the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 425 ฉันจะทำอะไรได้ ฉันก็สิ้นหวังเหมือนกัน
- Home
- the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
- ตอนที่ 425 ฉันจะทำอะไรได้ ฉันก็สิ้นหวังเหมือนกัน
พอพวกเขาได้ยินว่าตัวจะต้องตาย ทหารทั้งกองร้อยเจียนเตา
ก็พลันวิตก ทุกคนคลานไปยังห้องเคลื่อง ควานหาวิธีจุดเครื่องยนต์
มีคนบ่นออด “ถ้ารู้งี้คงจับเชลยไว้สักคน พวกเขาเป็นคนขับเรือ
มาที่นี่ คงรู้วิธีใช้งานอยู่แล้ว”
เจียวเสี่ยวเฉินมองคนพูดและตอบกลับอย่างไม่ใคร่จะพอใจ
“พูดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วไหมพวก ตอนแรกจะใช้เรือหนีที่ไหนล่ะ
ลงเอยแบบนี้เพราะจนมุมหรอก”
ทุกคนรัวกดปุ่มอย่างบ้าคลั่ง แต่สุดท้ายก็มีคนบังเอิญโชคดีกด
จนเครื่องยนต์เริ่มทำงาน
ทุกคนตื่นเต้น “เครื่องยนต์ทำงานแล้ว!”
“พวกเรารอดแล้ว ฮ่าๆๆ! สวรรค์ไม่ละทิ้งกองร้อยเจียนเตา!”
แต่ตอนนี้เอง ก็มีคนพูดอย่างติดใจว่า “แต่เรือยังไม่เคลื่อนตัว
เลยนะ”ทุกคนเห็นเริ่นเสี่ยวซู่ออกไปจากห้องเครื่อง จางเสียวหม่าน
ตะโกนใส่เขา “อย่าออกไปนะโว้ย ข้างนอกแม่*ศัตรูเต็มไปหมดเลย”
“ต้องออกไปตัดเชือกผูกเรือข้างนอก” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
“แต่ถึงเป็นงั้นนายก็ออกไปไม่ได้อยู่ดี! ออกไปแบบนี้ต้องถูก
กระสุนสาดใส่จนตายแน่!” จางเสียวหม่านคำราม
เริ่นเสี่ยวซู่เกิดความคิดดีๆ เขาชักดาบทมิฬขึ้นมาก่อนแทง
ผ่านประตูเงาไปหาเชือกผูกเรือ แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่มั่นใจว่าเชือกอยู่
ไหนกันแน่ เลยเริ่มตวัดดาบไปแบบมั่วๆ
สมาคมตระกูลจงที่กำลังวิ่งไปทางท่าเรือเห็นมือโผล่มาจาก
อากาศว่างเปล่าพร้อมกับตวัดฟันดาบทมิฬไปทั่ว พวกเขาชะงักกัน
ไปพักหนึ่งด้วยไม่กล้าพุ่งไปต่อ
“เชี่ย ขยับแล้วว่ะ เรือขยับแล้ว!” จางเสียวหม่านอุทาน
ในที่สุดเริ่นเสี่ยวซู่ตัดเชือกผูกเรือได้ในที่สุด ทหารแตกทัพของ
สมาคมตระกูลจงได้แต่มองดูเรือสภาพเป็นรูโหว่เพราะกระสุนค่อยๆ
เคลื่อนตัวไปกลางแม่น้ำด้วยความสิ้นหวัง…พอพวกเขาออกไปไกลได้อีกนิด เริ่นเสี่ยวซู่และคนอื่นๆ ก็
ออกมาจากห้องเครื่อง แต่ละคนใบหน้าซีดเซียวขณะเรือห่าง
ออกจากฝั่งไปเรื่อย มองไปทีหนึ่ง ก็อาเจียนออกมาทีหนึ่ง…
ทุกคนในกองร้อยเจียนเตาไม่เคยได้ขึ้นเรือมาก่อน ดังนั้นต่อให้
เรือจะเคลื่อนตัวไปแค่สิบนาที พวกทหารก็อาเจียนจนแทบจะสลบ
อยู่ร่อมร่อ
คนที่อยากขึ้นเรือกลับไม่ได้ขึ้น คนที่ไม่อยากขึ้นเรือตอนนี้ก็
กำลังล่องเรือไปไหนก็ไม่อาจทราบได้
ทหารกองร้อยเจียนเตามองศัตรูท่าทีเซื่องซึมบนชายฝั่ง
พร้อมกับคิดในใจว่า พวกฉันจะทำอะไรได้วะ ก็สิ้นหวังมาก
เหมือนกันแหละ
ตอนนี้เองกองร้อยเจียนเตาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ขัดข้อง
จากนั้นเครื่องยนต์ของเรือก็ทำงานเบาลงไป จางเสียวหม่านถาม
“เกิดเชี่ยไรขึ้นวะ”
“ไม่รู้…”เรือค่อยๆ เสียพลังขับเคลื่อนไป ดูหมือนว่าจะเป็นความ
เสียหายจากกระสุนปืนหนักของศัตรู!
“โชคร้ายฉิบหาย!” จางเสียวหม่านไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขาอาเจียนบนขอบเรือไปพึมพำอะไรสักอย่างไม่ได้ศัพท์ไปด้วย “รีบ
ติดต่อผู้บันชาการกองพันโจว ให้เขาหาวิธีช่วยเหลือเร็ว!”
แต่พลสื่อสารพูดเสียงค่อย “ผู้บังคับกองร้อย วิทยุพวกเราพัง
แล้ว”
“อะไรนะ!” จางเสียวหม่านตาเบิกโพลง “วิทยุนั่นเป็นอาวุธที่
สำ คัญเท่าชีวิตนายนะ! นายปล่อยให้มันเสียหายได้ยังไง คิดว่าฉัน
ไม่กล้าถีบนายตกเรือเหรอ”
ตอนนี้เองทุกคนก็หันไปมองพลสื่อสารกันหมด วิทยุที่เขาแบก
ที่หลังแตกเป็นเสี่ยงๆ พลสื่อสารพูดหวาดๆ “ตอนศัตรูยิงใส่ปืนกล
หนักใส่เราจากฝั่ง ฉันรีบขึ้นเรือ วิทยุเลยโดนกระสุนเข้า”
จางเสียวหม่านถอนหายใจ “ช่างเหอะ วิทยุอาจจะช่วยชีวิต
นายไว้ก็ได้ นายยังไม่ตายก็ดีแล้ว”ทหารกองร้อยนั่งบนดาดฟ้าเรือและมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้า
สิ้นหวัง ไม่มีใครรู้ว่าเรือที่ไร้พลังงานขับเคลื่อนจะพาพวกตนไปจบที่
ตรงไหน
ตอนนี้ชุดวิทยุก็พังไปแล้ว พวกเขากลายเป็นกองกำลังที่ถูกทิ้ง
โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง
ติดต่อกำลังหลักของป้อมปราการ 178 ก็ไม่ได้ ให้ป้อมปราการ
178 ติดต่อมาก็ไม่ได้
“แบบนี้พวกเราจะล่องเรือไปจนถึงสมาคมตระกูลจงเลยเหรอ”
เจียวเสี่ยวเฉินถามเสียงค่อย
“เลิกพูดเรื่องน่าท้อใจเสียสักทีจะได้ไหม…”
จางเสียวหม่านพลันยิ้มออกมา “พวกเขาถึงบอกกันว่าบน
สนามรบมีเรื่องไม่คาดฝันตลอดเวลา นายจำ คำที่ฉันเคยพูดได้ไหม
ทุกอย่างแล้วแต่ชะตาตัดสิน ไม่มีใครบงการอะไรได้ ไม่ว่าในอดีต
จะชนะมากี่สนามรบ ถ้าชะตาอยากเล่นนายยังไงก็ไม่พ้นหรอก”
“และบางอย่างมันก็แปลกมาก ชะตาดูจะอยากเล่นงานแต่นาย
ไม่ไปเล่นงานคนอื่น…”ในสงคราม มีเรื่องไม่คาดคิดมากมาย คนถึงกับบอกว่า
การชนะสามส่วนขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และพลังกำลัง ส่วนอีกเจ็ดส่วนนั่น
อยู่ที่ว่าพระเจ้าอยากปล่อยให้รอดและให้ชนะการรบไหม
หลังจากอาเจียนกันอยู่นาน กองร้อยเจียนเตาก็เริ่มหิวกันแล้ว
แต่ว่าพวกเขาออกจากฐานปฏิบัติการหน้ามาพักใหญ่แล้ว ทั้งยังขน
อาหารสนามมาแค่เจ็ดวัน จึงไม่เหลืออะไรให้รับประทานแล้ว
จางเสียวหม่านให้คนไปค้นหาพวกเสบียงในห้องเครื่อง แต่ก็
พบว่ามันว่างเปล่า เขาถามอย่างตกใจ “ก่อนหน้าพวกเราเห็นทหาร
รักษาการณ์สมาคมตระกูลจงขนของขึ้นเรือไม่ใช่เหรอ ทำไมถึง
ไม่มีอะไรเลยล่ะ!”
“ฉันว่าพวกเขามีเวลาไม่พอจะขนของขึ้นเรือลำนี้นะ…”
จางเสียวหม่านได้ยินแบบนั้นก็พูดอย่างโมโหว่า “ให้ตายสิ
เข้าไปค้นของในเรือก่อนค่อยเลือกเรือที่จะระเบิดทิ้งไม่ได้เหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่และคนอื่นๆ หัวเราะ “ผู้บังคับกองร้อยไม่ได้บอก
สักหน่อยเหลือลำหนึ่ง เห็นพูดแค่ว่าให้ระเบิดทุกอย่างทิ้งให้หมด”จางเสียวหม่านหันหน้าหนีและเริ่มเตรียมการกองร้อยเจียน
เตาสำ หรับกรณีที่แย่ที่สุด “ทุกคน ตอนนี้พวกเราเหลือเสบียงกันไม่
มากแล้ว และไม่รู้ด้วยว่าจะไปถึงชายฝั่งตอนไหน คนที่ยังเมาเรือเลิก
อ๊วกแตกได้แล้ว ต่อให้รู้สึกอยากอ๊วกก็อึบไว้ก่อน…”
เริ่นเสี่ยวซู่ยืนบนดาดฟ้าเรือ เขาไม่รู้อยากอาเจียนแม้แต่นิด
และกำลังมองแม่น้ำเป่ยวานอันกว้างใหญ่ในกลุ่มหมอก
จางเสียวหม่านเดินมายืนข้างเขาและถาม “กำลังคิดอะไรอยู่”
“คิดว่าพวกเราจะล่องเรือไปจบที่ตรงไหน” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า
จางเสียวหมานถอนหายใจ “ตอนนี้พวกเราไม่มีหนทางโทร
ขอความช่วยเหลือ จะไปจบตรงไหนก็ไม่รู้อีก ต่อไปจะเจออะไรบ้างก็
ไม่แน่ ถ้าเรือลอยลำไปถึงชายฝั่งทางเหนือล่ะก็ นั่นเป็นเขตสมาคม
ตระกูลจงแล้ว!”
แต่ว่ายิ่งกลัวก็ยิ่งจะเป็นความจริง ตอนนี้เรือลอยลำอยู่กลาง
แม่น้ำ แต่พอดูจากจุดสังเกตของสองชายฝั่งแล้ว ก็ชัดเจนว่ากำลัง
เข้าใกล้พื้นที่ของสมาคมตระกูลจงทางเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ“ไม่ต้องห่วง” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “ฉันจะทำให้ทุกคนรอดไปให้ได้
และต้องไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”
หลังจากพูดจบ เริ่นเสี่ยวซู่ก็หันกลับเดินไปยังห้องเครื่อง ทหาร
กองร้อยเจียนเตามองภาพราวกำลังดูการแสดงเวทมนตร์ เริ่นเสี่ยว
ซู่โยนร่างหมูป่า แพะ ฮาร์ดแท็กกล่องหนึ่ง และน้ำอีกกล่องจาก
ข้างในห้องเครื่อง
นี่เป็นของที่เสี่ยวอวี้เตรียมให้เขาตอนที่รู้ว่าเขาสามารถพก
ข้าวของติดตัวไว้ได้มาก เขาใช้จ่ายเงินไปมากสำ หรับฟังก์ชันการ
เก็บรักษาแบบสุญญากาศในช่องเก็บของที่เก็บไว้นานแค่ไหนของ
พวกนี้ก็ไม่เน่าเสีย
เริ่นเสี่ยวซู่พูดกับเพื่อนทหารในกองร้อยเจียนเตาว่า “ฉันสงสัย
ว่าพวกเราจะถึงชายฝั่งทางเหนือในสามวัน ถ้าไม่อยากตายก็เก็บ
กำลังไว้ พอถึงพื้นที่สมาคมตระกูลจงเสร็จยังต้องหาทางตีฝ่าออกมา
อีก”
โจวอิงหลงรายงานจางจิ่งหลินเรียบร้อยแล้วว่ากองร้อยเจียน
เตาถูกบีบให้ต้องขึ้นเรือหนี จางจิ่งหลินเองก็ปิดข่าวนี้ไว้ กันไม่ให้สมาคมตระกูลจงจัดกำลังไปจับพวกเขา