the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 415 ไม่ว่าด้วยวิธีใด
เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกเสียดายนักที่ยิงไม่โดน ทักษะการยิงปืนเขายัง
ไม่ดีพอ แค่คำนวณแรงลมพลาดไป 0.1 วินาที ก็ทำให้มือสไนเปอร์
ฝ่ายตรงข้ามหนีทันแล้ว
มือสไนเปอร์ฝ่ายตรงข้ามก็เป็นคนดุร้ายไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคง
ไม่กล้าท่องไปตามป่าเขาคนเดียว
หลังจากเริ่นเสี่ยวซู่ยิงปืนไปแล้วก็ปรับตำแหน่งไปที่อื่น เขามอง
พวกทหารกองโจรสู้กับเถาหนามจากข้างเนินเขา ที่จริงเขาฝัง
เถาหนามไปสิบกว่าเมล็ดในช่องเขา ทั้งยังมีเครื่องยิงมันฝรั่งก็อีกสิบ
กว่าเมล็ดด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธมือ พืชพวกนี้ก็ใช้งานได้ไม่เลวเลย ถ้า
ศัตรูไม่มีเครื่องพ่นไฟล่ะก็ จะใช้แค่กระสุนธรรมดาทำลายพวก
พืชพันธุ์นั้นยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเถาหนามที่สามารถดูดเลือดได้ซึ่งอันตรายถึงตาย ทำให้ศัตรูเสียความสามารถในการต่อต้าน
ชั่วคราว
พืชพวกนี้เหมาะเจาะมากเวลาจะเดินทางเข้าแดนรกร้าง
มาทำการฆาตกรรมหรือวินาศกรรม
เริ่นเสี่ยวซู่ปลดล็อคอาวุธชิ้นที่สองมาแล้ว ส่วนชิ้นที่สามนั้น
ยังอยู่อีกไกล ดังนั้นเริ่นเสี่ยวซู่จึงเบาความงกลงและใช้เหรียญ
คำขอบคุณในการฆ่าศัตรูอย่างสุรุ่ยสุร่ายมากขึ้น หลังจากกลับไป
แล้ว เขาค่อยให้พวกจางเสียวหม่านขอบคุณตนเอาเหรียญ
คำขอบคุณคืนมา อย่างไรก็กำไรกว่าขาดทุน
ที่จริงเพื่อจะทำลายทั้งกองร้อยหนึ่งของสมาคมตระกูลจงนั้น
เขาใช้ไปแค่ยี่สิบเหรียญคำขอบคุณเท่านั้น เดี๋ยวพอพาพวกจางเสียว
หม่านกลับไปดื่มเหล้าฉลองที่ฐานทัพแล้ว เขาคงได้เหรียญ
คำขอบคุณมาเป็นร้อยๆ เหรียญ
แต่เขาเสียดายที่ปลิดชีพมือสไนเปอร์ของสมาคมตระกูลจง
ไม่ทัน แต่ว่าไม่เป็นไร เขายังมีเวลาค่อยๆ เล่นกับคนผู้นั้นการคลานต่ำผ่านพุ่มไม้ตามเนินเขานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พวก
พุ่มไม้อย่างมากก็สูงแค่ครึ่งตัวของผู้ใหญ่ การหมอบคลานไปแบบนี้
ไปเรื่อยๆ มันปวดหลังจริงๆ
ถ้าคนที่ไล่ล่าศัตรูเป็นคนธรรมดา ป่านนี้คงเผยร่องรอยให้มือ
สไนเปอร์เห็นอย่างรวดเร็ว แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ใช่คนธรรมดา
บ่ายวันนั้น เริ่นเสี่ยวซู่ไล่ตามแกะรอยมือสไนเปอร์ทาง
ตะวันออกของเทือกเขา พอตกเย็น เริ่นเสี่ยวซู่ไม่มั่นใจนักว่ามาถูก
ทางไหม แต่ก็พลันสังเกตเห็นเศษเอ็มอาร์อีตรงพื้น
เอ็มอาร์อีเป็นอาหารสนามมาตรฐานของกองทัพ ดูแล้วศัตรูคง
เติมพลัง ณ ตรงจุดนี้
ของอย่างเศษเอ็มอาร์อี เพราะเล็กมาก แม้กระทั่งคนกินก็ยัง
สังเกตเห็นได้ยาก
เขามาถูกทางแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่คลานไปตามพุ่มไม้และหันมอง
สำ รวจรอบๆ เขารู้สึกว่าตนเข้าใกล้เจ้ามือสไนเปอร์นั่นแล้ว
พระอาทิตย์กำลังตกอยู่หลังเขาไกล แสงสนธยาสุดท้ายแปร
จากสีแดงเป็นสีเทา เมื่อย่ำค่ำมาเยือน มือสไนเปอร์ก็เห็นหมวกกันกระสุนเคลื่อนตัวอยู่ตรงที่เขาขยี้เศษเอ็มอาร์อีก่อนหน้า เขาแค่น
เสียง เขาต้องยิงไปที่หมวกกันกระสุนไหมนะ
เสียงดังปัง กระสุนสไนเปอร์แล่นจากไม่ทราบระยะทางไปยัง
มุมขวาล่างของหมวกกันกระสุน
ในเขาเงียบสงัด แต่มือสไนเปอร์อยู่ไกลเกิน จนไม่ใจว่ายิงโดน
คนไหม
เขาถามผ่านช่องสื่อสารว่า “มีใครซุ่มอยู่แถวใกล้เคียงได้ยิน
กระสุนกระทบอะไรไหม”
“ได้ยินเสียงกระสุนกระทบเนื้อ” มีคนตอบ “พวกเราอยู่ห่าง
จากเป้าหมายสามร้อยเมตร พอได้ยินอยู่”
มือสไนเปอร์พูดผ่านช่องสื่อสาร “งั้นน่าจะยิงถูกเป้าหมายแล้ว
ไปตรวจสอบที”
“รับทราบ” ทหารกองโจรจำ นวนหนึ่งเคลื่อนที่อย่างเงียบงันไป
ยังจุดที่มือสไนเปอร์ยิงใส่
กลุ่มทหารหนึ่งร้อยยี่สิบนายจากกองร้อยทหารกองโจรกำลัง
เคลื่อนพลอยู่ในเขา ถ้าไม่ตั้งใจมอง พวกเขาอาจจะไม่ทันเห็นการมีอยู่ของคนกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ
แม่น้ำเป่ยวานเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำ คัญ ไม่อย่างนั้นคง
ไม่มีทหารกองโจรซุ่มอยู่ในเทือกเขาที่เป็นทางผ่านไปที่นั่นเยอะ
ขนาดนี้ และก็ต้องมีมือสไนเปอร์มากกว่าหนึ่งนายนอนซุ่มโจมตีอยู่
ด้วย
นอกจากเทือกเขานี้จะเป็นเส้นทางเดียวไปแม่น้ำเป่ยวาน
กองทหารส่วนใหญ่ยังไม่อาจผ่านไปทางนี้ได้โดยง่ายด้วย
ซึ่งรวมไปถึงกองยานเกราะที่มีพลังยิงทำลายสูง แต่กระนั้นสมาคม
ตระกูลจงก็ยังระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
กองร้อยทหารกองโจรขึ้นเขาไปล้อมเป้าหมายที่ระบุตัวได้แล้ว
ผู้บังคับกองร้อยกล่าวเสียงเบาผ่านช่องสื่อสารว่า “ศัตรูเป็นผู้มีพลัง
พิเศษ เป็นไปได้ว่าแม้จะถูกยิงแล้วก็อาจจะยังไม่ตาย พึงระวังตัวอยู่
เสมอ หน่วยที่สองจะเข้าไปทางสามนาฬิกา กันไม่ให้เขาตีฝ่าวงล้อม
เรา”
“ตอนนี้ดึกมากแล้ว ถ้าเขาตีฝ่าวงล้อมไปได้ ให้หน่วยอื่นๆ
ใส่กล้องส่องกลางคืนทันที”แม้ศัตรูอาจจะถูกยิงไปแล้ว กองร้อยทหารกองโจรแห่งสมาคม
ตระกูลจงก็ไม่ลดระวังตัวขณะคืบใกล้
แต่ขณะที่กองร้อยทหารกองโจรกระชับวงล้อมนั้น ผู้บังคับ
กองร้อยก็พลันเห็นว่าบนพื้นจุดที่ถูกยิ่งใส่นั้นมีขาหมูข้างหนึ่ง!
ทหารในกองร้อยทหารกองโจรนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามผ่าน
ช่องสื่อสาร “เดี๋ยวนะ ทำไมมีขาหมูโผล่มาที่นี่”
“กับดัก!” ผู้บังคับกองร้อยตะโกนผ่านช่องสื่อสาร “ถอย ถอย!”
แต่ว่าจะถอยตอนนี้ก็สายไปแล้ว
พริบตาให้หลัง พวกเขาก็พบว่ามีเถาวัลย์นามสีแดงจากพุ่มไม้
รอบกายพุ่งเข้ามาใส่ ขณะเดียวกันก็มีพืชหน้าตาแปลกๆ ที่ยิงมันฝรั่ง
ใส่พวกเขาด้วย!
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!
มือสไนเปอร์ฟังเสียงเพื่อนทหารผ่านช่องสื่อสารด้วยความ
ตกตะลึง เขาปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ด้วยความระมัดระวัง
เรียบร้อย เขามองผ่านสโคปแล้วเห็นเถาวัลย์ที่ดูเหมือนหนวดปีศาจ
ที่ปลิดทุกสรรพชีพในระยะโจมตีของมันตอนนี้มือสไนเปอร์ของสมาคมตระกูลจงขวัญผวาจริงๆ แล้ว
เขาไม่กล้าแม้แต่จะยกหัวขึ้นขณะคลานหนีออกไป เขาต้องกลับไป
รวมพลกับทัพทหารกองโจรหลักก่อน นี่ไม่ใช่ศัตรูที่เขาจะรับมือด้วย
ตนเองได้!
กองร้อยถูกฆ่าไปสองกองแล้ว! คนตายไปสองร้อยสี่สิบนาย
โดยไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตายไปได้อย่างไร
แต่ที่มือสไนเปอร์ไม่เข้าใจเลยคือศัตรูแบกขาหมูขึ้นเขามาได้
อย่างไรเนี่ย!
ทันนั้นข้างหลังเขาก็มีระเบิดมือระเบิดขึ้น เจ้ามือสไนเปอร์ผวา
ถ้าโยนระเบิดมาที่เขาได้ แสดงว่าศัตรูต้องอยู่ใกล้มากสิ
มือสไนเปอร์สิ้นหวัง แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ กลับกันเขาคลาน
คืบหน้าต่อ ถึงกับใช้ช่วงลาดเอียงของเขากลิ้งลงไปอย่างรวดเร็ว
เริ่นเสี่ยวซู่ชนะการรบเล็กอีกครั้ง
มือสไนเปอร์ตั้งใจขยี้เศษเอ็มอาร์อีเพื่อล่อเริ่นเสี่ยวซู่เข้ามา
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ก็สงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมมือสไนเปอร์ที่ระวังตัว
อยู่ตลอดถึงจู่ๆ ก็ทำเศษเอ็มอาร์อีหล่นแบบนี้ เขารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เขาถึงวางกับดักตอบโต้ไป
ทว่าเริ่นเสี่ยวซู่ยังมีเรื่องที่เสียดายอยู่ เขาอยู่ห่างจากมือ
สไนเปอร์เกินไปเลยไม่สามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนของศัตรูได้
ดังนั้นเลยโยนระเบิดมือผ่านประตูเงาไปยังพื้นที่คร่าวๆ แต่โชคร้ายที่
ระเบิดไม่โดนศัตรู
หยางเสียวจิ่นบอกว่าบางทีมือสไนเปอร์จะมีอีโก้ที่จะฆ่าศัตรู
ด้วยการยิงใส่เท่านั้น
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่มีอีโก้แบบนั้นแม้แต่นิด เขาสนแต่จะฆ่าศัตรู
ส่วนจะฆ่าด้วยวิธีไหนไม่สำ คัญ อย่างไรเขาก็มีทักษะการใช้ปืนแค่
ระดับสูงเอง จะมีอะไรให้ภาคภูมิใจล่ะ
ในฐานะทหารของกองร้อยเจียนเตา เขาต้องทำอะไรให้
ตรงไปตรงมาที่สุด ไม่ต้องสนหรอกว่าจะบรรลุเป้าหมายอย่างไร