the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 418 ชัยชนะใหญ่
หลังจากเขากระโผลกกระเผลกขึ้นเนินไปแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็
เข้าไปหลบหลังป้อมสนามพร้อมหอบแฮกๆ เขายิ้มเอ่ย “ฉันฆ่าเจ้า
มือสไนเปอร์นั่นไปแล้ว ที่จริงมันมีสองคนแน่ะ อ้อใช่ ฉันจัด
การทหารกองโจรไปสองกองร้อยด้วย”
จางเสียวหม่านหัวเราะและว่า “เลิกโม้!” แต่พอเขาเห็นทหาร
สมาคมตระกูลพันกว่านายไล่ตามอยู่หลังหมาล่าเนื้อก็สะอึกเงียบไป
“นี่นายจัดการทหารกองโจรไปสองกองร้อยกับมือสไนเปอร์สองนาย
ด้วยตัวคนเดียวจริงดิ”
สมาชิกกองร้อยเจียนเตาพูดโม้กันเป็นปกติ ดังนั้นพอเริ่นเสี่ยว
ซู่บอกข่าวน่าตะลึงก็นึกว่าเริ่นเสี่ยวซู่แค่พูดโม้ไปอย่างนั้นเอง
เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “มีคนตามมาเยอะมาก พวกเราควรจะถอยกัน
ก่อน”“ไม่ได้หรอก” จางเสียวหม่านหัวเราะ “นายเจ๋งขนาดนี้
กองร้อยเราจะเป็นตัวถ่วงนายได้ไง วันนี้ไม่ว่าศัตรูจะมากี่คน
พวกเราก็จะฆ่าให้หมด!”
เริ่นเสี่ยวซู่ดูแล้วพวกจางเสียวหม่านคงเตรียมการซุ่มโจมตี
มาอย่างเต็มที่
“ผู้บังคับกองร้อย” เจียวเสี่ยวเฉินโพล่งขึ้นมาขณะมองไปไกลๆ
“ฉันว่าถอยกันดีกว่านะ…”
จางเสียวหม่านหันไปมองทหารสมาคมตระกูลจงกลุ่มใหญ่
ที่อยู่ไกลๆ เพราะว่าอยู่ไกลมากจึงมีรูปลักษณ์ราวกับเป็นฝูงมด
จางเสียวหม่านคิดว่าเริ่นเสี่ยวซู่พูดดูใหญ่ไปอย่างนั้น สมาคม
ตระกูลจงคงไม่ส่งทหารมากำจัดศัตรูตัวเองให้เทือกเขามากมาย
อะไรหรอก แต่ดูแล้วพวกเขาจะคิดทำลายทหารกองหน้าของ
ป้อมปราการ 178 อย่างแท้จริง!
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ทำไมทุกคนถึงเลือกมาซุ่มโจมตีที่นี่ล่ะ”
จางเสียวหม่านตอบ “พวกเรากลัวสถานการณ์มันจะเกินมือจน
นายถูกศัตรูไล่ล่าน่ะสิ เลยกะจะซุ่มโจมตีคอยสนับสนุนนายที่นี่ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าสถานการณ์มันจะเกินเหตุขนาดนี้!”
“ถูกๆ” เจียวเสี่ยวเฉินว่า “พวกเราคิดว่านายฆ่ามือสไนเปอร์
นั่นได้ก็แจ่มมากแล้ว แต่พอทำสำ เร็จ กองร้อยทหารกองโจรของ
ศัตรูต้องออกมาไล่ลานายแน่นอน ถึงตอนนี้พวกเราจะรั้งตัวฆ่าพวก
กองร้อยทหารกองโจรที่มาช่องเขาอีกาให้เหี้ยน แต่ใครจะไปคิดล่ะ
ว่านายฆ่ากองร้อยทหารกองโจรไปแล้ว แถมยังจะลากทัพหลัก
ส่วนหนึ่งของสมาคมตระกูลจงมาไล่ล่านายอีก ฮ่าๆ เจ๋งฉิบเป๋ง!”
จางเสียวหม่านถามด้วยความเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บเป็นไง
บ้าง”
“ไม่ต้องห่วง ฉันทายาดำแล้ว” เริ่นเสี่ยวซู่ “เผ่นกันก่อนเถอะ
ศัตรูมากันเยอะเกิน”
ตอนนี้ฟู่หราวกับคนอื่นๆ จัดการหมาล่าเนื้อไปหมดแล้ว
กองร้อยเจียนเตาไม่มีทางรับมือกับทหารสมาคมตระกูลจงมาก
ขนาดนี้ได้ ดังนั้นการหนีจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ว่าจางเสียวหม่านเปลี่ยนใจอีกรอบและว่า “งั้นจะรออะไร
ล่ะเพื่อน ไปกันเถ…แต่เราจะหนีไปงี้เลยไม่ได้สิ ก่อนไปต้องจัดหนักทหารสมาคมตระกูลจงสักรอบ เจียวเสี่ยวเฉิน นายตั้งปืนครกเลย
ทุกคน เตรียมตัวรบ!”
เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้วมุ่น “แต่ว่ามันมีศัตรูมากเกินไปนะ”
จางเสียวหม่านพูดจริงจัง “คิดเหรอว่าพวกเขาจะพกอาวุธหนัก
มาด้วยน่ะ เป็นทหารกองโจรกันทั้งนั้น ส่วนทหารราบยานเกราะก็
เข้ามาในเขาไม่ได้ พวกเราสู้อยู่บนพื้นที่สูงต้องชนะแน่”
“พวกเขาได้ยินเสียงปืนกลเราแล้ว คงไม่โถมเข้ามาตายเสีย
เฉยๆ หรอกมั้ง” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“นายไม่เห็นผู้บังคับบัญชาของทหารพวกนี้ที่ปล่อยให้อารมณ์
ควบคุมอยู่เหนือเหตุผลแล้วเหรอ นายทำเขาหัวร้อนจัดๆ เลย” จาง
เสียวหม่านยิ้มกล่าว “คิดว่าทุกคนจะเป็นแม่ทัพในตำนานได้งั้นเหรอ
หลายปีมานี้สมาคมตระกูลจงหลบซ่อนอยู่ในทางเหนือและเคยสู้บน
สนามรบจริงๆ จังๆ มาก่อน” นายทหารของพวกเรายังอยู่ไกลจากคำ
ว่าปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์บนสนามรบได้ อย่าคิดว่านายทหาร
ทุกคนจะใจเย็นและมากปัญญากันหมด ถ้าเป็นแบบนั้นตาม
ประวัติศาสตร์คงไม่มีการรบแบบโง่ๆ อยู่หลายรอบหรอกนะ”เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไป
จางเสียวหม่านพูดแกมขบขัน “นายกำลังคิดว่าฉันดูหมิ่นพวก
วีรชนของโลกอยู่ใช่ไหมล่ะ ไม่หรอก นี่มันเรียกว่ารู้เขารู้เรา ถ้าเป็น
สมาคมตระกูลชิ่งแทนสมาคมตระกูลจงล่ะก็ ผู้บัญชาการจางคง
ไม่กล้าส่งกำลังทหารออกมาเปิดสายการค้าหรอก ถ้าคนพวกนี้เป็น
ทหารมากประสบการณ์ของสมาคมตระกูลชิ่ง ฉันคงหันตัวเผ่น
เดี๋ยวนี้เลยแหละ แต่ในหมู่สมาคมเองก็มีสูงมีต่ำ สมาคมตระกูล
จงถูกสมาคมตระกูลชิ่งและสมาคมตระกูลหยางผลักออกจากวง
ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเขาดูถูกสมาคมตระกูลจงอะไร
หรอกนะ แต่เป็นเพราะพวกสมาคมตระกูลจงมันขาดคุณสมบัติ
ต่างหาก”
เริ่นเสี่ยวซู่เข้าใจในพลันว่าชายหยายกระด้างแห่งป้อมปราการ
178 พวกนี้มองว่าทหารสมาคมตระกูลชิ่งมากความสามารถกว่า
ทหารสมาคมตระกูลจงอยู่หลายเท่า สำ หรับพวกเขาแล้ว สมาคม
ตระกูลชิ่งต่างหากถึงจะเป็นคู่ต่อกรที่รับมือยากอย่างแท้จริงราวกับจะยืนยันคำประเมินของจางเสียวหม่าน ทหารสมาคม
ตระกูลจงที่คืบเข้ามาใกล้ฝั่งคำสั่งและบุกมาต่อโดยใช้หุบเขาเป็นตัว
กำบัง พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าศัตรูมีปืนกลหนักอยู่
พวกเขาคิดจะใช้จำ นวนกำจัดกองร้อยเจียนเตา!
จางเสียวหม่านรอศัตรูเข้ามาในระยะยิง พอมาถึงแล้ว ก็สั่งเปิด
ยิงทันที ด้วยปืนครกหกชุดของเจียวเสี่ยวเฉิน พวกเขาสามารถถล่ม
ยิงใส่สมาคมตระกูลจงได้อย่างโหดร้าย
โจมตีไปแค่รอบเดียวเท่านั้น ก็ทำให้กองร้อยที่บุกนำมาเกือบ
ถูกกวาดล้างจนเหี้ยน ตอนนี้เองศัตรูถึงได้สติ
และทหารสมาคมตระกูลจงก็ล่นถอยไปราวคลื่นน้ำ!
ตอนนี้เองจางเสียวหม่านก็ยืนขึ้นเก็บสัมภาระ “รีบไปจากที่นี่
อีกเดี๋ยวปืนครกของสมาคมตระกูลจงแม่*ต้องสาดมาแน่ ตอนนี้คง
กำลังปรับมุมกันอยู่ ถ้าไม่เผ่นตอนนี้จะเผ่นตอนไหนล่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่ตาค้างมองภาพนี้ ในเมื่อจางเสียวหม่านตัดสินใจ
จะอยู่สู้ต่อเขาก็ไม่มีคิดจะพูดอะไร แต่ตอนนี้หลังจาก ‘จัดหนัก’ เสร็จจางเสียวหม่านเผ่นไวยิ่งกว่ากระต่ายอีก ไม่เห็นร่องรอยความมุ่ง
มาดเด็ดเดี่ยวสูงเสียดฟ้าก่อนหน้านี้เลย
หลังจากถอยออกมาจากเนินเขาแล้ว กระสุนปืนใหญ่ของ
สมาคมศัตรูก็ยิงใส่จุดที่พวกเขาอยู่เมื่อครู่
จางเสียวหม่านถอนหายใจโล่งอก “ดีนะที่หนีทัน ไม่งั้นซี้แหง
ที่นี่กันหมด รอบนี้พวกเราสร้างผลงานใหญ่แล้ว ถ้ารวมกับกองร้อย
ที่เริ่นเสี่ยวซู่จัดการไปด้วย เท่ากับพวกเรากำจัดทหารของสมาคม
ตระกูลจงไปสามกองร้อยแล้วแน่ะ ฮ่าๆ หลังกลับไปนี่ทำให้พวกเรา
ได้เหรียญเกียรติยศชั้นสามอีกเหรียญเลยนะ รอบนี้พวกเราอาจจะ
ได้เหรียญเกียรติยศชั้นสองเลยก็ได้!”
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ผู้บังคับกองร้อยไม่กลัวว่าพวกเขาจะ
ใช้ปืนครกยิงใส่เราก่อนเหรอ”
“ไม่กลัว ยังไงแรกเริ่มเดิมทีพวกเขาก็ไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งที่
แน่นอนของเรา แถมพวกเขามีเวลาไม่พอจะปรับยิงปืนครกด้วย
ยังไงก็ยิงพวกเราแบบแม่นๆ ไม่ได้”แต่เริ่นเสี่ยวซู่พูดขึ้นมาเสียงเข้ม “ผู้บังคับกองร้อย ฉันไม่รู้
หรอกนะว่านายรู้จักทหารสมาคมตระกูลจงดีแค่ไหน แต่ต่อไป
พยายามอย่าประเมินพวกเขาต่ำไปดีกว่า ถ้าจู่ๆ มันมีกระสุนปืนใหญ่
สาดเป็นห่าใส่ก่อนเราหนีไม่ทันขึ้นมาล่ะ แบบนั้นพวกเราไม่ตายกัน
หมดเหรอ ฉันหวังว่าพวกเราจะรอดชีวิตกลับไปได้นะ”
ทุกคนมองจางเสียวหม่าน ทหารกองร้อยเจียนเตาฟังคำสั่ง
จางเสียวหม่านเสมอ เผชิญหน้าอันตรายบนสนามรบอย่างกล้าหาญ
แม้จะเป็นช่วงการฝึกทหาร เขาก็จะทำภารกิจในวิธีการที่อันตราย
ที่สุดเพื่อเป็นการท้าทายตัวพวกเขาเอง
เพราะพฤติกรรมเช่นนี้เอง ทำให้คนภายนอกมองคน
ป้อมปราการ 178 เป็น ‘พวกเดนตาย’
เริ่นเสี่ยวซู่พูดต่อ “ไม่ใช่ว่าฉันสงสัยวิธีการรบของผู้บังคับ
กองร้อยนะ แต่ฉันแค่หวังว่าพวกเราจะประมาทน้อยลงกว่านี้
อย่างไรเสียถ้าเจอศัตรูฉลาดๆ ขึ้นมาพวกเราอาจจบเห่ก็ได้ ต่อให้
เป็นโอกาสหนึ่งในล้าน พวกเราก็ไม่อาจเสี่ยงได้หรอก”จางเสียวหม่านเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะว่า “ได้ พวกเราจะทำ
ตามที่นายว่า!”
ทหารกองร้อยเจียนเตารอบๆ หันขวับมองเขาอย่างตะลึง
คนอื่นก็เคยพยายามพูดโน้มน้าวจางเสียวหม่านมาก่อน แต่ว่าเขา
ไม่เคยฟังคำใครเลย
“มองหาอะไร” จางเสียวหม่านพูดอย่างไม่พอใจ “จ้องฉันทำไม
น่ะ ฉันหล่อขนาดนั้นเลยสิ? ถอยทัพกันได้แล้ว!”
เพราะทหารราบยานเกราะของสมาคมตระกูลจงเข้าเขามาไม่
ได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวการไล่ล่าจากพวกนั้น กองร้อยเจียนเตาวิ่งไว
กว่าพวกสมาคมตระกูลจงมาก