the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 443 บุกป้อมปราการ 144!
กองร้อยเจียนเตาอยู่ในพื้นที่ของสมาคมตระกูลจงมาพักใหญ่
แล้ว แม้จะชนะได้หลายการรบ แต่เพราะขาดข้อมูลข่าวสาร
จึงเหมือนแมลงวันไม่มีหัวที่บินไปมามั่วซั่ว
กองร้อยเจียนเตาบนสนามรบตามืดบอดขนาดไหนกัน คือ
ส่วนใหญ่รู้นะว่าชนะ แต่ไม่รู้ชนะใครไป!
แต่ว่าจู่ๆ พวกเขาก็จับตัวรองผู้บัญชาการกรมที่ 1237 ได้
กองร้อยเจียนเตาจึงพลันบรรลุรู้แจ้งแล้วว่าพวกตนทำอะไรลงไปบ้าง
เรื่องที่เริ่นเสี่ยวซู่กังวลสุดตอนนี้คือทำไมกองพลน้อย
ยานเกราะนั่นถึงตามพวกเขาทันอยู่เรื่อย และก็ได้ทราบเหตุผลจาก
ปากของรองผู้บัญชาการกรมผู้นี้แล้ว “ก็คือมันมีคนที่สามารถ
ตามหาผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ ได้จริงสินะ แถมถึงกับเกณฑ์ผู้มีพลัง
พิเศษให้เข้าร่วมไม่น้อยแล้วด้วย นายบอกว่าเขาสัมผัสถึงตัวตนผู้
มีพลังพิเศษที่อยู่ในระยะหนึ่งร้อยกิโลเมตรได้เหรอ”“ใช่แล้ว เขาเคยถูกพาตัวมาหาผู้มีพลังพิเศษที่อยู่อาศัยใน
ป้อมปราการ 144 ฉันก็เพิ่งรู้ว่ามีคนแบบนั้นด้วยตอนนั้นแหละ”
รองผู้บัญชาการกรมนั่งบนพื้นอย่างสงบเสงียมรอรับการ
สอบปากคำโดยดี ฟู่หราวที่อยู่ด้านข้างถาม “พวกเรา
ฆ่าผู้บัญชาการกรมไปสามคนจริงอะ”
“ใช่แล้ว หลี่หมิงลี่ จงจิง จงหาน ในสามคนนี้ จงหานเคยเป็น
ผู้บัญชาการกองพลน้อยที่แม่น้ำเป่ยวาน…”
ฟู่หราวมีความสุขสุดๆ ยึดจากคำที่รองผู้บัญชาการกรมผู้นี้บอ
กว่า หมายความว่ากองร้อยเจียนเตาทำผลงานใหญ่ได้จริงๆ แล้ว!
เหรียญซิงเฉินมูลค่าห้าหมื่นหยวนตกมาอยู่ในกระเป๋าเป็นการ
แน่นอนแล้ว!
รอบนี้แหละ ในที่สุดเขาเขาก็จะล้างหนี้ค่ารักษาพยาบาลของ
แม่ตัวเองได้แล้ว
ส่วนจางเสียวหม่านหัวเราะเหอๆ ระหว่างมองไปที่รอง
ผู้บัญชาการกรม “ถ้าพวกเราไม่เจอนาย ฉันก็ไม่คงไม่รู้เลยว่าตัวเอง
มันเจ๋งขนาดไหน!”เจียวเสี่ยวเฉินที่อยู่ข้างเขาพูด “เกี่ยวอะไรกับนายด้วย ต้อง
ขอบคุณเริ่นเสี่ยวซู่ทั้งนั้นไหม”
จางเสียวหม่านมองเจียวเสี่ยวเฉินตาขวาง “ถึงว่าทำไมช่วงนี้
เหลี่ยมกรามมันคมจัง ไปฝึกฝีปากมางั้นสิ”
เจียวเสี่ยวเฉินหมดคำจะพูด พูดอะไรอยู่เนี่ย!
ส่วนรองผู้บัญชาการกรมตอนนี้กำลังปิดปากสนิท กลัวไปทำ
เจ้าพวกเดนตายพวกนี้โมโหเอา
“ทางเบื้องบนนึกว่ามีพวกนายแทรกเข้ามาแนวหลังเยอะมาก”
รองผู้บัญชาการกรมอธิบายอย่างระมัดระวัง “แต่หลังหนีมาแล้ว ฉัน
ก็ไม่รู้เรื่องกองพลน้อยจริงๆ”
“แล้วตอนนี้ป้อมปราการ 144 เป็นไงบ้างแล้ว สถานการณ์กรม
ทหารที่ 1237 ของนายเป็นยังไง”
“ก่อนฉันจะหนี ทหารในกรมที่ 1237 กำลังอยู่ในความสับสน
อลหม่าน” รองผู้บัญชาการกรมผู้เสียงค่อย “เดิมทีป้อมปราการ 144
ก็มีทหารรักษาการณ์ไม่มากอยู่แล้ว ให้หลังกว่าครึ่งก็ยังถูกพวกนาย
จัดการไปอีก หลังหนีแล้วเป็นไงต่อฉันไม่แน่ใจ แต่เดาว่าตอนนี้คงไม่มีใครอยู่ป้อมปราการ 144 คอยดูแลพวกทหารแล้ว ส่วนนายทหาร
ของกรมที่ 1237 ส่วนใหญ่ก็แบ่งพรรคแบ่งพวกกัน ไม่ได้สนิทกันนัก”
“ฉันรู้แล้วว่าพวกเราควรเอาไงต่อ” เริ่นเสี่ยวซู่อุทาน
บ่ายวันนั้นกองร้อยเจียนเตาพารองผู้บัญชาการกรมผู้
หม่นหมองเดินทางกลับไปป้อมปราการ 144
ตอนนี้กองพลน้อยยานเกราะยังตามรอยพวกเขาไปทางเหนือ
อยู่ แต่ว่าระยะแกะรอยของผู้มีพลังพิเศษผู้นั้นอยู่แค่หนึ่งร้อย
กิโลเมตรเท่านั้น รถจักรไอน้ำสลัดพวกเขาด้วยการทิ้งระยะห่างไป
นานแล้ว
กองพลน้อยยานเกราะอาจจะฟังแล้วดูเป็นกองกำลังที่น่ากลัว
มาก แต่ว่าความเร็วขับเคลื่อนของรถถังกับรถหุ้มเกราะในแดน
รกร้างนั้นไม่เกินหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง รถถังส่วนใหญ่ในยุค
สมัยนี้ ในพื้นราบเองก็ทำความเร็วได้มากสุดแปดสิบกิโลเมตรต่อ
ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยความเร็วเช่นนี้ จะไปตามทันกองร้อยเจียนเตาได้
อย่างไรดังนั้นตอนนี้กองร้อยเจียนเตาจึงแข่งความเร็วกับกองพลน้อย
ยานเกราะอยู่! อยากจะไล่ล่าฆ่าพวกฉันมากสินะ งั้นก็ไล่ล่าให้สนุก
นะ! โชคดีเฟ้ย!
พอรถจักรไอน้ำมาถึงประตูป้อมปราการ 144 มันไม่ใยดีอะไร
กับห่ากระสุนปืนกลจากทหารรักษาการณ์เหนือกำแพงเลย พวก
ทหารยังปรับมุมยิงปืนระยะประชิดไม่เสร็จ รถจักรไอน้ำก็พุ่งชน
ประตูป้อมปราการไปแล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง แต่เพียงมองไปทางรอง
ผู้บัญชาการกรมอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพูด “ยุ้งฉางอยู่ทางไหน”
รองผู้บัญชาการกรมพูดอึ้งๆ อึนๆ “ทางตะวันออก…”
ตอนที่เขาเลือกจะหนีนั้น ไม่อยากรับตำแหน่งผู้บัญชาการกรม
ไม่ใช่แค่เหตุผลเดียว อีกเหตุผลคือเขากลับว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็น
สายลับและถูกคุมตัวไปนี่แหละ อย่างไรก็มีผู้บัญชาการกรม
สามคนตายไประหว่างเขาดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการกรม
ส่วนศัตรูก็เหมือนจะรู้หมดว่าผู้บัญชาการกรมจะโผล่ไปตรงไหนเช่นนั้นผู้เป็นรองผู้บัญชาการกรมจะกล้าพูดเหรอว่าไม่เกี่ยวอะไรกับ
ตนเลย! เส้นสายร่องรอยมันชัดแจ่มแจ้งขนาดนี้น่ะนะ!
พวกเขาอาจจะยังไม่กล้าแตะต้องตัวรองผู้บัญชาการกรม
เพราะยังอยู่ในช่วงสงครามอยู่ แต่พอสงครามจบ เขาย่อมต้องถูก
คิดบัญชีแน่
รองผู้บัญชาการกรมรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่สายลับอะไรทั้งนั้น แต่
สายตาเริ่นเสี่ยวซู่เมื่อครู่เหมือนกับสื่อว่า เอ็ง คือ สายลับ แล้ว!
เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงนุ่มกับรองผู้บัญชาการกรม “ตอนนี้นายคือ
สมาชิกอย่างไม่เป็นทางการของกองร้อยเจียนเตาเรา ปฏิบัติหน้าที่
ให้ดี ทำประโยชน์และนำเกียรติยศมาสู่ป้อมปราการเรา!”
รองผู้บัญชาการกรมขมขื่นในทรวง เขากำลังจะถามเลยว่าหลัง
ยุ้งฉางป้อมปราการ 144 ถูกทำลายแล้วจะปล่อยตนไปไหม ทว่าพอ
เห็นปืนเริ่นเสี่ยวซู่ชี้มาทางมาขนาดนี้ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็
เถอะนะ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว
คนผู้นี้คุยด้วยเหตุผลได้ด้วยเหรอ!ก็อย่างที่รองผู้บัญชาการกรมว่า ป้อมปราการ 144 ตอนนี้
ไม่ต่างไปจากเสือกระดาษ ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรอย่างที่กองร้อยเจียน
เตาจินตนาการไว้เลย กองกำลังรักษาการณ์ป้อมปราการเองก็
ไม่อาจจัดขบวนป้องกันดีๆ ได้ด้วยซ้ำ
รถจักรไอน้ำยังคงเคลื่อนตัวไปทางยุ้งฉางที่อยู่ทางตะวันออก
ของป้อมปราการต่อ โกดังที่นั่นกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างมาก ผล
เก็บเกี่ยวจากนิคมเกษตรกรรมโดยรอบตลอดห้าปีล้วนรวมนำมา
เก็บไว้ที่นี่
ที่หน้ายุ้งฉางมีป้อมยานติดอาวุธหนักไว้ รอบๆ เป็นกำแพงสูง
มีลวดหนามขึง
แต่รถจักรไอน้ำของเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้เข้ายุ้งฉางผ่านประตูหลัก
แต่ว่าพุ่งชนกำแพงไปทั้งอย่างนั้นเลย “จางเสียวหม่าน!”
“ครับ!” จางเสียวหม่านตอบ
“พวกเราจะวางเพลิงยุ้งฉางจากบนรถไฟนี่ อย่าไปหาคิดสู้กับ
ใครเข้าใจไหม”“รับทราบครับ!” จางเสียวหม่านตอบอย่างตื่นเต้น แต่นี่ทำให้
ทหารคนอื่นๆ ในกองร้อยทำสีหน้าประหลาด ทำไมจู่ๆ จางเสียวหม่า
นก็ทำเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้าหน่วยภายใต้บังคับบัญชาของเริ่น
เสี่ยวซู่เฉยเลยล่ะ…
จางเสียวหม่านเวร! ปกติทำตัวเป็นคนคุณธรรมสูงส่ง ไม่นึกว่า
จะเริ่มก็เลียแข้งขาท่านว่าที่ผู้บัญชาการเริ่นเฉยเลย
กองร้อยเจียนเตาวางเพลิงไม่หยุดไม่หย่อน จะให้กองพลน้อย
ที่ 131 ที่อยู่ทางเหนือกลับมาช่วยก็ไม่ทันแล้ว กว่าพวกเขาจะมาช่วย
ทั้ง
ป้อมปราการ 144 อาจจะถูกล้างบางไปเรียบร้อย
หลังจากกองร้อยเจียนเตาบุกฝ่าป้อมปราการ 144 ก็มีคนเสนอ
ให้วางเพลิงบ้านเรือนเพิ่มความวุ่นวาย แต่จางเสียวหม่านปฏิเสธทิ้ง
อย่างหนักแน่น พูดว่าป้อมปราการ 178 ไม่ทำตัวเช่นนั้น
กองมังกรน้ำของป้อมปราการทำหน้าที่ดูแลบริการฉุกเฉิน
อย่างการดับเพลิง แต่พวกเขาจะดับไฟทันการวางเพลิงของกองร้อย
เจียนเตาได้อย่างไรส่วนทหารรักษาการณ์ของกรมที่ 1237 เห็นว่าสถานการณ์มัน
กู่ไม่กลับแล้ว ก็ตัดสินใจหยุดสู้แล้วหอบข้าวของหนีออกจาก
ป้อมปราการไป!
ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร แต่กรมที่ 1237 ต้อง
รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นถ้าไม่หนีตอนนี้ เมื่อสงครามจบชีวิต
พวกเขาก็ไม่ใคร่จะดีนักหรอก ทุกคนรู้ดีว่าสมาคมตระกูลจงจัดการ
เรื่องราวพวกนี้ได้อำมหิตเพียงไร!
ระหว่างที่พวกทหารกำลังหนีกันอยู่นั้น ถึงกับมีคนโพล่งขึ้นมา
“เหมือนฉันเห็นรองผู้บัญชาการกรมบนรถไฟนั่นเลยแฮะ”
ผู้บังคับกองร้อยที่สามพูดอย่างดุร้าย “ฉันบอกตั้งนานแล้วว่า
เขาน่าจะเป็นสายลับ แต่ตอนนั้นพวกนายไม่เชื่อฉันสักคน!”