the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 429 เทพนิยายโลกจริง
ทุกคนในศูนย์บัญชาการเงียบกริบไป โจวฉีกับหลัวหลานมอง
ทูตผู้นี้ราวกำลังมองคนปัญญาอ่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
ชิ่งเจิ่นยิ้มลึกลับว่า “หยางลี่เฉินอยากให้ฉันช่วยเขายังไงล่ะ”
“เขาจะส่งแผนที่จุดตั้งรับในแนวหน้าที่จือหยางให้ ท่านแค่ต้อง
ช่วยเขาทำลายทหารรักษาการณ์ของที่นั่น” ทูตฉีกยิ้มกว้างเอ่ย
“เพราะแสดงความจริงใจ ทางผมได้รับแผนที่จุดตั้งรับมาด้วย”
ชิ่งเจิ่นเลิกคิ้วและส่งยิ้มไปให้โจวฉี จากนั้นเขาก็พูดกับทูตว่า
“ฉันรู้ได้ยังไงว่านี่เป็นแผนที่จริงหรือปลอม เอาไว้กับฉันก่อนแล้วกัน
หลังจากวิเคราะห์ดูแล้วฉันค่อยตัดสินใจว่าจะช่วยเจ้านายนาย
หรือเปล่า แค่นั้นแหละ! พวกเรา พาเขาออกไปได้ อย่าลืมให้เขาทิ้ง
แผนที่จุดตั้งรับไว้ด้วยล่ะ”
จากนั้นกลุ่มทหารดุร้ายก็พาตัวทูตของสมาคมจระกูลหยาง
ออกไปโจวฉีผุดลุกขึ้นมาพูด “เขาแม่*โง่หรือโง่เนี่ย เวลาอย่างนี้ยังจะ
สู้กันเองอยู่อีกเหรอ คิดว่าพวกเรากำลังเล่นเกมอยู่สมาคมตระกูล
หยางหรือยังไง และไอ้ที่บอกจะส่งป้อมปราการ 97 กับ 99 ให้
พวกเรานี่ยังไง ใครอนุญาตให้เขามอบของที่พวกเราเป็นเจ้าของ
อยู่แล้วน่ะ”
ชิ่งเจิ่นพูดเสียงนิ่ง “หยางหวยอิ้นเป็นคนรุ่นหลังของสมาคม
ตระกูลหยางที่ทำหน้าที่ปกป้องแนวหน้าที่จือหยางอยู่ ส่วนหยางลี่
เฉิน เขาเองก็เป็นคนในตระกูลหยาง แต่ว่าถูกผลักออกมาอยู่วงนอก
ตั้ง
แต่หลายปีก่อน ถูกส่งไปเป็นผู้ปกครองป้อมปราการคอยดูแล
ระดับผลผลิตในเขตพื้นที่”
“เหอๆ” หลัวหลานหัวเราะ “ความเป็นจริงนี่แปลกกว่าในนิยาย
ตลอด เรื่องที่เจอในชีวิตจริงจะไม่เจอในนิยาย ถึงว่าทำไมหยางลี่เฉิน
ถึงถูกผลักออกไปอยู่นอกวง เพราะเป็นไอ้โง่ของแท้นี่เอง”
“ทหารนาโนแมชชีนบุกเข้าไปสังหารหมู่ในป้อมปราการ 88 นั่น
ฉันเดาว่านาโนแมชชีนในร่างพวกเขากำลังเป็นตัวควบคุมคน
มากกว่าจะคนควบคุมนาโนแมชชีน” ชิ่งเจิ่นว่า “ในการรบนั้น บุคคลระดับแกนหลักของสมาคมตระกูลหยางต่างอยู่ในป้อมปราการ 88
กันหมด ตอนนี้สมาคมตระกูลหยางไม่มีผู้นำ ทั้งสมาคมตระกูล
หยางกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ แถมพวกคนที่ถูกผลักไปอยู่วงนอกก็
อยากจะสู้เพื่อยึดครองสมาคมตระกูลหยางมากกว่าจะคิดหาวิธี
ชนะสงคราม”
ไม่ใช่แค่หยางลี่เฉินที่ส่งคนมา ยังมีคนอื่นๆ อีก
แน่นอน ใช่ว่าคนทุกคนจะโง่กันหมด ส่วนใหญ่พูดเพียงว่า
จะเลิกต่อต้าน ขอเพียงในอนาคตจะได้ตำแหน่งทางการใน
ป้อมปราการพอ ส่วนคนอย่างหยางลี่เฉินนั้น แม้แต่หมู่คนโง่ยังหา
คนแบบเขาได้ยาก
โลกภายนอกนึกว่าสมาคมตระกูลชิ่งจะสู้รบกับสมาคมตระกูล
หยางจนเหนื่อยล้าแล้ว แต่ความจริงมันเป็นแค่ภาพมายาที่สมาคม
ตระกูลชิ่งสร้างขึ้นมาบังหน้า
อย่างไรโลกใบนี้ก็ไม่ได้มีแต่แดนตะวันออกเฉียงเหนือแดน
ตะวันออกเฉียงใต้ มันยังมีที่ราบตอนกลางอีก“แต่ว่าในสมาคมตระกูลหยางก็ยังมีคนฉลาดอยู่” ชิ่งเจิ่นยิ้ม
“หยางหวยอิ้นที่รับหน้าที่อยู่แนวหน้าที่จือหยางบอกว่าไม่อยาก
ต่อต้านอะไรอีกและขอตำแหน่งทางการตำแหน่งหนึ่ง เขาถึงกับ
ส่งแผนที่จุดตั้งรับแนวหน้าที่จื่อหยางมาให้ฉันด้วย แต่ว่าแผนที่ที่เขา
ให้มาไม่ใช่ของจริงทั้งหมด เขาพยายามขุดหลุมพรางใส่ฉัน”
หลัวหลานถอนหายใจ “องค์กรใหญ่อย่างสมาคมตระกูลหยาง
ที่มีอดีตอันรุ่งโรจน์ ใครจะไปคิดว่าจะมาลงเอยอยู่ในสภาพนี้ได้”
ชิ่งเจิ่นมองไปที่โต๊ะทรายและพูดเสียงสงบนิ่ง “คนไม่ควรเผย
ไพ่ไม้ตายหรือจุดประสงค์ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่รอผู้อื่นมา
ฆ่าฟันแล้ว หมากกระดานนี้ยังไม่จบ”
“อ้อใช่” หลัวหลานถาน “เราจะเอายังไงกับตัวทดลองที่อยู่
ทางใต้ดี”
ชิ่งเจิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ตั้งแต่สมาคมตระกูลหลี่ถูกทำลาย
กำลังของสมาคมตระกูลชิ่งและสมาคมตระกูลหยางก็ถูกถอนกลับ
ขึ้นเหนือ การป้องกันทางใต้นับว่าวางเปล่า สมาคมตระกูลชิ่งเองก็
ไม่อาจทิ้งทหารป้องกันทางใต้ได้มาก ดังนั้นพื้นที่ที่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของสมาคมตระกูลหลี่จึงไม่อาจยับยั้งพวกตัว
ทดลองได้อีก
หลังจากกองกำลังสมาคมตระกูลหยางหนีไปด้วยหางจุดก้น
แล้ว ชิ่งเจิ่นก็ทิ้งกองพลน้อยหนึ่งไว้คอยไล่ตัวทดลอง แต่ว่าในภูมิ
ภาคนั้นมีป้อมปราการมากไป กองพลน้อยเดียวจะปกป้องพวกเขา
ได้หมดได้อย่างไร แถมเป้าหมายหลักของพวกเขาคิดยึด
ป้อมปราการและให้พวกเจ้าหน้าที่ทางการเดิมยอมคายทรัพย์สิน
ออกมาด้วย
เพียงไม่ถึงสองเดือน ตัวทดลองก็เปลี่ยนอีกป้อมปราการหนึ่ง
ไปเป็นรังของพวกมัน
ราวกับในป้อมปราการที่ร่วงล่นเต็มไปด้วยฝูงปีศาจร้าย
ถ้าสมาคมตระกูลชิ่งไม่ทิ้งกองพลน้อยไว้ล่ะก็ บางทีอาจจะ
มีคนตายมากกว่านี้แล้ว
ชิ่งเจิ่นคิดพักหนึ่งก่อนจะว่า “บอกชิ่งอี้ว่าเขามีเวลาสิบห้าวันใน
การยึดแนวหน้าที่จือหยาง หลังจากนั้นเขาต้องนำกำลังลงไปกำจัด
พวกตัวทดลอง ฉันไม่อยากเห็นคนตายไปมากกว่านี้แล้ว”คนที่คอยชักใยทั้งสงครามตลอดแดนตะวันตกเฉียงใต้กลับมา
พูดกว่าไม่อยากให้คนตายไปมากกว่านี้แล้วฟังแล้วแปร่งหูมาก แต่
ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่
หลัวหลานถาม “หลังจากพวกเขาปราบสมาคมตระกูลหยางได้
แล้ว พวกทหารคงเหนื่อยมาก พวกเราควรให้เขาพักก่อนจะส่งลงใต้
เลยไหม ทำไมนายไม่ใช้…”
“ไม่ได้ พวกเรายังใช้สิ่งนั้นไม่ได้” ชิ่งเจิ่นขัด “เรื่องบางเรื่องเรา
ทำตามใจไม่ได้หรอก”
หลัวหลานยืนขึ้นปัดฝุ่นออกจากตัว “ก็ตามนั้น ฉันจะคอยดูแล
เรื่องการเข้ายึดป้อมปราการของสมาคมตระกูลหยางแล้วกัน ฉันว่า
ตาแก่พวกนั้นต้องรวยไม่เบา จะให้พอสงครามจบแล้วสมาคม
ตระกูลชิ่งเรายากจนลงไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ นายไม่เหมาะ
จะจัดการเรื่องเน่าๆ แบบนี้หรอก ให้ฉันจัดการเองแล้วกัน”
ตอนนี้ชิ่งเจิ่นเป็นผู้นำของสมาคมตระกูลชิ่ง เขาต้องรักษา
ภาพลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นหลัวหลานจึงอาสารับหน้าที่ยึดทรัพย์
คนอื่นเองก่อนหน้านี้หลัวหลานทำหน้าที่ดูแลการยึดครองพื้นที่ของ
สมาคมตระกูลหลี่ พอชื่อหลัวหลานถูกขาน ก็ทำเอาเจ้าหน้าที่และ
พวกพ่อค้าในสมาคมตระกูลหลี่หวาดผวา เป็นเพราะว่าวิธียึดทรัพย์
ของหลัวหลานนั้นรู้กันว่าป่าเถื่อนนัก
เจ้าหน้าที่ทางการที่เคยทำงานให้กับสมาคมตระกูลหลี่
ยืนกรานว่าไม่มีเงินเหลือแล้วเพราะไม่อยากถูกยึดทองไป
แต่หลังจากถูกหลัวหลานแขวนจากหลังคาบวกรุมตีอยู่สาม
สามคืนทุกคนสารภาพทุกอย่างออกมาหมด
หลัวหลานยังใช้วิธีการอื่นอย่างไม่ยอมให้นอนหลับหรือทรมาน
ร่างกายด้วย วิธีการพวกนี้ปกติไว้ใช้รับมือกับพวกสายลับ พวก
เจ้าหน้าที่ทางการจะทนรับได้อย่างไร
ตอนนี้ไม่รู้มีคนมากน้อยเพียงไรกำลังก่นด่าลับหลังเขา ทุกคน
ต่างพูดกันว่าหลัวหลานเป็นพวกมนุษย์กินคน
แต่ทรัพย์สินที่หลัวหลานยึดมาถูกนำเข้าเป็นของสมาคม
ตระกูลชิ่งหมด ไม่เก็บไว้กับตัวเองแม้แต่นิดเดียว จากคำที่หลัวหลานว่า เขาจะต้องการเงินไปทำไมถ้าน้องชายตัวเองเป็นผู้นำ
สมาคมตระกูลชิ่งน่ะ ไปไหนไม่ต้องควักกระเป๋าตัวเองด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ชิ่งเจิ่นเป็นเงาของสมาคมตระกูลชิ่ง และตอนนี้หลัว
หลานก็กลายเป็นเงาของชิ่งเจิ่น
ชิ่งเจิ่นหันไปมองโจวฉี “ฉันอยากให้นายเดินทางไปที่ราบ
ตอนกลาง ที่นั่นกำลังเกิดเรื่อง เวลาไม่คอยท่า”
“ดูเหมือนรอบนี้นายจะเชื่อฉันไม่น้อยนะ” โจวฉียิ้มว่า
“ก่อนหน้านี้นายกลัวว่าฉันจะทรยศนายในวิสุดท้ายไม่ใช่เหรอ แต่
ตอนนี้มามอบภารกิจสำ คัญให้ฉันน่ะนะ”
ชิ่งเจิ่นว่า “ไม่มีใครจ่ายราคาเดียวกับที่ฉันจ่ายให้นายได้”
โจวฉีผิวปาก เขาไม่แสดงละครเป็นผู้มากมารยาทมีการศึกษา
ต่อแต่ทำตัวเป็นดั่งทหารรับจ้างแทน เขายิ้มกล่าว “นายท่านใจกว้าง
นัก! อีกไม่นานสงครามแดนตะวันตกเฉียงใต้จะจบลง และตลอดที่นี่
จะมีแต่ธงสมาคมตระกูลชิ่งถูกเชิดขึ้น ดูเหมือนว่าตอนนั้นฉันตัดสิน
ได้ใจได้ถูกแล้ว!”แต่ชิ่งเจิ่นก็โพล่งขึ้นหลังจากเงียบไปนาน “ฉันไม่คิดว่านั่น
เป็นเรื่องน่ายินดีหรอกนะ”
ชิ่งเจิ่นยืนอยู่ข้างโต๊ะทราย สายตามองตลอดทั้งพื้นที่ หลัว
หลานพลันจำ ได้ว่าน้องชายเคยบอกว่าที่จริงเขาชอบปลูกดอกไม้
มากกว่า