the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 440 พวกขี้แพ้ชวนตี!
ในสงครามสมัยใหม่ ต้องใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลมหาศาล
ถ้าไม่มีน้ำมันพวกเครื่องกลอย่างรถถัง รถบรรทุก หรือรถออฟโรดก็
ใช้การไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำมันแล้วต้องใช้งานขึ้นมา กองพลน้อย
ยานเกราะคงต้องเข็นยานเกราะตัวเองเข้าสนามรบแทน
ดังนั้นพอมีข้อเสนอแนะนี้ขึ้นมา ทุกคนก็ตาทอประกายทันที
เจียวเสี่ยวเฉินว่า “ฉันว่าตอนนี้สมาคมตระกูลจงคงจับตามองเรา
แล้ว จะโจมตีป้อมปราการ 144 คงไม่ง่าย แต่ว่ากองกำลังเรา
โยกย้ายเคลื่อนพลรวดเร็ว จะไปสู้รบไหนก็ได้ง่าย”
จางเสียวหม่านเหมือนเห็นสุดปลายของสงครามแล้ว “ใช่เลย
ถ้าพวกเราจัดหนักใส่กองกำลังทหารราบยานเกราะของสมาคม
ตระกูลจงได้ล่ะแล้วถ้าตาแก่เวรผู้บัญชาการกองพันจางไม่ให้รางวัล
ซิงอวิ๋นเรา ฉันจะไปประท้วง!”ทุกคนหันมาไปมองจางเสียวหม่านผยองโดยไม่เอ่ยอะไร จาง
เสียวหม่านเกาแก้มอย่างเขินๆ และกระแอมพูด “โทษที ได้ใจไปนิด”
ในกองร้อยเจียนเตา จางเสียวหม่านก็เป็นแค่อันธพาลคนหนึ่ง
เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “เรื่องตัดสายส่งน้ำมันนี่ค่อยว่ากัน ตอนนี้ไหนๆ
พวกเราก็จะออกไปจากพื้นที่นี้แล้ว ก็คงต้องพกของกินไปด้วย ไม่รู้
ว่าขึ้นเหนือไปอีกจะหาอาหารยากง่ายขนาดไหน แต่ถ้าเจอ
โรงกลั่นน้ำมันเมื่อไร ก็ทำลายให้หมด”
แผนการนี้เริ่มต้นใช้ทันที วันต่อมากองร้อยเจียนเตาก็
ออกเดินทางกัน เพราะเริ่นเสี่ยวซู่เผยพลังรถจักรไอน้ำของตน
มาแล้ว ก็ไม่จำ เป็นต้องเก็บงำ อะไรอีก
ในสงครามครั้งนี้ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่มัวแต่จะคิดเก็บความลับ
มากมายอะไรอีก กลับกัน เขาพยายามคิดว่าวิธีที่สามารถใช้พลัง
ตัวเองได้อย่างมีศักยภาพที่สุด จะได้ล้างแค้นได้อย่างใจอยาก
ตอนเช้า กองร้อยเจียนเตาก็ขึ้นรถจักรไอน้ำก่อนจะเตรียมการ
จะลอบจู่โจมขบวนขนส่งเสบียง ระหว่างที่รออยู่ก็เบื่อแทบตาย แต่
ขณะรอๆ อยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงกระหึมดังมาเสียงกระหึมดังนี้ฟังเหมือนยานเกราะกำลังเคลื่อนตัวบดพื้น
เริ่นเสี่ยวซู่ถาม “เสียงอะไรล่ะนั่น”
“เชี่ย มีรถถังเคลื่อนตัวมาหาเรา!” จางเสียวหม่านตระหนก
เขาหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูกองกำลังที่โผล่พ้นขอบฟ้ามา
“กองกำลังทหารราบยานเกราะโผล่มาทำอะไรที่นี่ ไม่ใช่ว่าพวกเขา
ต้องอยู่สู้ศึกที่เขาอู่ชวนเหรอ ข่าวกรองเรามันช้าเกินไปแล้วหรือยังไง
สถานการณ์แนวหน้าเป็นยังไงบ้างแล้วเนี่ย”
ฟู่หราวพึมพำ “พวกเราแพ้แล้วงั้นเหรอ”
กองร้อยเจียนเตาเงียบไปพักหนึ่ง สรุปความไปแบบนั้นก็ไม่ผิด
เลย เพราะถ้าสงครามยังไม่จบ กองพลน้อยยานเกราะคงไม่โผล่
มาแนวหลังได้หรอก
แต่ดูๆ ไป กองพลน้อยยานเกราะนี้ยังดูเต็มกำลังพลอยู่เลย
“ไม่มีทาง” จางเสียวหม่านยืนกราน “ต่อให้สมาคมตระกูลจง
จะแข็งแกร่งมาก ป้อมปราการ 178 เราก็ยังมีกำลังพลอีกมาก
พวกเราแพ้เร็วขนาดนี้ได้ยังไง กองกำลังทหารราบยานเกราะพวกนี้
ต้องเพื่อเราโดยเฉพาะแหง”พรวด! เริ่นเสี่ยวซู่ที่กำลังดื่มน้ำจากกระติกพ่นน้ำออกมาใส่จาง
เสียวหม่าน
จางเสียวหม่านเช็ดหน้าตัวเองอย่างไม่พอใจ “อะไร”
“กองพลน้อยยานเกราะทั้งกองพลน้อยมาสู้กับกองร้อย
ทหารราบแบบเราน่ะนะ” เริ่นเสี่ยวซู่ตะลึงตาโพลง แต่ก็ไม่ยัง
ไม่เข้าใจว่าทำไมกองพลน้อยยานเกราะถึงโผล่มาที่นี่ได้ “สมาคม
ตระกูลจงเสียสติไปแล้วเหรอ”
กองร้อยเจียนเตาพวกเขาแค่กำจัดกองร้อยพวกเขาไปไม่กี่
กองร้อย ขบวนรถอีกนิดหน่อย นายทหารระดับล่างบ้าง บวกกับ
ปล่อยให้กองพันลาดตระเวนชวดพวกตนหลังตามล่ามาสองวันเอง
เอาเหอะนะ ถึงพวกเราจะทำเกินไปนิด แต่ก็ไม่น่าขนาด
ส่งกองกำลังยานเกราะมาทั้งกองพลน้อยมาล่าเรานี่! ต้องเอาขนาด
นั้น
เลยเหรอ หา? เป็นพวกขี้แพ้ชวนตีเหรอไง!
“พวกเราเอาไงต่อดี” จางเสียวหม่านหันไปมองเริ่นเสี่ยวซู่
“ถ้าพวกเขามาล่าเราจริงๆ เราจะอยู่สู้ต่อเพื่อ” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า รู้
ไหมว่ารถถังยิงรถจักรไอน้ำเขาแล้วมันเจ็บขนาดไหน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นได้หรือเปล่า
“ถอยโว้ย! ถ้ากองพลน้อยยานเกราะมาจัดการเราจริง แค่ล่อ
พวกเขาออกมาจากแนวหน้าได้ก็เป็นผลงานใหญ่แล้ว” จางเสียว
หม่านไม่ได้วิตกไม่แต่น้อย กลับกันเขายังตื่นเต้นอยู่หน่อยๆ “ขึ้น
เหนือไปโจมตีโรงกลั่นน้ำมันกัน!”
ศูนย์บัญชาการสมาคมตระกูลจงเพิ่งคิดแผนการรบขั้นต่อไป
ได้ ส่วนแผนเดิมก็ต้องปรับใหม่ นี่เป็นเพราะว่าจู่ๆ กองกำลัง
ป้อมปราการ 178 ก็โจมตีถล่มเขาอู่ชวนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้พวกเขา
ถูกกดดันหนักมาก
ทั้ง
สองฝั่งเคยยิงทดสอบความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แต่อยู่ๆ ก็
กลายเป็นดุเดือนจนเหมือนเป็นการรบครั้งสุดท้ายแล้ว
ป้อมปราการ 178 พยายามซื้อเวลาและพื้นที่ให้กับกองร้อย
เจียนเตา กันไม่สมาคมตระกูลจงส่งกำลังกลับไปจัดการพวกเขาใน
แนวหลังเพิ่ม
และป้อมปราการ 178 ก็ทำสำ เร็จแล้ว เพราะจงอิง
ผู้บัญชาการแนวหน้าโทรหาจงอู้วันละสามรอบ บอกให้เขาเคลื่อนกองพลน้อยยานเกราะกลับมาที่แนวหน้า แต่ว่าสุดท้ายจงอู้ก็ทำเมิน
จนทำให้จงอิงโมโหจนแทบคลั่ง!
มันน่าโมโหเกินไปแล้ว!
เขาล่ะอยากพูดนักว่าเดี๋ยวไอ้ทองที่เสียไปเขาจะชดเชยให้เอง
ดังนั้นรีบไสหัวพากองพลน้อยยานเกราะกลับมาที่แนวหน้าได้แล้ว!
ตอนนี้เหล่านายพลที่ศูนย์บัญชาการสมาคมตระกูลจงรู้กัน
หมดว่าจงอู้น่าจะออกจากสนามรบไปตามจับคนที่ขโมยทองเขา
นั่นแหละ ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็คือเขาจะลงเอยจะไปสร้างสมาคมของ
ตัวเองแล้ว อย่างไรตอนนี้จงอู้ก็มีกองทัพเป็นของตัวเอง และนั่นก็
เป็นสิ่งที่ทำให้เขาสามารถเอาตัวรอดในโลกอันวุ่นวายนี้ได้
แต่ว่ามีหรือที่สมาคมตระกูลจงจะปล่อยเขาไปง่ายๆ จงอิงให้ผู้
มีพลังพิเศษสองคนติดตามกองกำลังจงอู้ที่ไปล่ากองร้อยเจียนเตา
ด้วย แต่ว่าผู้มีพลังพิเศษสองคนนี้มีภารกิจอื่นเช่นกัน หลังจาก
เป้าหมายแรกสำ เร็จดีแล้ว พวกเขาก็จะลงมือสังหารจงอู้ทันที กัน
ไม่ให้เขาพากองพลน้อยยานเกราะออกจากสมาคมไปพร้อมเขาอีกอย่างถ้าจงอู้ไม่ตาย ต่อไปจงอิงจะสร้างอำนาจตัวเอง
อย่างไร เขาจะไปให้คำตอบผู้อาวุโสในสภาบริหารอย่างไร
“จงอู้ไม่กลับมาเขาอู้ชวนเป็นเรื่องแน่นอนแล้ว พวกเราต้องคิด
แผนอื่น” จงอิงพูดด้วยสีหน้าอึมครึม
แต่ทันใดนั้นเองทหารเสนาธิการก็เข้ามารายงาน “จู่ๆ วันเดียว
กองกำลังป้อมปราการ 178 ที่แนวหลังก็ทำลายโรงกลั่นน้ำมันเราไป
สามโรง!”
จงอิงผวาตัวออกมาจากที่นั่ง “พวกเขาทำลายอะไรนะ!”
“โรงกลั่นน้ำมันของเราครับ แต่ผู้บัญชาการวางใจ ที่ถูกทำลาย
เป็นแค่โรงกลั่นน้ำมันสำ หรับทำอาหาร” ทหารเสนาธิการรีบอธิบาย
จงอิงถอนหายใจโล่งอก “กองกำลังป้อมปราการ 178 พวกนั้น
ทำลายโรงกลั่นทำไมวะ พวกเราจะได้ไม่มีน้ำมันทำอาหาร? หรือว่า
พวกเขามีความตั้งใจอื่น”
นายพลนายหนึ่งชะงักไป ก่อนจะถามว่า “หรือเขาพยายาม
ทำลายโรงกลั่นน้ำมันดิบของพวกเรา แต่ว่าระเบิดผิดที่?”“เป็นไปไม่ได้” จงอิงปฏิเสธเสียงเย็น “กองกำลังชั้นยอดจะทำ
พลาดแบบมือใหม่แบบนี้เหรอ พวกเขาต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่
ส่งคำสั่งลงไป ศึกษาความเชื่อมต่อของโรงกลั่นที่ถูกทำลายไป!”
นายพลคนหนึ่งถาม “แล้วถ้าพวกเขาตั้งใจจะทำลายโรงกลั่น
น้ำมันดิบเราจริงๆ ล่ะ”
จงอิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “บอกให้พวกโรงกลั่นน้ำมันดิบระวังภัย
เต็มอัตรา! ให้พวกทหารรักษาการณ์เตรียมพร้อมรับมือศัตรู!”
โรงกลั่นน้ำมันดิบพวกเขามีกองกำลังรักษาการณ์คอยป้องกัน
อยู่ พวกเริ่นเสี่ยวซู่รู้ว่าน้ำมันสำ คัญเพียงไรในช่วงสงคราม มีหรือที่
สมาคมตระกูลจงจะไม่รู้
ขณะเดียวกันนี้ เจียวเสี่ยวเฉินก็กำลังบ่นจางเสียวหม่านอยู่บน
รถไฟ “ผู้บังคับกองร้อย ถ้ารอบหน้าพวกเขายังหาเป้าหมายที่
ถูกต้องไม่ได้อีก พวกเรายอมแพ้กันเลยไหม สมาคมตระกูลจงต้อง
ตั้ง
การป้องกันโรงกลั่นพวกนั้นล่วงหน้าแล้วแหง”
จางเสียวหม่านตะโกนสุดเสียง “แล้วฉันผิดเหรอ หืม ตอนเรา
ถามพวกผู้อพยพว่าโรงกลั่นน้ำมันอยู่ตรงไหน พวกเขาก็ตั้งใจตอบสุดๆ ตอนนั้นไม่เห็นมีใครสักหัวแคลงใจอะไรเลย แล้วไหงตอนนี้
มาโทษฉันล่ะเฟ้ย!”
“พวกเราไม่ได้โทษอะไรเลยนะ…”
เริ่นเสี่ยวซู่ฟังเสียงโหวกเหวกแล้วก็ปวดหัวตุบๆ