the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 419 โลกนี้คือโรงละคร
จางเสียวหม่านพูดขณะเดินไปว่า “ทางศูนย์ประเมินตัวเลข
ศัตรูประจำ การณ์ในเทือกเขาพลาดแล้ว ถ้าไม่ใช่มีนายไปส่องทาง
ล่วงหน้าล่ะก็ ทั้งกองร้อยเจียนเตาเราเข้าไปในเขตพวกเขาแล้วคน
จบเห่เลย พูดก็พูดไป พวกเรายังต้องขอบคุณนายด้วย”
[ได้รับเหรียญคำขอบคุณจากจางเสียวหม่าน +1!]
เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่งก่อนจะว่า “ไม่ใช่เพราะฉันหรอก ที่สำ คัญ
คือพวกเราติดอยู่หลังหิน ยังไงก็ต้องจัดการเจ้ามือสไนเปอร์นั่นก่อน
”
“ไม่ใช่ว่าพวกเราทำอะไรมือสไนเปอร์ไม่ได้ พวกเราโถมออก
มาจากหลังหินพร้อมๆ กันก็ได้ ระยะหวังผลของเขาน่าจะอยู่ราวๆ
พันเมตร แต่พวกเรามีปืนกลหนักหกกระบอกที่ระยะหวังผล
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน” จางเสียวหม่านว่า “ทำไมมือสไนเปอร์บนสนามรบหลายคนถึงไม่มีปืนสไนเปอร์ไรเฟิลอัตโนมัติ เพราะว่า
ไม่อยากได้งั้นเหรอ ไม่ใช่หรอก!”
“มือสไนเปอร์ชั้นยอดฝันอยากจะใช้ปืนสไนเปอร์ไรเฟิล
อัตโนมัติได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งนั้น ไม่ว่าปืนไรเฟิลระบบ
ลูกเลื่อนจะยิงได้แม่นยำขนาดไหน ก็ยังใช้งานบนสนามรบไม่ดีเท่า
ปืนไรเฟิลอัตโนมัติหรอก ขนาดมือสไนเปอร์ที่เก่งที่สุดยังกลัวปืนกล
หนักในมือทหารใหม่ ปืนกลหนักแบบมีขาตั้งที่สามารถยิงได้ใน
ระยะไกลเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมือสไนเปอร์”
นี่เป็นกฎเหล็กที่ก่อรูปมาจากชีวิตของคนนับไม่ถ้วนบน
สนามรบ เพราะอย่างนั้นมือสไนเปอร์ชั้นยอดจึงไม่คิดจะรัวยิงปืน แต่
จะหนีหลังจากดำเนินปฏิบัติการบั่นเศียรซึ่งเป็นจุดขายของมือ
สไนเปอร์ผู้ดุร้ายที่แท้จริง ซึ่งไม่เหมือนกับมือสไนเปอร์สองคนที่เริ่น
เสี่ยวซู่เจอ พวกเขาถูกใช้งานเพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารสอดแนม
แทรกซึมเข้ามาในพื้นที่ได้เท่านั้น
บนสนามรบ มีหลายวิธีให้ใช้งานมือสไนเปอร์จากแผนเดิมของจางเสียวหม่าน มือสไนเปอร์ศัตรูซ่อนตัว
พยายามยิงกดพวกเขาอยู่บนไหล่เขา แต่ถ้าเป็นไปได้จางเสียวหม่าน
ก็อยากจะลดความสูญเสียให้มากที่สุด ถ้าพวกเขาพุ่งโถมกันออกมา
หลังที่กำบัง ศัตรูต้องตั้งตัวไม่ทันแน่
“แต่แบบนั้นต้องมีคนตายมากเลยนะ” เริ่นเสี่ยวซู่พูด
“ในสงครามจะไม่มีคนตายได้ยังไง ก็แค่คนตายไปบ้างเท่านั้น
มีอะไรให้กลัวล่ะ” จางเสียวหม่านหัวเราะ “ถ้าฉันได้ตายบนสนามรบ
ก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้ว”
ในสงครามจะไม่มีคนตายได้อย่างไร นี่ดูจะเป็นภูมิปัญญา
ดั้ง
เดิมที่จางเสียวหม่านพูดมาบ่อยมาก
แต่ว่านั่นแหละคือปัญหา การล่ามือสไนเปอร์ของเริ่นเสี่ยวซู่
เขาตัดสินใจโถมออกมาเองเพราะไม่อยากให้ใครในกองร้อยเจียน
เตาตาย มันเป็นความหมกหมุ่นของเขา
ความคิดเขาอาจจะไร้เดียงสาเกินไป แต่ว่าเขาก็คิดแบบนี้ ถ้า
มีคนจากกองร้อยเจียนเตาถูกฆ่าขึ้นมา ก็ราวกับว่าเขาไม่มีค่าพอ
จะปกป้องใครอีกแล้วจางเสียวหม่านถามว่าในสงครามจะไม่มีคนตายได้อย่างไร ซึ่ง
เริ่นเสี่ยวซู่ตอบไปว่าจะรู้ได้อย่างไรถ้ายังไม่ได้ลอง
อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นค่อยว่ากัน แต่คราวนี้เขายังสามารถ
ปกป้องชีวิตทุกคนได้
จางเสียวหม่านหันมองเริ่นเสี่ยวซู่ก่อนจะพูดเสียงเข้มว่า “อย่า
พูดแต่แค่เรื่องฉัน ยังไงนายก็เสี่ยงชีวิตตัวเองแบบนี้ต่อไปไม่ได้
เหมือนกัน นายมีแค่ชีวิตเดียวนะ พวกเราปล่อยให้นายพุ่งไปรบ
แบบนี้ตลอดไม่ได้หรอก”
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ยืนกราน “ฉันจะทำให้ทุกคนรอดไปให้ได้”
จางเสียวหม่านรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ ทำไมจู่ๆ ก็เหมือนว่า
เริ่นเสี่ยวซู่กลายเป็นผู้บังคับกองร้อยแทนเขาแล้วล่ะ
แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเจอปัญหาใหม่ เพราะว่าข่าวกรอง
จำ นวนทหารรักษาการณ์ในเทือกเขามันไม่ถูกต้อง ดังนั้นเส้นทางนี้ก็
ไม่ปลอดภัยจะใช้แล้ว แต่ว่าพวกเขายังทำภารกิจระเบิดสะพานเป่
ยวานที่โจวอิงหลงมอบมาไม่สำ เร็จเลย“เอาแผนที่มาดูหน่อย เผื่อหาทางอื่นไปแม่น้ำเป่ยวานได้” จาง
เสียวหม่านว่า “ตอนนั้นพวกเราอยู่ห่างจากแม่น้ำเป่ยวานแค่สอง
ร้อยกิโลเมตร อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไปไม่ได้โคตรน่าโมโหเลย”
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “ฉันสงสัยเรื่องหนึ่งอยู่ตลอด ปฏิบัติการนี้ควร
เป็นหน้าที่ของพวกกองพันลาดตระเวนไม่ใช่เหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่สงสัยเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้ว ที่เขาคิดไว้ กองพัน
ลาดตระเวนน่าจะเป็นคนทำหน้าที่แทรกซึม การโจมตีระยะไกล หรือ
ว่าการวินาศกรรมพวกสะพานไม่ใช่เหรอ ทำไมรอบนี้ถึงให้กองร้อย
เจียนเตาทำแทนล่ะ
ต่อให้จางจิ่งหลินจะชอบสั่งคนไปทั่ว แต่ก็ไม่น่าสั่งการแบบไม่
มีเหตุไม่มีผลแบบนี้ไม่ใช่เหรอ
จางเสียวหม่านหันไปกล่าวอธิบายกับเริ่นเสี่ยวซู่ “ผู้บัญชาการ
กองพันโจวออกเดินทางจากฐานปฏิบัติการหน้าขึ้น
ตะวันออกเฉียงเหนือไปพร้อมกับกองพันทหารทัพหน้าที่เหลือแล้ว ดู
เผินๆ คือจะเดินทางผ่านตำบลฉือชวนมาร่วมกับเรา แต่ว่าหลังผ่านตำบลได้แล้ว กองพันทหารทัพหน้าจะเปลี่ยนทิศเดินทัพกะทันหันขึ้น
เหนือ พวกเขาจะไปโจมตีเขาเฉียงวานภายในสามวัน”
“ทำไมล่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่งุนงง เขาเฉียงวานก็อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำ
เป่ยวาน บนเขามีฐานทัพขนาดเล็กของสมาคมตระกูลจงอยู่ แต่ว่า
เพราะภูมิประเทศไม่เป็นมิตรจึงยึดที่นั่นยากมาก ที่นั่นนับว่าเป็น
ตำแหน่งสำ คัญของแนวป้องกันทางทหารใกล้แม่น้ำเป่ยวาน
ตำแหน่งทั้งสองแห่งนี้จะทำการสนับสนุนกันเองอย่างใกล้ชิดตลอด
“กองพันทหารทัพหน้าและกองร้อยเจียนเตาเป็นทัพหน้าของ
ป้อมปราการ 178 มาตลอด ทั้งกองทัพทหารทัพหน้าเดินทัพไป
ตะวันออกก็เพื่อสร้างภาพลวงตาว่าทัพหลักของป้อมปราการ 178
จะโจมตีทางตะวันออก แบบนี้พวกเราจะพอซื้อเวลาสร้างสะพานแพ
ที่แม่น้ำเฮยสือได้บ้าง” จางเสียวหม่านว่า
ในที่สุดเริ่นเสี่ยวซู่ก็เข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการทำลาย
สะพานเป่ยวานของกองร้อยเจียนเตาหรือการโจมตีเขาเฉียงวานของ
กองพันทหารทัพหน้า ก็ล้วนเป็นภาพลวงตาปิดบังกลยุทธ์ที่แท้จริง
พวกเขาแค่ต้องเล่นใหญ่ให้มากที่สุดในละครนี้เริ่นเสี่ยวซู่พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “พวกนายเห็นสูเสี่ย
นฉู่ที่ฐานปฏิบัติการหน้าบ้างไหม”
“เหลาสู่?” จางเสียวหม่านคิด “คิดว่าไม่เห็นนะ เขาน่าจะ
ประจำ การอยู่ที่ป้อมปราการหรือเปล่า ยังไงตอนนี้กำลังทหารเราที่
ป้อมปราการก็ค่อนข้างต่ำ จำ เป็นต้องเหลือกำลังหลักรักษาการณ์ใน
ป้อมบ้าง”
เริ่นเสี่ยวซู่ตกอยู่ในภวังค์ไป คนอย่างสูเสี่ยนฉู่ที่สร้าง
ความเปลี่ยนแปลงได้มากในแนวหน้ามีหรือจะถูกสั่งให้กัน
ป้อมปราการ 178 น่ะ
เขามีลางสังหรณ์ว่าสูเสี่ยนฉู่น่าจะมีภารกิจอื่น
ตอนนี้เองพลสื่อสารก็วิ่งแบกชุดวิทยุบนหลังมาและว่า “ผู้
บังคับกองร้อย ผู้บัญชาการกองพันอยากคุยด้วย”
จางเสียวหม่านรับสายก็ได้ยินโจวอิงหลงถาม “สถานการณ์
ฝั่งนั้นเป็นไงบ้าง”
จางเสียวหม่านรายงาน “ในเทือกเขาที่เป็นทางผ่านไปแม่น้ำเป่
ยวานมีทหารสมาคมตระกูลจงกลุ่มใหญ่รักษาการณ์อยู่ พวกเรากำลังลองหาเส้นทางอื่นที่สามารถใช้ไปเดินทางไประเบิดสะพานเป่ยวา
นอยู่ครับ”
โจวอิงหลงถาม “ได้ประมือตรงๆ กับพวกเขาบ้างหรือเปล่า”
“จะว่างั้นก็ได้” จางเสียวหม่านว่า “เริ่นเสี่ยวซู่สังหารทหาร
กองโจรไปสองกองร้อย พวกเราซุ่มโจมตีกำจัดไปได้อีกหนึ่งกองร้อย
ตอนนี้พวกเขากำลังใช้ปืนครกยิงถล่มเรามั่วๆ เป็นไงครับ
ผู้บัญชาการกองพัน พวกเราไม่ทำท่านขายหน้าใช่ไหม”
“ไอ้เวร อย่าเพิ่งลำพองใจไป” โจวอิงหลงโมโหจนหัวเราะ
ออกมา “พวกฉันยังไม่ทันเข้าใกล้เขาเฉียงวาน พลสอดแนมก็
รายงานกลับมาแล้วว่าเขาเฉียงวานส่งกำลังเสริมออกไปยังแม่น้ำเป่
ยวาน หลังจากการโจมตีของพวกนาย สมาคมตระกูลจงคงนึกว่า
พวกเราส่งทัพหลักไปที่แม่น้ำเป่ยวานแหง! ดูสิว่าตอนนี้พวกเอ็ง
จะทำภารกิจให้สำ เร็จได้ยังไง!”
จางเสียวหม่านนิ่งไปก่อนจะตระหนก “ผู้บังคับกองพันควรรีบๆ
โจมตีเขาเฉียงวานนะ จะได้ล่อทหารกลับไปที่นั่น!”“ฉันจะล่อพวกมันกลับไปไงวะ” โจวอิงหลงโมโห “อีกตั้งสอง
วันกว่าจะไปถึงเขาเฉียงวาน แต่ดีมากเลยพวกนาย แบบงี้พวกเราก็
จะโจมตีเขาเฉียงวานได้ง่ายว่าเดิมละ”
จางเสียวหม่านขมขื่น คำสั่งทหารไม่ใช่เรื่องตลก ไม่ว่า
สถานการณ์เป็นอย่างไร เป้าหมายพวกเขาก็คือระเบิดสะพานเป่ยวา
นทิ้ง แต่ว่ามีทหารมากองกันอยู่สะพานเป่ยวานเยอะขนาดนี้พวกเขา
จะโจมตีอย่างไรไม่ทราบ
“ขอโทษ” เริ่นเสี่ยวซู่กล่าวขออภัยขณะมองไปยังวิทยุที่ยังเปิด
การสื่อสารไว้อยู่ “เป็นเพราะฉันเองพวกนายเลยตกอยู่ใน
สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ เอาระเบิดทีเอ็นทีเอามาให้
ฉันให้หมดเลย ฉันจะไประเบิดสะพานเป่ยวานเอง”
จางเสียวหม่านขยิบตาใส่เขาและพูดว่า “จะพูดขอโทษขอโพย
ที่นายฆ่าทหารกองโจรศัตรูไปสองกองร้อยกับมือสไนเปอร์อีกสอง
คนงั้นเหรอ พูดตรงๆ นะ ถ้าไม่มีนาย พวกเราคงถูกทหารทั้งกรม
ล้อมแล้ว ไม่เป็นไรหรอก อย่างแย่สุดก็ตายหมดกันที่นี่แหละ เพื่อ
เกียรติยศแห่งป้อมปราการ 178 มันคุ้มค่าอยู่แล้ว!”โจวอิงหลงยังไม่ได้วางสาย เขาคำราม “ฉันยังไม่วางสาย เล่น
ละครกับใครอยู่วะ ตายกันมงตายกันหมดอะไร แสดงละครวีรบุรุษ
แบบนี้ไม่อายบ้างไง เลิกแสดงละครได้แล้วโว้ย! พวกนายพักไปอีก
สองวัน พอพวกฉันโจมตีเขาเฉียงวานจนล่อทหารศัตรูกลับมาที่นี่ได้
แล้ว พวกนายก็ตีฝ่าไปแม่น้ำเป่ยวานซะ!”