the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 416 ฆ่าคู่
ในเมื่อศัตรูเรียกทหารกองโจรสองกองร้อยมาสนับสนุน เขาก็
จะฆ่าให้หมด!
แต่เริ่นเสี่ยวซู่พลันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาแม่*กำลังล่ามือ
สไนเปอร์คนหนึ่งอยู่ ทำไมลงเอยด้วยการฆ่าทหารกองโจรไปสอง
กองร้อยแทนล่ะ
เขาแค่อยากจะฆ่ามือสไนเปอร์คนหนึ่ง ไปๆ มาๆ กลายเป็น
ผู้ลงมือสังหารเหี้ยนทหารกองโจรสองกองร้อยเฉยเลย
ถ้าเขาล่าเจ้ามือสไนเปอร์ผู้นี้ต่อ จะกลายเป็นว่าทหารกองโจร
ทั้ง
เทือกเขาจะถูกเขาจัดการไปหมดเลยไหมนะ
แต่ปัญหาคือถ้าเขาไม่กำจัดมือสไนเปอร์ผู้นี้ กองร้อยเจียนเตา
ข้างหลังเขาก็ไม่อาจเสี่ยงเดินผ่านเทือกเขานี้ไปได้
ที่จริงเริ่นเสี่ยวซู่รู้ ใช่ว่ากองร้อยเจียนเตาจะทำอะไรกับมือ
สไนเปอร์ผู้นี้ไม่ได้เลยเสียหน่อย ถ้าพวกเขาอยากจะเสี่ยงจริงๆ มือสไนเปอร์คนเดียวจะจัดการคนร้อยแปดสิบนายที่โถมออกไปได้
อย่างไร มือสไนเปอร์อาจจะมีกระสุนไม่พอยิงทุกคนด้วยซ้ำ
แต่เริ่นเสี่ยวซู่อยากให้ทุกคนในกองร้อยเจียนเตากลับ
ป้อมปราการไปได้อย่างปลอดภัย นี่ทำให้เขาดื้อด้านอยากล่าภัยร้าย
อย่างมือสไนเปอร์ผู้นี้
เขาถึงกับกำจัดทหารกองโจรไปสองกองร้อยระหว่างทาง
ขณะเขามุ่งหน้าไปทางตะวันออกต่อ เริ่นเสี่ยวซู่ก็เคลื่อนที่
นำหน้ากองร้อยเจียนเตาเท่ากับการเดิมทัพวันหนึ่ง แต่ว่านั่นไม่
สำ คัญ เพราะหลังจากฆ่ามือสไนเปอร์ได้แล้วค่อยกลับไปหากองร้อย
เจียนเตาก็ได้ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ต้องกังวลกับมือสไนเปอร์เป็นกิจลักษณะ
แล้ว ภาวะจิตใจของทหารบนสนามรบใช่ว่าจะทำลายไม่ได้
หลังจากมือสไนเปอร์เป็นพยานเห็นเพื่อทหารตนถูกคลื่น
เถาหนามฆ่าไปสองครั้งก็แทบจะสติแตกอยู่แล้ว
โชคดีที่เขาเป็นมือสไนเปอร์ที่การมีจิตใจให้แข็งแกร่งเป็นหนึ่ง
ในสิ่งที่ต้องฝึกไว้ตลอด จึงยังพอรักษาสติหนีต่อได้ถ้าเป็นทหารธรรมดาเห็นภาพน่าพรั่นพรึงนี้ล่ะก็คง
ขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว
คนที่ไม่เคยเข้าสนามรบคงคิดว่าไม่เห็นต้องกลัวความตายเลย
ต่อให้สหายร่วมรบจะตายไปหมดแล้ว พวกเขาก็จะสู้จนถึง
วาระสุดท้าย
แต่ที่จริง การเห็นเพื่อนร่วมรบข้างเคียงค่อยๆ ตายไปทีละคน
ความกลัวความตายไร้รูปลักษณ์ที่คืบใกล้เข้ามาจะพลันกลืนกิน
คำพูดกล้าหาญพวกนั้นไป ไม่มีแม้กระทั่งความสามารถในการคิด
อย่างเป็นระบบระเบียบด้วยซ้ำ
นี่แหละหนาคือสงคราม
ดังนั้นความแข็งแกร่งทางจิตใจของทหารใหม่ถึงต่างไปจาก
ทหารเก่าที่เคยผ่านสงครามมาก่อนอย่างสิ้นเชิง
เริ่นเสี่ยวซู่ตั้งใจตามมือสไนเปอร์ต่อ ต่อให้เขารู้ว่ามือสไนเปอร์
ผู้นี้หมดกะจิตกะใจจะต่อต้านแล้ว แต่คนผู้นั้นไม่มีทางเป็นศัตรู
คนเดียวที่ซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขานี้หลังจากกลิ้งลงจากทางลาดแล้ว มือสไนเปอร์ก็รีบร้อนหนีไปที่
ฐานทัพตะวันออกโดยคร้านจะสำ รวจดูรอยแผลรอยกระดูกแตกของ
ตนด้วยซ้ำ ปืนสไนเปอร์ที่ถืออยู่รู้สึกหนักนัก
มือสไนเปอร์ของสมาคมตระกูลจงคิดอยู่แต่ว่าจะรอดจาก
สภาพการณ์นี้ไปได้อย่างไร หลังจากกลับไปแล้วต้องถูกเรียกขึ้น
ศาลทหารแน่นอน
เขาคือคนที่ร้องขอกำลังเสริม และศูนย์บัญชาการก็ส่งทหาร
กองโจรมาสองกองร้อยตามคำเรียกร้อง แต่ว่าทหารกองโจรทั้งสอง
กองร้อยกลับถูกซุ่มโจมตีจนสิ้นชีพไปทีละกองขณะเขาหนีเอาตัวรอด
มาได้
พอกลับไปที่ฐานทัพแล้ว สารวัตรทหารคงจับเขาไป
สอบปากคำดูว่าเป็นสายลับหรือเปล่า
พูดตามตรง สายลับบางคนยังไม่อาจสร้างผลงานใหญ่โตแบบ
ที่เขาทำได้เลย
ต่อให้สุดท้ายสารวัตรทหารเลิกสงสัยว่าเขาเป็นสายลับไปแล้ว
เขาก็ยังตกเป็นเป้าหมายถูกวิจารณ์การละหน้าที่อยู่ดี อนาคตสดใสของเขาจบสิ้นแล้ว อนาคตของเขาดับลงตั้งแต่เปิดยิงเงานั่น
มือสไนเปอร์แข็งค้างไป ระหว่างที่กำลังพินิจสถานการณ์
ตัวเองอยู่นั้น เขาก็หลุดเข้าไปในพื้นที่โล่งเสียได้ นี่เป็นข้อห้ามของมือ
สไนเปอร์!
ต่อให้พื้นที่โล่งนี้จะกว้างแค่ห้าเมตรก็ตาม!
มือสไนเปอร์พลันพุ่งทะยานไปยังพุ่มไม้ข้างหน้า
แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงกะพริบวาบจากมุมสายตา ใจของมือ
สไนเปอร์แห่งสมาคมตระกูลจงตกถึงตาตุ่มทันที!
เขาสัมผัสได้ถึงกระสุนทะลุผ่านหน้าท้องตัวเองไป
พลังงานจลน์มหาศาลจากกระสุนไล่ผ่านไปทั่วร่าง หัวใจและปอด
ของเขาถูกฉีกออกไปเป็นชิ้นๆ
นี่คืออำนาจของปืนสไนเปอร์ มันสามารถสังหารคนใน
ชั่วพริบตาโดยไม่จำ เป็นต้องเล็งไปที่ศีรษะด้วยซ้ำ
แต่ว่าก็มีเสียงปืนสไนเปอร์อีกกระบอกดังออกมาเช่นกัน ก่อนที่
มือปืนสมาคมตระกูลจงจะสิ้นใจ ใบหน้าเขาเผยรอยยิ้มลึกลับ เป็น
เพราะเขาคิดว่าคงมีคนแก้แค้นแทนตนแล้ว มือสไนเปอร์ของสมาคมตระกูลจงอีกคนได้มาถึงสนามรบแล้ว และยังยืนยัน
ตำแหน่งที่ตั้งของเริ่นเสี่ยวซู่ได้เพราะการยิงออกไปครั้งนี้ด้วย!
แน่นอนว่าเป็นการเตรียมการที่เขาตกลงกับมือสไนเปอร์อีกคน
ไว้ก่อนหน้า ตนเองจะเป็นเหยื่อด้วยการตั้งใจเผลอเดินเข้าไปในพื้น
ที่โล่งเพื่อล่อให้มือสไนเปอร์จากป้อมปราการ 178 ออกมายิงเขา
จากที่เขาบอกได้คือทักษะการยิงปืนของคู่ต่อสู้ไม่ได้ดีมากนัก
ถ้าเขาเคลื่อนไหวไวพอก็อาจจะมีทางรอด ทำแบบนี้หลังกลับ
ป้อมปราการไปแล้วเขาจะไม่ถูกเรียกขึ้นศาลทหาร
เขากำลังเสี่ยงดวง ตราบใดที่เขาสามารถจัดการมือสไนเปอร์
จากป้อมปราการ 178 ได้ เขาจะเป็นผู้ชนะการเสี่ยงดวงนี้
มือสไนเปอร์ผู้นี้จิตใจแข็งแกร่งจนขนาดที่ทำเพื่อนทหารตาย
ไปสองร้อยสี่สิบนายแล้วก็ยังมีกะจิตกะใจจะสู้กลับ
แต่โชคร้ายที่แผนการล้มเหลวไปอย่างนั้นเลย
เมื่อครู่ พอเริ่นเสี่ยวซู่เห็นมือสไนเปอร์สมาคมตระกูลเผยตัวใน
ที่โล่งแล้ว เขาลั่นไกยิงจากจุดซุ่มยิงด้วยความเด็ดเดี่ยว
ขณะเดียวกัน มือสไนเปอร์ที่บนเขาห่างไกลก็ลั่นไกแต่ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่ระวังตัวแจ หลังจากมีบทเรียนผู้อื่น
เสียสละชีวิตเพื่อสอนเขาแล้ว เขาก็ไม่อาจประมาทได้อีก
หลังเริ่นเสี่ยวซู่ลั่นไก ตำแหน่งที่ตั้งเขาก็ถูกเปิดเผย ดังนั้นเขา
รีบคว้าปืนและกระโจนไปยังพื้นด้านขวาจากตำแหน่งหมอบเดิม
ทันที กระสุนสไนเปอร์แล่นผ่านผิวหนังบนต้นขาขวาเขาไปโดน
พื้นดินข้างหลังเขา
เริ่นเสี่ยวซู่สัมผัสได้ถึงความร้อนวูบวาบบนต้นขา ต่อให้กระสุน
จะถากผ่านผิวเขาไป แต่ก็สร้างความเสียหายให้ใยกล้ามเนื้อบนขา
ขวาอยู่บ้าง
ทว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่มีเวลาสนใจเรื่องนั้นหรอก ตั้งแต่เขาเริ่ม
ใช้รถจักรไอน้ำและร่างแยกเงา เขาก็ต้องประสบกับความเจ็บปวด
หนักหนาสาหัสจนประสาทเขาแข็งดั่งเหล็กกล้าไปแล้ว!
เริ่นเสี่ยวซู่กระโจนไปขวามือเสร็จก็ไม่นิ่งเฉย เขาเปิดใช้งาน
‘ทลายนคร’ อีกครั้งและพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง มือสไนเปอร์ผู้
นั้น
ยังคงยิงใส่เขาต่อ แต่ว่าไม่มีกระสุนที่ยิงมาจากระยะมากกว่าหนึ่ง
พันเมตรนัดใดโดนตัวเริ่นเสี่ยวซู่ที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเลยหนึ่งนัด สองนัด สามนัด…เริ่นเสี่ยวซู่วิ่งพลางหันมองประกาย
แสงจากปลายกระบอกปืนไปพลาง
เวลามองหามือสไนเปอร์ ไม่ควรจะใช้การฟังอย่างเดียวเพราะ
แสงเคลื่อนไหวกว่าเสียง
ทันใดนั้นเขาก็ชะงักกึกและหมอบลงราวกับเป็นรูปปั้น จากนั้น
ก็ยกปืนสไนเปอร์ขึ้นเล็ง
หยางเสียวจิ่นบอกเขาก่อนหน้านี้ว่าไม่ต้องกลัวเวลาเจอมือ
สไนเปอร์ที่ยิงออกมาเป็นชุดไม่หยุด เวลามือสไนเปอร์ถูกบีบให้ยิง
เป้าหมายที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พอถึงนัดที่สี่ ในระยะกว่าหนึ่ง
พันเมตรพวกมือสไนเปอร์จะไม่อาจเล็งอย่างแม่นยำได้อีก อย่างไร
พวกเขาก็ต้องปรับแรงถีบปืนก่อน
เริ่นเสี่ยวซู่รู้ดีว่าโอกาสรอดที่เขารอคอยนั้นจะอยู่เพียงไม่กี่ชั่ว
ชณะเท่านั้น
เริ่นเสี่ยวซู่สูบลมหายใจเข้า เขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
ตัวเองหยางเสียวจิ่นบอกว่าตอนจะลั่นไกยิงนั้น อัตราการเต้นของ
หัวใจ อุณหภูมิของร่าง ต่อมเหงื่อ และทุกส่วนของร่างกายต้องมีไว้
เพื่อการลั่นไกนี้
ในชั่วขณะนั้น นายจะชนะคนอื่นได้ก็ต้องชนะตนเองก่อน
เพราะอาทิตย์ร้อนแผดเผายามบ่าย สีจากใบไม้ที่เริ่นเสี่ยวซู่ทา
บนหน้าจึงแห้งผาก หลังจากลั่นไก บนเขาไกลก็มีหมอกชมพูพุ่ง
ออกมา และหมอกนี้กลายเป็นสายรุ้งกลางประกายแสงอาทิตย