the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 439 จัดทัพใหม่แบบง่ายๆ
“โอ้ย มันฝรั่งกลิ่นดีฉิบ!” จางเสียวหม่านใช้กิ่งไม้เขี่ยมันฝรั่งเผา
ออกมาจากกองไฟ มันยังไม่ทันเย็นดี เขาก็อ้าปากกัดเข้าไปแล้ว
ตลอดทั้งค่ายชั่วคราวอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของ
มันฝรั่งเผาในพลัน
ตอนนี้พวกเขาปักหลักอยู่สุดชายแดนของสมาคมตระกูล
กองพันลาดตระเวนที่กำลังไล่ล่าพวกเขาอยู่น่าจะห่างออกไปราวๆ
สองร้อยกิโลเมตร ดังนั้นตอนนี้เลยยังไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทัพศัตรู
ในที่สุดพวกเขาก็มีวันเวลาให้กินอาหารสดๆ บ้างแล้ว พอ
ทุกคนกัดมันฝรั่งลงไป ก็เหมือนว่าชีวิตมันสมบูรณ์พร้อมแล้ว
“ได้สู้รบกับเริ่นเสี่ยวซู่นี่โคตรสนุกเลย” จางเสียวหม่าน
ถอนหายใจว่า “เมื่อก่อนฉันไม่เคยนึกว่ากองร้อยเจียนเตาเราฆ่า
ศัตรูได้มากขนาดนี้ ฉันนึกว่าเราต้องสละชีพกันไปครึ่งกองร้อยใน
การรบที่ตำบลฉือชวนด้วยซ้ำ ”“เอ๊ะ ว่าแต่เริ่นเสี่ยวซู่หายไปไหน” ฟู่หราวถาม
“เห็นว่าจะไปจับปลาสักหน่อยน่ะ” เจียวเสี่ยวเฉินตอบ “ฉันเพิ่ง
นึกอะไรได้ พอมีเริ่นเสี่ยวซู่อยู่ด้วย พวกเราก็ไม่ต้องพกเสบียงกัน
มาแล้ว ไปไหนเขาก็หาอาหารได้หมด พวกเราไม่เคยต้องทนหิวเลย
แน่ะ”
ระหว่างที่คุยกันไป ทหารในกองร้อยก็ถอดรองเท้าเอนหลังพิง
ตามก้อนหินอย่างสบายอุราไปด้วย
ทหารในกองร้อยเจียนเตากำลังคิดว่าพวกตนน่าจะเป็น
กองกำลังบนสนามรบที่ตอนนี้อยู่สบายสุด มีอิสระสุด อยากทำอะไร
ก็ทำ
ซ่อนตัวอยู่แนวหลังศัตรู ไม่ต้องฟังคำสั่งใคร ทำอะไรตาม
ใจชอบ
“คิดว่ารอบนี้กลับไปจะได้เหรียญเกียรติยศชั้นสองเลยไหม”
ฟู่หราวถาม “รอบนี้คิดว่าพวกเขาจะให้เหรียญแบบหายากๆ ให้กับ
ผลงานเราไหม”มีคนว่า “กำลังถามว่าพวกเขาจะให้เหรียญที่มีราคาสูงที่สุด
หรือเปล่างั้นสิ ฮ่าๆ!”
ฟู่หราวมาจากครอบครัวยากจน จึงรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่า
คนอื่นอยู่บ้างตลอด เขามีผู้หญิงที่ชอบแต่ก็ไม่กล้าสารภาพ สุดท้าย
ก็ได้แต่มองคนจากกองพลน้อยยานเกราะชิงเธอไป
ตอนแรกกองร้อยเจียนเตาก็ไม่มีธรรมเนียมขายเหรียญตัวเอง
หรอก อย่างไรนั่นเป็นเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศที่ได้มาจาก
คุณูปการตน แต่ว่ามีครั้งหนึ่งฟู่หราวถามว่าถ้าเขาเป็นคนเดียวที่เอา
เหรียญไปขาย จะทำให้เขาดูเป็นพวกไม่ภาคภูมิใจในเกียรติยศ
หรือเปล่า แม่เขาล้มป่วยและต้องการใช้เงินด่วน ถึงในป้อมปราการ
จะมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล แต่ว่าแม่เขาต้องการยาควบคุม
อาการตลอด ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
สุดท้ายจางเสียวหม่านก็ถามเขาว่าทำไมถึงยังไม่ขายเหรียญ
อีก คนอื่นๆ ขายเหรียญไปหมดแล้ว
นั่นทำให้ฟู่หราวรู้สึกสบายใจมากขึ้น และการขายเหรียญผล
งานการรบก็กลายเป็นธรรมเนียมทั่วไปของกองร้อยเจียนเตาไปย้อนไปตอนที่ฟู่หราวอยากหันกลับไปหาเหรียญที่ทำหล่น พวก
จางเสียวหม่านก็ยอมหันกลับไปอย่างไม่คิดซ้ำ สอง แต่เหรียญที่เจอ
กลับเป็นของจางเสียวหม่านเสียได้
อย่างไรเหรียญขนาดเท่านิ้วโป้งก็ไม่ได้หาง่ายในแดนรกร้างนัก
หรอก
ตอนนี้จางเสียวหม่านกำลังวิเคราะห์ “คิดดูนะ เหรียญที่
เจ๋งที่สุดของกองทัพเราคือเหรียญซิงอวิ๋น (เนบิวลา/เมฆดารา) ที่
พ่อค้าในตลาดมืดขอซื้อด้วยราคาสองแสนหยวน แต่เราคงมีโอกาส
ได้เหรียญนั้นยากมากเพราะจะให้เฉพาะทหารชั้นยอดที่มีคุณูปการ
ยิ่งใหญ่ในสงครามเท่านั้น ฉันว่าพวกเราเล็งเป้าไปที่เหรียญซิงเฉิน
(ดารา) ดีกว่า เหรียญนั้นมีราคาในตลาดมืดตั้งห้าหมื่นหยวน!”
ฟู่หราวตาทอประกาย “ราคาสูงขนาดนั้นเลย”
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!” จางเสียวหม่านหัวเราะและว่า “ถ้าได้
เหรียญซิงเฉินมาล่ะก็ นายจะจ่ายหนี้ค่ารักษาพยาบาลแม่นายได้
หมดเลย”“ฮี่ๆ” ฟู่หราวยิ้มชั่วร้าย “ต้องสร้างผลงานแบบไหนถึงจะได้
รางวัลนั้นน่ะ”
“พวกเราน่าจะสร้างผลงานการรบพอแล้วนะ ทหารหน่วยเรา
คนไม่เยอะขนาดจะสู้ศึกนี้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว มาตรฐานน่าจะต่ำ
ลงมาหน่อย ผลงานเราโดดเด่นเพราะโชคดีได้ฉวยโอกาสจัดการ
ศัตรูในแนวหลัง” จางเสียวหม่านคิดพักหนึ่งก่อนจะว่า “พวกเรา
กำจัดไปหกกองร้อยแล้ว แต่ว่านั่นก็น่าจะพอให้เราได้เหรียญซิงเฉิน
แล้วมั้ง ถ้ายังเพิ่มฆ่านายทหารสำ คัญๆ สักหน่อยก็คงถึงได้เหรียญ
ซิงอวิ๋นเลยล่ะ”
“นายทหารสำ คัญๆ ? ต้องนายทหารระดับชั้นยศไหนน่ะ”
“อย่างต่ำก็ต้องเป็นผู้บัญชาการกรมแหละ”
“พวกเราจะทำได้ไงวะนั่น คนอย่างผู้บัญชาการกรมทหารราบ
ต้องได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนาอยู่แล้ว” ฟู่หราวส่ายหัวอย่าง
ท้อแท้ใจ
ตอนนี้เองเริ่นเสี่ยวซู่ก็กลับมาพร้อมกับปลาหลายตัวที่ถูกเชือก
ป่านเกี่ยวเหงือกไว้ เขาว่า “ถ้าอยากจะได้เหรียญ ก็เอาเหรียญที่ดีที่สุดสิ เล็งไปที่คุณูปการที่ได้เหรียญซิงอวิ๋นกัน พวกนายยังไม่ได้นับ
โรงงานสามแห่งที่พวกเราทำลายทิ้งไปเลย ไม่รู้ว่าต่อไปพวกเรา
จะทำอะไรสำ เร็จอีก”
จางเสียวหม่านตาทอประกาย “งั้นพวกเราไปสู้กับ
ป้อมปราการ 144 ไหมล่ะ ที่นั่นเป็นยุ้งฉางของสมาคมตระกูลจง
ถ้าพวกเราจัดสายส่งเสบียงของกองทัพสมาคมตระกูลจงได้ล่ะก็
ต้องเป็นผลงานใหญ่ของพวกเราแน่ กองกำลังป้อมปราการ 144
หลายกองถูกพวกเรากำจัดไปแล้ว ตอนนี้การป้องกันพวกเขาก็ต้อง
โหว่งมากแหง”
“พูดน่ะมันง่ายแหละ ในแดนรกร้างเราอาจจะจู่โจมกองกำลัง
สมาคมตระกูลจงสำ เร็จ แต่จะให้หน่วยงานเล็กๆ อย่างพวกเราไป
ตีฝ่าป้อมปราการน่ะนะ ไม่ต่างไปจากแส่หาความตายหรอก” เริ่น
เสี่ยวซู่พูดล้อขณะเอาแล่เครื่องในปลาออกแล้วเสียบไม้อย่าง
เชี่ยวชาญ
เจียวเสี่ยวเฉินมีความคิดเลวๆ โผล่มา “วางยาพิษลงใน
แหล่งน้ำป้อมปราการ 144 ไหม พวกเราโยนซากสัตว์ลงแหล่งน้ำจนทำน้ำเน่าก็ได้ แบบนั้นป้อมปราการ 144 ก็แย่มากแน่ๆ”
ทว่าจางเสียวหม่านย้อน “แต่แบบนั้นชาวป้อมปราการก็
จะได้รับผลกระทบไปด้วยสิ”
“อืม ก็จริง…”
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เอ่ยอะไร ผ่านไปพักหนึ่ง กลิ่นหอมของปลาเผาก็
ฟุ้งไปทั่ว เขาโพล่งขึ้นมา “สองสามวันนี้กินปลากันก่อน มันจับง่าย
มาก เหมือนว่าในแม่น้ำจะมีเยอะเลย”
จางเสียวหม่านเดินไปหาเขา “เสี่ยวซู่ เลิกพูดเรื่องปลาก่อน
นายมีความคิดดีๆ ไหม พวกเราควรทำอะไรต่อดี”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่งก่อนจะตอบ “อย่างมากก็ได้แค่โจมตี
แถวๆ ป้อมปราการ 144 และหนีอีกรอบ ลองคิดดู ในช่วงสงคราม
จะมีอะไรสำ คัญไปกว่าเสบียงที่มีต่อเนื่องอีกล่ะ”
จางเสียวหม่านตบมือ “รู้แล้ว! ทำลายโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ากัน
พวกทหารแนวหน้าจะได้ไม่มีเครื่องแบบใส่!”
ทั้ง
กองร้อยเจียนเตาหันขวับมองจางเสียวหม่านด้วยสายตา
ว่างเปล่า ในดวงตาฉายภาพทหารศัตรูสู้รบแบบโป๊ๆเป็นภาพที่บาดตาฉิบ!
“เครื่องแบบไม่ใช่ของจำ เป็น” เริ่นเสี่ยวซู่ส่ายหัวด้วยสีหน้า
อึมครึม “ต่อให้ส่งเครื่องแบบใหม่ไปแนวหน้าไม่ได้ พวกเขาก็ยังใส่
เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ ได้อยู่ดี แบบนั้นไม่ส่งผลอะไรมากหรอก”
จางเสี่ยวหม่านคิดตาม “งั้นโจมตีโรงงานรองเท้ากัน! รองเท้า
บู๊ทพังง่ายมากในการรบ ถ้าพวกเขาไม่มีใส่ต้องสร้างปัญหามากเลย
ใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่มีรองเท้าใส่ก็เจ็บเท้ามากไง”
ทั้ง
กองร้อยเจียนเตายังมองจางเสียวหม่านสายตาว่างเปล่า
ต่อไป ส่วนเริ่นเสี่ยวซู่เมินเขาไปแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าพวกตนลงทุนลงแรงจัดการศัตรูไปตั้งมาก คือ
เพื่อให้ทหารสมาคมตระกูลจงไม่มีรองเท้าใส่อย่างนั้นเหรอ
ที่จริงก็ฟังเป็นความคิดที่ไม่เลว แต่ปัญหาคือโรงงานทำ
รองเท้ามีเยอะมาก ของก็ไม่ได้ใช้ทักษะสูงในการสร้าง โรงงาน
บางแห่งถึงกับตั้งอยู่ในในป้อมปราการเลยด้วยซ้ำ
เจียวเสี่ยวเฉินแทรก “มีอย่างหนึ่งที่ถ้าสมาคมตระกูลจงไม่มีก็
ทำอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าสายส่งน้ำมันถูกตัดล่ะก็ พวกเขาจะสู้ไม่ได้อีก”“ซึ่งก็คือ” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม
“น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล! กองกำลังทหารราบยานเกราะของ
สมาคมตระกูลจงสร้างปัญหาให้กับเรามาก แต่ถ้าไม่มีน้ำมัน
กองกำลังทหารราบยานเกราะพวกเขาก็ไม่ต่างไปจากเศษเหล็ก”