยที่สองและกองร้อยที่สาม “เอาระเบิด
ทีเอ็นทีกับระเบิดมือทั้งหมดที่มีให้พวกเรา”
ผู้บังคับกองร้อยที่สองไม่พอใจ “ส่งให้พวกนายให้หมด? งั้น
พวกเราจะเอาอะไรใช้ล่ะ!”
แต่ตอนนี้ผู้บังคับกองร้อยที่สามกำลังเป็นห่วงเรื่องอื่นอยู่
“พวกเราอยู่ในอาคารนี้กันหมด ถ้าศัตรูระเบิดที่นี่ทิ้ง พวกเรา
ไม่จบเห่กันหมดเหรอ”“ไม่ต้องห่วง” จางเสียวหม่านพูดเสียงนิ่ง “ปืนใหญ่ในตำบลฉือ
ชวนถูกกองร้อยเจียนเตาทำลายหมดแล้ว!”
“พูดบ้าอะไรอยู่เนี่ย” ใบหน้าผู้บังคับกองร้อยที่สองอึมครึม
“ตำแหน่งปืนใหญ่อยู่ห่างจากที่นี้อย่างน้อยเจ็ดร้อยเมตร บอกมาสิ
มานายทำลายพวกมันหมดได้ยังไง”
“เป็นความลับ ฉันบอกนายไม่ได้หรอก” จางเสียวหม่าน
หัวเราะ “ที่ฉันเรียกพวกนายมารวมตัวที่นี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แค่
อยากบอกเฉยๆ ว่ากองร้อยเจียนเตาเราดุร้ายขนาดไหน ระเบิดมือ
ที่อยู่ในมือเราไม่ต่างไปจากอาวุธเทพ ให้พวกนายถือมันโคตร
เสียเปล่า!”
ผู้บังคับกองร้อยที่สองคิดเรื่องว่ากว่าจะพาทุกคนมารวมตัวกัน
มันยากเย็นแสนเข็ญ แถมเรียกมาเพียงเพราะอยากจะขออาวุธจาก
พวกเขาน่ะนะ
ตอนนี้พวกเขาคืบหน้ามาในตำบลฉือชวนกว่าสองกิโลเมตร
แล้ว ทางฝั่งเหนือยังมีศัตรูอีกมาก ยังมีสงครามหนักหนาอีกไม่น้อยให้สู้ ดังนั้นจางเสียวหม่านเลยให้เริ่นเสี่ยวซู่นับระเบิดมือที่เหลืออยู่
และก็พบว่ามันไม่พอใช้
ดวงตาผู้บังคับกองร้อยที่สามกวาดไปทั่วและโพล่งขึ้นมาว่า
“จางเสียวหม่าน บอกพวกเรามาตามตรงเถอะว่าต้องการระเบิดมือ
เราไปทำไม ก่อนหน้านี้ตอนที่นายยังมาไม่ถึงเลย ฉันเห็นหนึ่งใน
ตำแหน่งปืนกลของศัตรูถูกทำลายไปต่อตา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
จางเสียวหม่านหันไปมองเริ่นเสี่ยวซู่และเห็นเขาพยักหน้าให้
จางเสียวหม่านจึงพูด “พลังของเริ่นเสี่ยวซู่ทำให้เขาสามารถขว้าง
ระเบิดมือไปที่ไหนก็ได้ในระยะหนึ่งกิโลเมตร เขาอยากให้ลงตรงไหน
ก็ไม่ห่างเกินเมตร! พวกนายเข้าใจแล้วยัง งั้นก็ส่งระเบิดมือมาให้
พวกเรากองร้อยเจียนเตาใช้เปิดทาง พอถึงเวลาทุกคนจะแบ่ง
ผลงานกัน!”
ผู้บังคับกองร้อยที่สองยังสองจิตสองใจ “ถ้าพวกเอาระเบิดมือ
ให้นายหมด พวกเราจะเอา…”
จางเสียวหม่านพูดขัด “สูไห่เฉิน เรียกสติตัวเองหน่อย พวกเรา
อยู่ในสงคราม กระสุนปืนกลพวกนั้นไร้นัยน์ตา นายคิดว่าภารกิจของกองร้อยที่สองสำ คัญกว่าหรือชีวิตทหารนายสำ คัญกว่า อีกอย่าง
ส่งมอบระเบิดให้พวกเรากองร้อยเจียนเตาเปิดทางก็ทำให้ภารกิจ
สำ เร็จได้เหมือนกัน!”
ผู้บังคับกองร้อยที่สองลังเลใจ ก่อนจะพูดพร้อมถอนหายใจว่า
“ก็ได้ นายเอาไปให้หมดเลย! พวกเราไม่ขอแบ่งผลงานด้วย ไม่ว่าที่นี่
จะเกิดอะไรขึ้น ก็จะรายงานไปตามนั้น กองร้อยที่สองเราไม่อยากได้
ของเหลือ!”
จางเสียวหม่านยกนิ้วโป้งให้เขาอย่างพอใจ “ได้ กองร้อยที่สอง
หัวแข็งดีมาก!”
จากนั้นก็หันไปหาผู้บังคับกองร้อยที่สาม “งั้นกองร้อยที่สามก็
หัวแข็งเหมือนกันไหม”
ผู้บังคับกองร้อยที่สามสำ ลัก “จางเสียวหม่าน อย่าวอนบาทา
ให้มาก!”