the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 413 เริ่นเสี่ยวซู่ในสงครามระหว่างมือสไนเปอร์
- Home
- the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 413 เริ่นเสี่ยวซู่ในสงครามระหว่างมือสไนเปอร์
ตอนที่จางเสียวหม่านเห็นเริ่นเสี่ยวซู่สูดลมหายใจลึกก็รู้สึกได้
ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามทำอะไรอันตรายอยู่ เขาอยากจะหยุดเริ่น
เสี่ยวซู่ แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะทำให้สภาวะของเริ่นเสี่ยวซู่เสียจนเป็น
การทำร้ายเขาแทน
แต่ทุกคนในกองร้อยเจียนเตาก็ต้องแปลกใจ เริ่นเสี่ยวซู่พุ่งออก
ไปจนกลายเป็นภาพลางเลือน นี่มันเร็วเกินไปแล้ว!
จางเสียวหม่านเป็นคนเดียวที่เห็นประกายสีแดงยากลืมเลือน
ในดวงตาของเริ่นเสี่ยวซู่ มันคือพลังของเริ่นเสี่ยวซู่? แสดงว่าเริ่น
เสี่ยวซู่ก็มีพลังพิเศษสองแบบเหมือนสูเสี่ยนฉู่สิ!
ตอนที่สูเสี่ยนฉู่เปิดเผยพลังของตน คนในป้อมปราการ 178
ต่างก็อิจฉาตาร้อน และพูดกันว่าเขา ‘เป็นผู้ถูกเลือก‘ คนส่วนใหญ่
ไม่มีพลังพิเศษอะไรด้วยซ้ำ แต่สูเสี่ยนฉู่กลับมีพลังตั้งสองอย่าง เขา
เป็นตัวตนที่พิเศษมากในป้อมปราการ 178แต่หลังจากวันนี้ไป เขาจะไม่ใช่เพียงคนผู้เดียวอีกแล้ว จาง
เสียวหม่านมั่นใจมากว่าเริ่นเสี่ยวซู่ต้องมีพลังพิเศษสองประเภท!
ในที่สุดกองร้อยเจียนเตาก็มีผู้มีพลังพิเศษสุดยอดแล้ว!
แต่จางเสียวหม่านก็ยังอดเป็นห่วงความปลอดภัยของเริ่นเสี่ยว
ซู่ไม่ได้ ถึงการโถมตัวออกไปแบบนี้มันจะดีกว่าติดอยู่หลังก้อนหินอยู่
บ้าง แต่ระยะห่างระหว่างมือสไนเปอร์กับพวกเขาก็ไม่น้อยเลย
ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่คิดฆ่าเจ้ามือสไนเปอร์นั่นล่ะก็ มันอาจจะเป็นเรื่องยาก
มากทีเดียว
แต่ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่วิ่งไปออกไป เขาก็ว่า “อยู่ที่เดิมอย่าขยับ!
รอฉันกลับมา!”
ผลการทำงานของทลายนครมีแค่สามสิบวินาทีเท่านั้น เริ่น
เสี่ยวซู่คำนวณแล้วว่าหุบเขาที่ทำให้มือสไนเปอร์ ‘ตามืดบอด’ นั้น
จะอยู่ห่างจากที่นี่ไปราวครึ่งกิโลเมตร แต่ถ้าจะหลบกระสุนให้ได้ เขา
ต้องวิ่งฉวัดเฉวียนไปมา
วิ่งระยะทางเกือบห้าร้อยเมตรต่อหน้ามือสไนเปอร์แบบนี้
สำ หรับคนทั่วไปแล้วไม่ต่างไปจากการฆ่าตัวตายเลย แต่อย่างไรเริ่นเสี่ยวซู่ก็ต้องยอมเสี่ยง!
มือสไนเปอร์ซ่อนหลังพุ่มไม้ทางทิศสิบสองนาฬิการาวกับเป็น
อีแร้งชั่วร้าย ส่องสังเกตการณ์ทุกการเคลื่อนไหวของกองร้อยเจียน
เตาผ่านกล้องสโคป หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีพลสไนเปอร์ใน
กองร้อยเจียนเตาก็เริ่มเกมแมวจับหนู
หลังจากมือสไนเปอร์ผู้นี้ยิงเงาดำที่คาดว่าเป็นผู้มีพลังพิเศษไป
แล้ว ทั้งกองร้อยก็เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหิน เขาอยากค่อยๆ
ทรมานคนพวกนี้จนถึงแก่ความตาย
ตัวมือสไนเปอร์รู้ดีว่าตนเองสามารถนอนหมอบตามพุ่มไม้ได้
สามวันสามคืนติด เขาไม่เชื่อหรอกว่าทหารธรรมดากลุ่มนี้จะทำแบบ
ตนเองได้
ถ้าพวกเขามัวแต่ซ่อนกำบังตัวอยู่หลังกองหิน เวลาก็จะผ่านไป
อย่างเชื่องช้า มือสไนเปอร์เชื่อว่าเพียงแค่หกชั่วโมง กองร้อยที่ซ่อน
อยู่หลังหินต้องสติแตกและพุ่งมาใส่เขาแน่
แต่ว่านั่นจะเป็นการดิ้นรนอย่างไร้ความหมายทว่าเรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาด มือสไนเปอร์ไม่คิด
เลยว่าจะมีคนที่เคลื่อนไหวได้เร็วเช่นนี้อยู่หลังก้อนหิน เขาปรับปืน
สไนเปอร์เล็งยิงเป้าหมายไม่ทัน!
เงาร่างนั้นเคลื่อนตัวเคี้ยวคดไปมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว มือ
สไนเปอร์พยายามยิงสองรอบ แต่ก็ไม่ถูกสักรอบ
จางเสียวหม่านและเจียวเสี่ยวเฉินก็ไม่ใช่พวกนี้จะนั่งเฉยๆ
ไม่ทำอะไร จางเสียวหม่านตะโกน “เจียวเสี่ยวเฉินโว้ย มือสไนเปอร์
มีปืนสไนเปอร์กึ่งอัตโนมัติ! นายมีแค่โอกาสเดียว คุ้มกันเริ่นเสี่ยวซู่!”
เจียวเสี่ยวเฉินไม่พูดอะไร เขาเข้าใจสิ่งที่จางเสียวหม่าน
ต้องการจะสื่อดี
เขารอเงียบๆ จนได้ยินเสียงยิงปืนสไนเปอร์ดังมา จากนั้นเจียว
เสี่ยวเฉินก็ยกปืนครกขึ้นมาใส่กระสุน มีเสียงดังสนั่น กระสุนปืนครก
โค้งตัวด้วยมุมพิเศษไปยังเนินเขายังทิศสิบสองนาฬิกา
เจียวเสี่ยวเฉินไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของมือสไนเปอร์ จึงได้แต่
ยิงสนับสนุนช่วงที่มือสไนเปอร์ยิงปืนใส่เริ่นเสี่ยวซู่พวกเขาไม่คิดหรอกว่ากระสุนจะไปโดนศัตรูจริงๆ แต่ว่า
ตราบใดที่สามารถขัดจังหวะศัตรูได้ ก็เพียงพอจะสร้างโอกาสให้เริ่น
เสี่ยวซู่ข้ามภูมิประเทศเปิดโล่งไปได้อย่างปลอดภัย!
เริ่นเสี่ยวซู่อาจจะน่าเกรงขามมาก แต่กองร้อยเจียนเตาก็ไม่ใช่
ไม้ประดับ!
หลังจากยิงปืนครกไปแล้ว มือสไนเปอร์ก็ไม่ยิงปืนมาอีก เจียว
เสี่ยวเฉินพึมพำ “พวกเรายิงปืนครกโดนศัตรูตายเลยเหรอวะ”
“ฝันไปเหอะ!” จางเสียวหม่านเหน็บ “ถ้ายิงทีเดียวแล้วโดน
ศัตรู ลู่เหยาคงตกหลุมรักนายไปแล้วล่ะ ไม่ทางซะล่ะ”
“ฉันแต่งงานแล้วโว้ย จะพูดถึงลู่เหยาทำเพื่อ” เจียวเสี่ยวเฉิน
โต้ “นายล่ะสิที่ตัดใจเธอไม่ลงน่ะ”
“ชายป้อมปราการ 178 คนไหนจะไม่คิดถึงเธอวะ” จางเสียว
หม่านมองไปที่เริ่นเสี่ยวซู่และเห็นว่าเขาหลบเข้าไปจุดอับสายตาที่
มือสไนเปอร์มองไม่เห็นได้สำ เร็จเรียบร้อย เขาพูด “ซ่อนตัวให้
ปลอดภัยอยู่ข้างหลังนี่ไปก่อน ที่เหลือปล่อยให้เริ่นเสี่ยวซู่จัดการไป
ฉันเชื่อว่าเขาจัดการเจ้ามือสไนเปอร์นั่นได้แน่”ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่กำลังหอบแฮกหลบอยู่ในหุบเขา มือสไนเปอร์
ผู้นี้สร้างความกดดันให้เขามาก ถ้าเขาไม่ได้เปิดใช้งานทลายนครก็
คงไม่อาจหลบกระสุนศัตรูได้
หลังเริ่นเสี่ยวซู่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็ได้แต่ตัดสินใจวิ่งออกจาก
หลังก้อนหิน ก่อนหน้านี้เขากับหยางเสียวจิ่นเคยทดสอบดูแล้วว่าเธอ
จะยิงเขาที่วิ่งด้วยความเร็วสูงโดนไหม
แน่นอนว่าหยางเสียวจิ่นไม่ได้จะยิงใส่เขาจริงๆ เพียงแค่ลอง
คำนวณดูเท่านั้น ถ้าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่เปิดใช้งานทลายนคร หยางเสียว
จิ่นก็จะยิงเขาแบบร้อยทั้งร้อย พอเขาเปิดทลายนคร อัตราการยิง
โดนของหยางเสียวจิ่นจะลดลงไปที่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
ตอนนั้นเริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกยอมรับไม่ค่อยได้อยู่บ้าง ขนาดเขาเปิด
ใช้งานทลายนครแล้วก็ยังลดอัตราการยิงโดนของหยางเสียวจิ่นไปที่
แค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เอง?
แต่หยางเสียวจิ่นบอกว่าเพราะเป็นเธอที่ถือปืน ถ้าเป็นมือ
สไนเปอร์คนอื่นๆ หากเขาอยู่ในโหมดทลายนคร มีโอกาสยิงโดนสิบ
เปอร์เซ็นต์ก็ไม่เลวแล้วตอนนั้นเริ่นเสี่ยวซู่พูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว…
แต่นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเริ่นเสี่ยวซู่ยอมเสี่ยง สุดท้ายหยาง
เสียวจิ่นก็ไม่ได้พูดโม้ อย่างที่คาดไว้เลย เธอเก่งกาจกว่ามือสไนเปอร์
ส่วนใหญ่มาก
เริ่นเสี่ยวซู่ปรับลมหายใจ ใจเริ่มคิดอะไรบางอย่าง มือสไนเปอร์
น่าจะเปลี่ยนไปตำแหน่งอื่นแล้ว หลังจากแผนรั้งตัวกองร้อยหลัง
ก้อนหินผิดพลาด เขาย่อมเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการรบแบบเคลื่อนไหว
เริ่นเสี่ยวซู่ต้องตามหาและปลิดชีพศัตรูผู้นี้เสีย ไม่อย่างนั้น
ถ้าพวกเขาถูกสไนเปอร์ตามติดขณะเคลื่อนทัพล่ะก็ ไม่รู้ว่ากองร้อย
เจียนเตาจะเจอหายนะตอนไหน
เขาแฝงตัวในเงามืด และคืบไปยังเขาทางสิบสองนาฬิกาด้วย
ความคิดจะเกาะรอยมือสไนเปอร์ เขาระวัดระวังตัวแจ ถ้าไม่ระวัง
เขาอาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามยิงจนสิ้นชีพ เริ่นเสี่ยวซู่ดึงพุ่มไม้ออกมา
สองพุ่ม จากนั้นก็บดใบไม้ตามหน้าและเสื้อผ้าเป็นการอำพราง
ทันใดนั้นเขาก็นึกเรื่องที่หยางเสียวจิ่นเคยพูดกับตนได้ “ถ้ามือ
สไนเปอร์สองคนปะทะกันในแดนรกร้าง ใครที่เปิดเผยตัวก่อนตายเป็นกฎสำ หรับมือสไนเปอร์ทุกคน”
เริ่นเสี่ยวซู่หยิบปืนสไนเปอร์ทมิฬออกมาจากพระราชวังและ
พึมพำกับตัวเอง “ฉันก็ถือว่าเป็นมือสไนเปอร์คนหนึ่งเหมือนกันสินะ”
เช่นนั้นหลังจากมือสไนเปอร์เคลื่อนตัวออกจากทิศสิบสอง
นาฬิกาของเทือกเขาแล้ว เขาจะเคลื่อนตัวไปทางไหนต่อล่ะ เริ่น
เสี่ยวซู่แบกสไนเปอร์ขึ้นมาและไถลตัวขึ้นไปตามป่าเขา นี่จะเป็นการ
ล่าครั้งแรกในฐานะมือสไนเปอร์ของเขา