the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 432 สถานการณ์บีบบังคับ
ชายชรามองกองร้อยเจียนเตาอย่างไม่รู้จะตอบรับอย่างไรดี
กลับเป็นเด็กหญิงเห็นจางเสียวหม่านกับเจียวเสี่ยวเฉินบ่นใส่กันก็
หัวเราะออกมา
โลกของเด็กช่างเรียบง่าย เด็กน้อยยังไม่เข้าใจว่าโลกมัน
โหดร้ายเพียงไร
เริ่นเสี่ยวซู่ถามชายชรา “ป้อมปราการไหนอยู่ใกล้ที่นี่สุดเหรอ”
“งั้นคงเป็นป้อมปราการ 144” ชายชราพูดออกมาตามจริง
“อยู่ห่างจากที่นี่ไปทางตะวันตกราวหกสิบกิโลเมตร”
เริ่นเสี่ยวซู่หันไปหาจางเสียวหม่าน “นายรู้ตำแหน่งหรือยังว่า
พวกเราอยู่ตรงไหนกันแน่”
“รู้ละ” จางเสียวหม่านพยักหน้า “ป้อมปราการ 144 เป็นยุ้ง
ฉางของสมาคมตระกูลจง นิคมเกษตรกรรมกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
อยู่ใกล้ป้อมปราการนี้ เรียกว่าเป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นมาเพื่อเก็บอาหารโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้ เหมือนอย่างป้อมปราการ 114 ของ
สมาคมตระกูลชิ่ง”
“อ้อ อย่างงี้นี่เอง” เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้า “งั้นเริ่มโจมตีพื้นที่รอบ
ป้อมปราการ 144 ก่อนเถอะ”
เจียวเสี่ยวเฉินโพล่งถาม “เราจะทำยังไงกับผู้เฒ่ากับเด็กคนนี้ดี
ล่ะ แค่ปล่อยพวกเขาไปเหรอ แล้วถ้าเกิดพวกเขาไปรายงานสมาคม
ตระกูลจงขึ้นมาล่ะ”
ชายชราวิตกทันที “พวกนายท่านไม่ต้องห่วง พวกเรา
ไม่รายงานเรื่องพวกท่านกับสมาคมตระกูลจงแน่ พวกท่านมาจาก
ป้อมปราการ 178 ใช่ไหม พูดตามตรง พวกเราต่างหวังว่าพวกท่าน
จะมา”
สมาคมตระกูลจงกดขี่ข่มเหงผู้อพยพเกินไป เป็นผลให้เสียการ
สนับสนุนจากผู้อพยพไปหมด
เริ่นเสี่ยวซู่พูด “ถ้าพวกเด็กหนุ่มกับผู้ใหญ่ที่สุขภาพดีไม่ถูก
สมาคมตระกูลจงเกณฑ์ไปหมด พวกเราคงเกณฑ์ผู้อพยพมาเป็น
กองกำลังติดอาวุธในแนวหลังศัตรู ให้พวกเขาช่วยล้อมป้อมปราการได้แล้ว ตอนฉันเรียนกับคุณจาง เขาเคยพูดครั้งหนึ่งว่ามันมีกองพล
หนึ่งแบบนี้ที่ชนะสงครามได้จริงๆ…”
คำพูดนี้ล่อตาล่อใจพวกจางเสียวหม่านไม่น้อย แต่ว่าตอนนี้
พวกเขาไม่มีปัจจัยครบสมบูรณ์จะทำเช่นนั้นได้
มีคนในกองร้อยถามชายชรา “คุณปู่ ที่นี่มีอาหารหรือเปล่า”
ที่ถามก็เพราะว่าเสบียงอาหารพวกเขาใกล้หมดแล้ว ถึงจะ
มีอาหารที่เริ่นเสี่ยวซู่พกมา แต่ว่าเสี่ยวอวี้ก็เตรียมปริมาณสำ หรับเขา
คนเดียว
จากที่เสี่ยวอวี้วางแผนไว้ อาหารพวกนี้น่าจะทำให้เริ่นเสี่ยว
ซู่อยู่ในแดนรกร้างได้สามเดือนโดยไม่จำ เป็นต้องออกไปหาอาหาร
เพิ่ม
ถึงจะมีอาหารมาก แต่ว่าก็ไม่พอประทังทั้งกองร้อยเจียนเตา
อาหารอยู่ได้สามเดือนสำ หรับคนหนึ่ง อยู่ได้แค่สองวันสำ หรับ
หนึ่งร้อยแปดสิบสี่คน ดังนั้นการหาอาหารให้ได้ก่อนจึงเป็น
เรื่องสำ คัญมากถึงเริ่นเสี่ยวซู่จะปลูกเครื่องยิงมันฝรั่งได้ แต่เขาขอใช้วิธีที่ต้อง
เสียเหรียญคำขอบคุณเป็นวิธีสุดท้ายท้ายดีกว่า
ชายชราว่า “พวกเราจะมีอาหารเหลือได้ยังไง พวกสมาคม
ตระกูลจงยึดไปหมดแล้ว พวกเขาถึงกับเข้าค้นอาหารที่พวกเรา
แอบซ่อนไว้และเอาไปหมดแล้ว”
เริ่นเสี่ยวซู่เหลือบไปมองตระกร้าที่ชายชราแบกไว้อยู่บนหลัง
และเห็นว่าในนั้นมีผักป่าเต็มไปหมด ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขา
จะพาเด็กหญิงออกไปขุดผักป่ากัน ชายชราไม่ได้โกหก
“งั้นพวกเราเอาไงต่อ” เจียวเสี่ยวเฉินถาม
จางเสียวหม่านโบกมือ “ไม่ต้องห่วง พวกเราแค่ไประเบิด
โรงงานทิ้ง ในโรงงานมีคนงานเยอะแยะ พวกเขาจะไม่มีอาหารได้
ยังไงล่ะ”
พอทุกได้ยินแบบนั้นก็มุ่งหน้าไปทางตะวันตกในพลัน กะ
จะไปหาเครื่องแบบพร้อมกับหาอาหารไปด้วย
เรื่องผ่านไปดีกว่าที่พวกเขาคิด ไม่นานนักพวกเขาก็ผ่านไปยัง
โรงงานแห่งหนึ่งที่มีควันขาวลอยล่องจากปล่องเป็นสายยาวกองร้องเจียนเตาวางแผนอย่างดีว่าจะโจมตีจากสองทิศทาง
แต่ว่าพวกเขาไม่ได้แต่จะปะทะกับทหารรักษาการณ์ดีๆ เลย เจอแค่
ทหารกองกำลังส่วนตัวคุ้มกันสถานที่อยู่สองคนเท่านั้น พอพวกเขา
เห็นเริ่นเสี่ยวซู่และพรรคพวก ก็คุกเข่าร้องขอความเมตตาโดยไม่ต้อ
ต้านอะไรแม้แต่นิดทันที
แถมผู้อพยพในโรงงานก็ออกมาเข้าแถวกันอย่างพร้อมเพรียง
ด้วย
จางเสียวหม่านถาม “ทำไมถึงมีทหารแค่สองคนคอยคุ้มกันทั้ง
โรงงาน”
ทหารกองกำลังส่วนตัวที่กำลังคุกเข่าอยู่พูด “คนอื่นๆ โดยย้าย
ไปอยู่กำลังรบของสมาคมตระกูลจงแล้ว”
“อืม!” จางเสียวหม่านยึดอาวุธพวกเขามาและว่า “เอาอาหาร
ที่พวกนายกินออกมา พวกเราจะเอาไปส่วนหนึ่ง”
ทหารกองกำลังส่วนตัวทั้งสองได้ลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังทำ
ตามคำสั่งแต่พอพวกจางเสียวหม่านเห็นวอโถวขึ้นราถูกนำออกมาก็
ตะลึงไป เขาพูดอย่างแปลกใจ “ในโรงงานมีแต่แบบนี้เหรอ ผู้อพยพ
สักออกก้าวออกมาตอบคำถามฉัน”
ผู้อพยพคนหนึ่งว่า “พวกเรากินแต่แบบนี้ครับท่าน”
ใบหน้าจางเสียวหม่านอึมครึม ถึงว่าทำไมคนถึงไม่ชอบสมาคม
ตระกูลจงนัก และก็ว่าทำไมชายชราผู้นั้นถึงบอกว่าหวังให้
ป้อมปราการ 178 มาบุก กลายเป็นว่าชีวิตผู้อพยพที่นี่ช่างโหล่ยโท่ย
สิ้นดี
เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจ ถึงสมาคมตระกูลชิ่งจะเป็นสมาคมที่
เอาเปรียบผู้อพยพเหมือนกัน แต่อย่างน้อยผู้อพยพตามโรงงานของ
ที่นั่นก็มีอาหารกินเพียงพอ ไม่ใช่ว่าสมาคมตระกูลชิ่งดีเด่อะไร แต่
เป็นสมาคมอื่นๆ ทำให้เขาดูดีขึ้นมาต่างหาก
เจียวเสี่ยวเฉินหักครึ่งวอโถวออกมาและเห็นว่าในนั้นยังมี
แกลบผสมอยู่เลย “เจ้านี่มันกินได้จริงๆ แน่นะ ไม่ใช่กินปุ๊บตายปั๊บ”
“ท่านครับ ตราบใดที่พวกเรายังมีชีวิตรอดต่อไปได้ก็พอแล้ว”
ผู้อพยพตอบเพราะที่นี่เป็นเตาหลอมสัมฤทธิ์ กองร้อยเจียนเตาเลยไม่อาจ
หาเครื่องแบบทหารของสมาคมตระกูลจง นี่ทำให้จางเสียวหม่าน
เศร้าใจอยู่บ้าง เขาหันไปหาเริ่นเสี่ยวซู่และพูด “พวกเรากินไม่ได้
หรอก ถึงพวกเราจะเคยกินอาหารแย่ๆ มาก่อน แต่พวกเราก็กินของ
ขึ้นราไม่ได้จริงๆ มันส่งผลกระทบต่อขีดจำ กัดการรบเรา”
“ฉันว่าโรงงานอื่นใกล้ๆ ก็เป็นงี้เหมือนกัน” เริ่นเสี่ยวซู่รำพึงรำ
รำพัน “ถ้าเราอยากหาของกิน ก็ต้องไปหาในป้อมปราการสมาคม
ตระกูลจงสักแห่ง”
“ป้อมปราการ 144 รู้จักกันว่าเป็นยุ้งฉางของสมาคมตระกูลจง
ที่นั่นต้องมีอาหารแน่ อีกอย่าง ถ้าพวกเราทำลาย ‘ยุ้งฉาง’ ได้
สมาคมตระกูลจงคงประสบปัญหาไม่น้อยเชียว ถ้าทหารไม่มีอาหาร
ให้กินในช่วงสงครามคงก่อกบฏทันทีเลยมั้ง”
“ฝันไปเถอะ!” จางเสียวหม่านล้อ “ในป้อมปราการ 144 คง
มีอย่างน้อยทหารสักกรมหนึ่งรักษาการณ์อยู่ พวกเราจะเข้าตียังไง
ไม่ทราบ”
เริ่นเสี่ยวซู่แทรก “พวกเราโจมตีขบวนส่งเสบียงก่อนก็ได้!”เดิมที่กองร้อยเจียนเตาก็ไม่คิดจะไปยุ่งกับทหารประจำ การ
ของสมาคมตระกูลจงหรอกเพราะอย่างไรพวกเขาก็อยู่แนวหลังศัตรู
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้แล้ว ถ้าพวกเขา
ไม่สู้ ก็คงหิวตายอยู่ที่นี่ สถานการณ์มันบีบบังคับให้ลงมือ
ไม่มีใครจะทันคาดคิดหรอกว่าเลือดที่ไหลนองในเขตแดนของ
สมาคมตระกูลจงนั้นเกิดขึ้นเพียงเพราะว่าคนกลุ่มหนึ่งต้องการหา
อาหาร…
สองวันให้หลัง จู่ๆ ศูนย์บัญชาการของสมาคมตระกูลจงก็ได้รับ
ข่าวว่าขบวนขนส่งเสบียงถูกศัตรูกลุ่มเล็กซุ่มโจมตีอยู่นอก
ป้อมปราการ 144 เพราะศัตรูเป็นแค่กองร้อยเดียวจากป้อมปราการ
178 พวกเขาเลยไม่อาจจะกำจัดขบวนส่งเสบียงได้หมดทุกคน
ตอนนี้กรมทหารราบรักษาการณ์ของป้อมปราการ 144 กำลัง
ไล่ล่ากองร้อยนี้สุดกำลัง
นายพลที่ศูนย์บัญชาการของแนวหน้าได้ข่าวนี้ก็ขมวดคิ้วมุ่น
ภูมิประเทศของป้อมปราการ 144 พิเศษมาก ถ้าป้อมปราการ 178
อยากโจมตีที่นั่นก็ต้องข้ามแม่น้ำก่อน แต่ว่าป้อมปราการ 178 ไม่มีเรือ ตอนวางแผนกลยุทธ์กันก่อนหน้านี้สมาคมตระกูลจงเลยไม่ได้
กังวลมากนัก
แต่พวกเขาก็ต้องแปลกใจ ป้อมปราการ 144 เกิดเรื่องเสียได้
ศูนย์บัญชาการส่งคำสั่งไปยังป้อมปราการ 144 สั่งให้ให้
ผู้บัญชาการกรมทหารราบกำจัดกองร้อยจากป้อมปราการ 178 ให้
หมดสิ้น เขาต้องรับประกันความปลอดภัยสายส่งกำลังในแนวหลัง!
แต่คำสั่งเพิ่งลงไปไม่กี่ชั่วโมง ป้อมปราการ 144 ก็ส่งข่าว
กลับมาว่ากรมทหารราบคลาดสายตากับศัตรูแล้ว
นายพลที่ศูนย์บัญชาการผู้รับผิดชอบเรื่องงานพลาธิการ
แนวหลังเดือดดาล “พื้นที่ตัวเองแท้ๆ ทำศัตรูคลาดสายตาไปได้
ยังไง! หาพวกเขาให้เจอ! ไม่ว่ายังไงก็ต้องระบุตำแหน่งกองร้อยนี้
มาให้ได้! ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องเป็นผู้บัญชากงผู้บัญชาการ
กรมทหารราบต่อ!”