the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 424 โจมตีท่าเรือ
เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินจางเสียวหม่านพูดแบบนี้ก็ตาทอประกาย
“ถ้านายไม่พอใจที่พวกเขามีฉายากัน พวกเราก็ตั้งฉายากันเองได้นี่”
“เออว่ะ ใช่เลย!” จางเสียวหม่านอุทานอย่างตื่นเต้น “งั้นฉายา
ฉันขอเป็น ‘ช่างหัวเฟยอิง’”
“งั้นฉายาฉันขอเป็น ‘ช่างหัวสมาคมตระกูลจง!’ ส่วนฟู่หราว
นายนอนเป็นผักบนเปลสนาม งั้นก็เรียกนายว่าเป็น ‘เจ้าผัก’ แล้วกัน
”
ฟู่หราวที่นอนอยู่บนเปลสนามหัวร้อนขึ้นมาทันที “ใครว่าฉัน
เป็นผักวะ ฉันสบายดีโว้ย”
“บอกว่าสบายดีใช่ไหม งั้นก็ลุกขึ้นมาเดินเองดิ!”
ฟู่หราว “…”
ชายหยาบกระด้างแห่งตะวันตกเฉียงเหนือหัวเราะกัน ครึ่ง
วันก่อนฟู่หราวยังตะโกนบอกให้ทิ้งตนเสีย ส่วนเริ่นเสี่ยวซู่ยังยืนกรานจะช่วยชีวิตเขาให้ได้อยู่เลย
ครึ่งค่อนวันให้หลัง พวกเขาก็พูดหยอกล้อเล่นกันแล้ว บางที
นี่แหละหนาคือสหายร่วมรบ
ตอนนี้เองทุกคนก็หันไปถามเริ่นเสี่ยวซู่ “เสี่ยวซู่ ฉายานาย
จะเป็นอะไร”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่งก่อนจะยิ้มว่า “ฉายาฉันคือ ‘เซี่ยเซี่ย
(ขอบคุณ)’ จากนี้ไปก็เรียกฉันว่าเซี่ยเซี่ยแล้วกันนะ”
ฟู่หราว “…”
จางเสียวหม่าน “…”
ทุกคนพบว่าเริ่นเสี่ยวซู่ยอมทุกวิธีทางให้คนอื่นขอบคุณเขา
จริงๆ เริ่นเสี่ยวซู่เป็นคนเสนอให้ตั้งฉายากัน แต่ที่จริงคือกำลังรอ
พวกเขางับเหยื่ออยู่ต่างหาก!
ส่วนเริ่นเสี่ยวซู่ตอนนี้ก็กระหยิ่มยิ้มย่องอย่างกับว่าตัวเองกำลัง
ฝันอยู่ ถ้ามีคนมากขนาดนี้ขอบคุณเขาทุกวัน ก็คงได้เก็บเกี่ยว
เหรียญคำขอบคุณชุดใหญ่สิเริ่นเสี่ยวซู่มองไปที่คนอื่น “ฉันยังไม่ค่อยคุ้นกับฉายาที่ตั้งให้
ตัวเอง ทำไมทุกคนไม่ลองเรียกฉายาฉันสักสองสามรอบเพื่อให้ฉัน
คุ้นหูหน่อยล่ะ”
แต่จางเสียวหม่านกับคนอื่นกลับหันหน้าหนี ไม่สนใจเขาไป
อย่างนั้น
“นี่ ทำกับเพื่อนตัวเองแบบนี้เหรอ เรียกชื่อฉายาฉันเอง ไม่เห็น
เป็นเรื่องใหญ่ตรงไหน”
“นี่ๆ พูดฉายาฉันออกมานะ!”
และแล้วแผนจะตั้งฉายากันเองให้ทุกคนในกองร้อยเจียนเตาก็
ล่มไปเสียอย่างนั้น…
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เคลื่อนตัวขึ้นเหนือต่อ ก็ได้รับอีกสาย
มาจากโจวอิงหลง รอบนี้โจวอิงหลงอยากให้เขาแทรกซึมไปทำลาย
ท่าเรือและพวกเรือที่แนวหลังของเขาเฉียงวาน
ลำน้ำของแม่น้ำเป่ยวานอยู่ทางเหนือของเขาเฉียงวาน หาก
ทำลายท่าเรือที่นั่นได้ เมื่อยึดเขาเฉียงวานได้แล้ว พวกเขาก็จะสา
มารถกันไม่ให้กำลังศัตรูหนีไปตามแม่น้ำได้เพราะพวกเขาคิดจะชนะในสงครามนี้ ย่อมไม่อาจปล่อยให้
ศัตรูไปกู้กำลังกลับมาใหม่
หลังจากได้รับคำสั่งแล้ว พวกจางเสียวหม่านก็พักต่อไม่ได้แล้ว
พวกเขาแทรกซึมไปยังทางตะวังออกของเขาเฉียงวาน ใช้เวลาวัน
ครึ่งก็มาถึงจุดเป้าหมายที่อยู่ห่างจากทางตะวันออกของท่าเรือราวๆ
สิบกิโลเมตร
ตอนนี้มีปืนใหญ่กำลังยิงถล่มเขาเฉียงวาน คาดว่ากองพัน
ทหารทัพหน้าและกำลังเสริมที่มาถึงทีหลังคงกำลังโจมตีที่นี่มาสอง
วันติด จากการคาดการณ์ของโจวอิงหลง ดูเหมือนว่าศัตรูจะยัง
สู้ไหวอีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะยอมจำ นน ดังนั้นโจวอิงหลงจึงสั่งให้
กองร้อยเจียนเตาไปทำลายเส้นทางหลบหนีของสมาคมตระกูล
จงล่วงหน้าเสีย
จางเสียวหม่านใช้กล้องส่องทางไกลส่องทหารรักษาการณ์
ที่อยู่ที่ท่าเรือจากบนเนินเขา “ฉันว่ากำลังส่วนใหญ่คงไปร่วมรบด้วย
แล้วล่ะ ตอนนี้มีประจำ การอยู่แค่กองร้อยเดียวเอง แต่มีเรื่องแปลก
อยู่แฮะ ดูสิ พวกเขากำลังขนอะไรไม่รู้ขึ้นเรือ เคลื่อนย้ายอะไรกันนะ”“ถ้าแค่กองร้อยเดียวก็โจมตีไม่ยากละงั้น” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
ตอนนี้กองร้อยเจียนเตาไม่มองกองกำลังในระดับชั้นเดียวกัน
เป็นภัยอะไรแล้ว จางเสียวหม่านว่า “ยังไงก็ต้องโจมตีไปอยู่ดี งั้นก็
จัดเลยแล้วกัน หลังจากจัดการท่าเรือได้แล้ว พวกเราจะถอยไป
ร่วมกับผู้บัญชาการกองพันโจวทันที”
พวกเขาต้องออกปฏิบัติการทันที ทหารรักษาการณ์ที่ท่าเรือ
ดูจะเคลื่อนไหวอย่างรีบร้อนมาก พวกทหารกำลังเร่งขนของสุดตัว
จนเอาปืนสะพายพาดไหล่ไว้
ที่ท่าเรือมีเรือขนาดกลางจอดอยู่เจ็ดลำ ตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่และ
พวกกองร้อยเจียนเตาเผยกาย ทหารก็สมาคมตระกูลจงก็ตะลึงกัน
หมด ยังไม่ทันได้ต่อสู้ดีๆ ทั้งกองร้อยก็ถูกเริ่นเสี่ยวซู่ระเบิดทิ้งแล้ว
แต่ทันใดนั้น พลสื่อสารจากข้างหลังก็ตะโกนมา “ผู้บังคับ
กองร้อย ผู้บัญชาการกองพันโจวอยากคุยด้วย!”
หลังจากสั่งการให้พวกเริ่นเสี่ยวซู่ระเบิดเรือทิ้งเรียบร้อย จาง
เสียวหม่านก็เดินไปหาด้วยสีหน้าตื่นๆ พวกเขากำลังอยู่กลางการ
สู้รบไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงวิทยุหาอะไรในเวลาแบบนี้พอรับสาย ก็ได้ยินโจวอิงหลงตะโกน “ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว
ถึงท่าเรือหรือยัง!”
จางเสียวหม่านภูมิอย่างภูมิใจ “ไม่พลาดสิ พวกเรายึดท่าเรือ
เรียบร้อย ตอนนี้กำลังระเบิดเรือทิ้ง”
เสียงโจวอิงหลงคำรามลั่นจนเสียงแตกพร่า “รีบถอยเร็ว!
ทุกคนถอยให้หมด!”
จางเสียวหม่านตะลึง “ทำไมล่ะ พวกผู้บัญชาการกองพันแพ้
เหรอ”
“ไม่ใช่ว่าพวกเราแพ้ แต่ว่าตำแหน่งที่มั่นของศัตรูบนเขาเฉียง
วานาทุกแห่งถูกทิ้งร้างหมดแล้ว ไอ้พวกเวรสมาคมตระกูล
จงฉวยโอกาสตอนพวกเราถอยออกจากเขาหนีไปน่ะสิ ตอนนี้เหลือ
แต่ทหารนิดหน่อยไว้ปิดบังอำพราง กำลังหลักน่ากำลังจะเคลื่อน
ไปหาพวกนายตอนพวกเรากำลังคุยกันอยู่!” โจวอิงหลงตะคอก
จางเสียวหม่านหนังศีรษะชาวูบ “โจวอิงหลง ปู่เอ็งสิ! ทำไม
ไม่บอกก่อนหน้านี้วะ!”จากนั้นจางเสียวหม่านก็วางสายและตะโกน “ทุกคนเก็บของ
แล้วถอยด่วน!”
แต่เขาเพิ่งพูดจบ ทุกคนก็ได้ยินเสียงดังบาดหู
ทุกคนไม่ทันคาดคิดถึงเรื่องนี้เลย ไหนว่ากว่าศัตรูเขาเฉียงวาน
จะยอมแพ้มันอีกตั้งหนึ่งสัปดาห์อย่างไรเล่า ทำไมอยู่ๆ ก็ถอยก่อน
แบบนี้
ที่พวกเขาไม่รู้คือทหารราบยานเกราะของสมาคมตระกูลทาง
ตะวันออกเฉียงเหนือได้โจมตีสายฟ้าแลบใส่แม่น้ำเป่ยวานและยึด
ที่นั่นได้เรียบร้อย
ที่กำลังรักษาการณ์เขาเฉียงหวานเริ่มหวาดผวาก็เป็นเพราะ
เรื่องนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าหลังจากสมาคมตระกูลชิ่งโจมตีแม่น้ำเป่ยวาน
แล้วจะหันกลับมาจัดการตนเองตอนไหน
ส่วนศูนย์บัญชาการของสมาคมตระกูลจงก็สงสัยอยู่ว่าสมาคม
ตระกูลชิ่งคิดทำอะไรกันแน่ พวกเขาคิดจะร่วมวงความวุ่นวายและ
เปิดสงครามเต็มอัตราใส่สมาคมตระกูลจง หรือว่าจะแค่โจมตี
ทีเดียวแล้วถอยไปกันแน่ พวกเขาไม่อยากลงเอยกลายเป็นสมาคมตระกูลหลี่รายต่อไปหรอกนะ สมาคมตระกูลหลี่ก็ถูกล้างบางไปแบบ
นั้น
เลย! ดังนั้นสมาคมตระกูลจงจึงตัดสินใจจะดึงกำลังแนวป้องกัน
ไปหมดแล้วคอยดูว่าสมาคมตระกูลชิ่งจะเอาอย่างไรต่อก่อน
แค่นี่ทำให้ชีวิตกองร้อยเจียนเตาลำบากแล้ว จะหนีตอนนี้ก็
ไม่ทันการณ์ จางเสียวหม่านเพิ่งหันไป ก็ได้ยินเสียงระเบิดออกมา
หลายชุด เขาเห็นเริ่นเสี่ยวซู่กับคนกองร้อยเจียนเตาที่เหลือกำลังโยน
ระเบิดทีเอ็นทีใส่เรือ เรือหกลำกลายเป็นลูกไฟที่โหมใหญ่จนเหนือ
แม่น้ำปรากฎให้เห็นเป็นเมฆเพลิง
จางเสียวหม่านพูดอย่างตกใจว่า “หยุดๆ หยุดระเบิดก่อน!
พวกเราต้องเก็บไว้ให้ตัวเองลำหนึ่ง!
กำลังรักษาการณ์เขาเฉียงวานเกือบมาถึงท่าเรือแล้ว พอเริ่น
เสี่ยวซู่เห็นว่ามันมีทหารอย่างน้อยกองพันหนึ่งกำลังมาหาพวกตนก็
ถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“ขึ้นเรือ! พวกเราจะนั่งเรือหนี!” จางเสียวหม่านคำราม
กองร้อยเจียนเตาเหลือทางหนีทางเดียวแล้ว ทางอื่นๆ ล้วน
มีทหารสมาคมตระกูลจงที่ถอยร่นมาจากเขาเฉียงวานปิดหมดแล้ว!พอทหารสมาคมตระกูลจลที่อยู่ไกลๆ เห็นว่าเรือถูกระเบิดทิ้ง
หมดแล้วก็เกิดความสิ้นหวัง บางคนหยิบปืนกลหนักขึ้นมาสาดใส่เรือ
ที่พวกเริ่นเสี่ยวซู่ แต่โชคดีที่แรงถีบปืนทำให้กระสุนส่วนใหญ่เด้ง
ขึ้นไปบนฟ้าหมด ยิงโดนทหารกองร้อยเจียนเตาแค่นายเดียว
จางเสียวหม่านตะโกนอยู่บนเรือ “มีใครขับเรือเป็นไหม”
“แถวป้อมปราการ 178 ไม่มีอะไรแบบนี้เลย แหงสิว่าขับไม่เป็น
” เจียวเสี่ยวเฉินพึมพำ
จางเสียวหม่านคลานไปยังห้องเครื่อง “ต่อให้ไม่รู้ก็ต้องรู้ให้ได้
โว้ย ถ้าเรือแม่*ไม่ขยับ พวกเราตายห่ากันหมดนี่แน่!”