the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 427 กองกำลังโดดเดี่ยว
เรือค่อยๆ เคลื่อนตัวถึงฝั่ง กลุ่มคนที่นอนบนดาดฟ้ามอง
รอบกายอย่างระมัดระวัง จางเสียวหม่านว่า “ไม่มีแสงไฟ ตามแนว
ชายฝั่งไม่มีสิ่งก่อสร้าง แถวนี้ไม่น่าจะมีศัตรู”
“น่าจะเป็นที่ถูกทิ้งร้าง เรือเราน่าจะล่องผ่านพื้นที่ที่มีทหาร
สมาคมตระกูลจงรักษาการณ์อยู่ไปแล้ว เจียวเสี่ยวเฉินวิเคราะห์
“พวกเราเดินทางบนแม่น้ำด้วยความเร็วสิบเอ็ดกิโลเมตรต่อชั่วโมง
นี่ก็ผ่านมาทั้งวันแล้ว เดินทางมาสองร้อยกว่างกิโลเมตรคงห่างจาก
แนวหน้ามาก”
“ถ้าเจอผู้อพยพ ต้องฆ่าพวกเขาไหม” เจียวเสี่ยวเฉินถาม
“สงครามนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อพยพ อย่าฆ่าพลเรือนที่ไม่รู้อิโห
น่อิเหน่” จางเสียวหม่านขมวดคิ้วมุ่น “ลืมเรื่องกฎของป้อมปราการ
178 ไปแล้วเหรอ”“แต่…” เจียวเสี่ยวเฉินอยากพูดว่าเพราะพวกเขากำลัง
บุกเข้าไปในเขตแดนศัตรู ถ้าผู้อพยพที่เจอเปิดเผยที่อยู่พวกเขาไป
อาจจะกลายเป็นหายนะเอาได้
จางเสียวหม่านโต้ “ไม่มีแต่! ถ้าฆ่าพลเรือนซี้ซั้ว พวกเราจะต่าง
ไปจากสมาคมตระกูลจงตรงไหน”
“ก็ได้” เจียวเสี่ยวเฉินรับทราบ
ที่จริงการทำแบบนี้จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงให้กองร้อยเจียนเตาเอา
ได้ แต่ป้อมปราการ 178 มีหลักการของตน ดังนั้นจึงไม่ใครพูดได้ว่า
การตัดสินใจใดถูกหรือไม่ถูก
แน่นอนถ้าป้อมปราการ 178 ไม่มีหลักการเช่นนี้ คง
ไม่เป็นที่นิยมชื่นชอบของชาวแดนตะวันตกเฉียงเหนือ
ในความเป็นจริง คนทั่วไปบางรายในเขตพื้นที่ของสมาคม
ตระกูลจงถึงกับบอกว่าตัวเองลอบอยู่เอนเอียงไปทางป้อมปราการ
178 ด้วยซ้ำ หลังสมาคมตระกูลจงและป้อมปราการ 178 ทำสงคราม
กันในท้ายที่สุด ทุกคนมีความรู้ว่าถ้าป้อมปราการ 178 ไล่สมาคม
ตระกูลจงไปได้ พวกเขาคงมีชีวิตที่ดีขึ้น ภาษีที่ถูกเก็บก็คงลดลง
“แต่หลังจากขึ้นฝั่งแล้วพวกเราจะไปไหนต่อ” ฟู่หราวพลัน
ถามขึ้นมา หลังทายาดำไปสามวัน แผลถูกยิงของเขาก็หายดีแล้ว
“ในพื้นที่นี้ ทางกลับเดียวเราที่เราใช้ได้คือข้ามสะพานเป่ยวาน แต่ว่า
มันก็ถูกสมาคมตระกูลชิ่งทำลายไปแล้ว อีกอย่างที่นั่นน่าจะมีทหาร
สมาคมตระกูลจงประจำ การอยู่เป็นฝูง พวกเราจะกลับไปได้ยังไง”
“งั้นพวกเราก็แค่ไม่ต้องกลับไง!” จางเสียวหม่านโบกมือและว่า
“ยังไงกองพันทหารทัพหน้าเราก็ทำหน้าที่สู้รบเฉพาะช่วงต้นของ
สงคราม หลังจากเขาเฉียงวานและแม่น้ำเป่ยวานถูกยึดแล้ว ภารกิจ
ของกองพันทหารทัพหน้าเราก็จบแล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่ผลงานของ
กองพลน้อยยานเกราะแล้วล่ะ ทำไมพวกเราก็ต้องกลับไปด้วยล่ะ”
“พวกเราไม่กลับไปแล้ว? แล้วทำไมต้องเอาตัวเองไปเทียบ
กองพลน้อยยานเกราะด้วย อำนาจยิงเราสู้พวกเขาไม่ได้เสียหน่อย
ถึงพวกเราจะชนะไปหลายการรบ แต่การชนะสงครามก็ยังเป็น
ผลงานพวกเขาอยู่ดี” เจียวเสี่ยวเฉินพูดอย่างแคลงใจจางเสียวหม่านพูด “ก็งั้นพวกเราถึงต้องสู้เพื่อเกียรติยศ มีแต่
คนที่ได้รับยกย่อง ผู้อื่นจึงจำ ได้ เข้าใจไหม”
“ยังไงก็ไร้ค่าอยู่ดี” เจียวเสี่ยวเฉินพึมพำ
“ทำไมมันไร้ค่าล่ะ” จางเสียวหม่านถามเสียงเย็น “นายรู้จัก
ภูเขาที่สูงที่สุดในโลกไหม”
เจียวเสี่ยวเฉินส่ายหัว “ไม่รู้”
จางเสียวหม่านแทบสะดุดกับคำตอบนี้ เขาอยากจะพูดว่า คน
จำ ได้แต่เขาที่สูงที่สุดในโลก แต่จำ เขาที่สูงอันดับสองและสามไม่ได้
แต่เจียวเสี่ยวเฉินที่ไม่ได้เรียนหนังสือมาจึงไม่รู้จักแม้กระทั่งเขาที่สูง
ที่สุดในโลก แล้วเขาจะโยงไปเรื่องที่อยากจะพูดอย่างไรล่ะ
เริ่นเสี่ยวซู่แทรกขึ้นมา “ผู้บัญชาการกองพันโจวบอกว่ากำลัง
หลักของป้อมปราการจะทำการรบอยู่ที่แนวหน้าเขาอู่ชวนที่อยู่
ทางเหนือของแม่น้ำเฮยสือไม่ใช่เหรอ พวกนายคิดว่าการรบรอบนี้
จะกินเวลาแค่ไหน”
“อย่างต่ำสามเดือน” จางเสียวหม่านว่า “ถึงฉันจะดูถูกสมาคม
ตระกูลจง แต่ว่าแนวหน้าเขาอู่ชวนมีทหารรวมตัวกันมากเกินไปจะปราบพวกเขาให้อยู่หมัดต้องใช้เวลาอยู่หลายเดือน อีกอย่าง
อำนาจต่อสู้ก็ไม่ต่างกันมากเพราะสมาคมตระกูลจงก็มีกองทัพ
สมัยใหม่เช่นกัน ต่อให้ผู้บัญชาการกองพันเราอยากตีฝ่าแนวหน้า
เขาอู่ชวนคงไม่ง่ายหรอก เวลารบกันอาจจะกินเวลาไปครึ่งปีเลยก็ได้
”
พอแนวหน้าเขาอู่ชวนแตกแล้ว การพ่ายแพ้สงครามของ
สมาคมตระกูลจงก็นับว่าถูกประกาศล่วงหน้าแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่พูด “ตอนนี้กองกำลังทุกสายของสมาคมตระกูล
จงน่าจะมารวมกันที่แนวหน้าเขาอู่ชวน ทหารแนวหลังต้องบางมาก
แน่ งั้นพวกเราไม่โจมตีพวกอุตสาหกรรมพวกเขาในทางเหนือเลยล่ะ
โรงงานพวกเขาตั้งอยู่นอกป้อมปราการอยู่แล้ว กองกำลัง
รักษาการณ์ต้องอ่อนแอมากแหง โรงงานบางแห่งคงไม่มีแม้แต่
ทหารกองกำลังส่วนตัวประจำ การอยู่เลยมั้ง!”
จางเสียวหม่านตาทอประกาย “ความคิดดีแฮะ เริ่นเสี่ยวซู่
นายคิดความคิดแจ่มๆ แบบนั้นออกได้ยังไง”“ไม่ใช่ความคิดฉันหรอก” เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจ “มันเป็นวิธีที่
สมาคมตระกูลชิ่งใช้กับสมาคมตระกูลหยาง ตอนนี้สถานการณ์ของ
สมาคมตระกูลจงไม่ต่างไปจากของสมาคมตระกูลหยางเท่าไร
แนวหลังต่างไร้การป้องกัน”
วิธิการที่ชิ่งเจิ่นใช้กับสมาคมตระกูลหยางชี้ทางให้เริ่นเสี่ยวซู่
จางเสียวหม่านและคนอื่นๆ มองหน้ากันเอง ถ้าพวกเขาเป็น
กองร้อยธรรมดาคงไม่มีทางสามารถไปปั่นป่วนเขตอุตสาหกรรมของ
สมาคมตระกูลตลอดแนวที่ทางเหนือได้ จากข้อมูลของสมาคม
ตระกูลชิ่งรวบรวมมา สมาคมตระกูลจงได้ควบรวมพวกโจรพอ
จะจัดตั้งได้กรมหนึ่ง
แต่พวกเขาสามารถโจมตีโรงงานบางส่วนได้อยู่!
เจียวเสี่ยวเฉินยิ้ม “เป็นความคิดโคตรแจ่ม พวกเราไม่ต้องเอา
ขนาดถล่มทั้งโรงงานทิ้ง เอาแค่ให้สมาคมตระกูลจงปวดหัวก็พอ คิด
แผนกัน ดูสิว่าไปโจมตีโรงงานไหนดี”
แต่พอพูดจบ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ผงะและพูดว่า “ฉันหมายถึงว่าโจมตี
ให้หมดเลย…”ทุกคนบนดาดฟ้าเรือเงียบกริบไป จางเสียวหม่านหัวเราะแบบ
เหยเกและว่า “เลิกพูดเล่นได้แล้ว!”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ” เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงเข้ม “พวกนายอาจจะ
ไม่เจอทหารกองกำลังส่วนตัวในป้อมปราการมาหลายปีแล้ว แต่
ระเบียบวินัยทหารพวกเขาเหลวเป๋วมานานแล้ว ขนาดเป้าระยะ
ห้าสิบเมตรยังยิงไม่โดนเลย”
“แล้วถ้าสมาคมตระกูลจงส่งทหารประจำ การมาไล่ล่าเราล่ะ”
จางเสียวหม่านถามอย่างแปลกใจ
. “
ก็หนีเอา” เริ่นเสี่ยวซู่พูด “ไม่ต้องห่วง ฉันมีเวลารับมือกับเรื่อง
นั้น
”
ทุกคนในกองร้อยเจียนเตาคิดว่าเริ่นเสี่ยวซู่เป็นผู้มีพลังพิเศษที่
มีพลังสองอย่าง ซึ่งแค่นั้นก็ไร้เทียมทางมากแล้ว
แต่ที่จริงเริ่นเสี่ยวซู่ยังมีไพ่ตายเก็บไว้อยู่ เป็นการลงมือที่
สะเทือนสมาคมตระกูลจงและจงเฉิงได้ถึงแก่น เป็นการทำลายฟาง
เส้นสุดท้ายของพวกเขามีเสียงกระแทกดังทีหนึ่ง เรือพวกเขามาชนชายฝั่งแล้ว
กองร้อยเจียนเตากระโดนลงจากเรือทีละคน เพียงสองนาทีก็รวมพล
กันเสร็จและเริ่มบุกเข้าชายฝังเป็นรูปขบวนสามเหลี่ยมแหลมหน้า
ในสถานที่ไม่คุ้นเคย การกระจายกำลังออกไปเป็น
การตัดสินใจที่สิ้นคิด พวกเขาต้องไปกันเป็นหมู่คณะ ไม่รอดไป
ด้วยกันก็ตายไปด้วยกัน
หากมองลงมาจากบนฟ้า กองกำลังของป้อมปราการ 178 และ
สมาคมตระกูลจงจะแยกเหนือใต้ออกจากกันอย่างชัดเจน ทาง
ตะวันออกเป็นเส้นทางนำไปสู่ที่ราบตอนกลาง ส่วนทะเลทรายโกบี
ทางตะวันตกนั่นยืดยาวไปจนถึงพื้นที่อาลาส้าน[1]ในทางเหนือ
แต่ตอนนี้ในการแบ่งแยกอย่างชัดเจนนั้นมีทหารกองร้อยหนึ่ง
แปลกหน้าเดินทางขึ้นไปทางเหนือ
ขณะที่จางเสียวหม่านเดินอยู่ในขบวณกับคนอื่นนั้น เริ่นเสี่ยว
ซู่ก็ส่งร่างแยกออกไปขณะคนอื่นๆ ไม่ทันสังเกต ทันใดนั้นจางเสียว
หม่านก็ว่า “พี่น้อง รอบนี้พวกเราเรียกกำลังเสริมมาไม่ได้แล้วทางเดินดำมืดที่พวกเรากำลังเดินอยู่ไม่มีทางให้กันกลับ ถ้าฉันตาย
ไป ก็อย่าลืมพาฟันกรามฉันกลับบ้านด้วยล่ะ”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงเย็น “นายอย่าตายจะดีกว่า เพราะนายตาย
ฉันจะถอนฟันนายให้หมดก่อนจะเลือกอันที่ดูดีกลับไป”
จางเสียวหม่านเสียวสันหลังวูบ “เอ็งแม่*ชั่วร้ายไปแล้ว”
[1] พื้นที่อาลาส้าน (阿拉善盟) พื้นที่หนึ่งในความปกครองของเขต
ฯ มองโกเลียใน