the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 444 แผนการของสมาคมตระกูลจง
“ทำไมฉันรู้สึกว่าโจมตีป้อมปราการ 144 มันง่ายจัง” เริ่นเสี่ยว
ซู่ถามอย่างไม่เข้าใจนัก “มีอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า พวกเราอย่า
ประมาทไป”
ยุ้งฉางกว่าครึ่งถูกเผาทำลายไปแล้ว ส่วนกองพลน้อย
ยานเกราะกำลังเดินทางกลับมาจากทางเหนือ แต่กว่ากองพลน้อย
ยานเกราะจะกลับมาถึงป้อมปราการ กองร้อยเจียนเตาก็คงหนีไป
ไกลแล้ว
กองร้อยเจียนเตาแทบไม่เจอการต่อต้านจากทางป้อมปราการ
เลย ถึงในป้อมปราการจะวุ่นวายไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะ
เหล่าผู้คนกำลังตื่นตระหนก รองผู้บัญชาการกรมที่อยู่ด้านข้างได้ยิน
เช่นนี้ก็พูดอะไรไม่ออก นี่เหรอเรียกว่าง่ายน่ะ นายฆ่าผู้บัญชาการ
กรมไปสามคนแล้วนะ ส่วนฉันที่เป็นรองผู้บัญชาการก็ตกมาอยู่ในมือนายเนี่ย ที่บอกว่าง่ายนี่มันหมายความว่ายังไง มนุษย์มนา
ธรรมดาเขาพูดกันแบบนี้เหรอ
เพราะยุ้งฉางถูกเผาทิ้งไปแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่จึงพบว่าที่จริงหนึ่งใน
สามของโกดังนั้นว่างเปล่า เขาถามรองผู้บัญชาการกรมว่า “พวก
ธัญพืชถูกส่งไปที่แนวหน้าหมดแล้วเหรอ”
“เปล่า” รองผู้บัญชาการกรมว่า “ส่วนใหญ่เหล่านายพล
ใช้ตัวตนต่างๆ ซื้อไป”
“จะทำสงครามพวกเขาต้องซื้ออาหารตัวเองด้วยเหรอ” เริ่น
เสี่ยวซู่นิ่งไป
“ไม่ใช่ พวกเขาคิดจะขายธัญพืชพวกนี้ให้กับชาวป้อมปราการ
ในราคาสูงขึ้นเมื่อสงครามเริ่ม ทางเบื้องบนไม่ทราบเรื่องนี้ พวก
นายพลบอกว่าให้ขายธัญพืชให้พวกเขาก่อน พอราคาลงแล้วเดี๋ยว
เอาของมาเติมใส่คลังทีหลัง ไม่มีใครรู้เรื่องนี้หรอก อย่างไรแผนการ
เดิมก็ไม่ได้ใช้อาหารมากมายอะไรอยู่แล้ว” รองผู้บัญชาการกรมว่า
“อย่างน้อยก็ไม่ได้ใช้จนหมดน่ะนะ”ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าครั้งนี้เริ่นเสี่ยวสู่จะช่วยเหล่านายพลสมาคม
ตระกูลจงปกปิดเรื่องการลอบขโมยธัญพืชสำ รองอย่างไม่ได้ตั้งใจ
พอทุกอย่างถูกเผาไปหมดแล้ว ย่อมไม่มีใครรู้ว่าธัญพืชหนึ่งในสาม
มันหายไป
ถึงการโจมตียุ้งฉางครั้งนี้จะสร้างผลกระทบให้กับสงครามมาก
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี แค่นี้ไม่อาจนับว่าโจมตีจุดตายของ
สมาคมตระกูลจง ธัญพืชสำ รองถูกกระจายไปแล้ว สมาคมตระกูล
จงย่อมมีวิธีเอาธัญพืชที่หายไปพวกนั้นกลับมา
…
ตอนนี้เหล่านายพลที่สมาคมตระกูลจงทุกคนดูสงบนิ่งมาก
จงอิงพลันกระแทกปากกาหมึกซึมลงกับโต๊ะ “จงอู้แม่*เป็นบ้าอะไร
วะ พวกเราปล่อยให้เขาพากองพลน้อยที่ 131 ไปล่าศัตรู ถึงกับส่งผู้
มีพลังพิเศษสองคนไปช่วยเขาด้วยซ้ำ แล้วเขาปล่อยให้ศัตรู
มาวางเพลิงในป้อมปราการ 144 ต่อหน้าต่อตาได้ยังไง และไอ้พวก
ทหารรักษาการณ์ป้อมปราการ 144 มันทำอะไรอยู่ ป้องกันดีๆไม่เป็นหรือยังไง ทำไมถึงปล่อยให้ศัตรูเผายุ้งฉางไปอย่างนั้นเลยได้!”
จงอิงระเบิดลง “ฉันอยากให้สั่งประหารผู้บัญชาการกรม…”
จงอิงยังพูดไม่ทันจบก็นึกได้ว่ากรมที่ 1237 ยังไม่มีผู้บัญชาการ
เป็นของตัวเองเลย ขนาดตัวรองผู้บัญชาการกรมก็หนีไปแล้วด้วย
เขาไม่มีคนไว้ให้ระบายความโมโหใส่ด้วยซ้ำ !
นายพลผู้หนึ่งว่า “ผู้บัญชาการ ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว
พวกเราต้องหามาตรการตอบโต้ได้แล้ว”
“รวบรวมธัญพืชตามป้อมปราการต่างๆ รวมถึงที่พวกนาย
มีด้วย คายออกมาซะ เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของสมาคม
เพราะงั้นเลิกวางแผนเห็นแก่ตัวยิบย่อยนั่นได้แล้ว! คิดเหรอว่าฉัน
ไม่รู้ว่าพวกนายทำอะไรไปบ้างน่ะ” จงอิงแค่นเสียง
เขาคิดจะรวบรวมธัญพืชสำ รองของทั้งสมาคมตระกูลจงแล้ว
ส่งไปให้แนวหน้า ซึ่งรวมไปถึงธัญพืชที่จะเอามาจากผู้อยู่อาศัยใน
ป้อมปราการต่างๆ ด้วย
ทั้ง
ยังมีธัญพืชในครอบครองของพวกนายพลอีกตอนพวกเขาได้ยินว่าสงครามใกล้เปิดฉากแล้ว นายพลหลาย
นายก็เริ่มซื้อธัญพืชมากักตุน เพราะรู้ว่าเมื่อสงครามเริ่มแล้วราคา
อาหารจะสูงขึ้น
ธัญพืชครึ่งกิโลกรัมราคาราวๆ หยวนเดียวเท่านั้น คนส่วนใหญ่
นึกภาพไม่ออกหรอกว่าของแบบนี้จะไปทำกำไรอะไรได้ แต่ในช่วง
สงครามนั้น ราคาข้าวอาจจะขึ้นไปห้าหยวนหรือกระทั้งสิบหยวนเลย
ก็ได้
ตอนนั้นชาวป้อมปราการย่อมไม่อยากหิวตายอยู่แล้ว ดังนั้นมี
เงินมากเท่าไร ก็จะตกไปอยู่ในมือนายพลผู้กักตุนธัญพืชไว้มาก
เท่านั้น
กำไรสิบเท่าใครเล่าจะไม่อยากได้ พวกเขาจะปล้นเงินมาจาก
ชาวป้อมปราการเสีย!
ทันใดนั้นนายพลผู้หนึ่งก็ว่า “พวกเราจะเอายังไงดีกับทหาร
ป้อมปราการ 178 พวกเราปล่อยให้พวกเขาสร้างปัญหาในแนวหลัง
เราไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”จงอิงเองก็รู้สึกหมดหนทางกับเรื่องนี้มากเช่นเดียวกัน เขาเอง
ก็รู้ว่าถ้ายังปล่อยให้กองร้อยเจียนเตาสร้างปัญหาตามใจแบบนี้ต่อ
เขาคงไม่มีเวลามาคิดเรื่องการสู้รบ
เขาตอนนี้เขารู้แล้วว่ากองร้อยเจียนเตาเก่งกาจเพียงไร และก็
รู้สึกว่าตนเองทำอะไรพวกเขาแทบไม่ได้เลย
สงครามสายฟ้าแลบคือการรวมแสนยานุภาพของเครื่องบินรบ
รถถัง ปืนใหญ่ กองทหารราบยานเกราะ และกองกำลังติดอาวุธอื่นๆ
โถมบุกผ่านการป้องกันศัตรูอย่างรวดเร็ว ทำให้กองกำลังสามารถ
บุกฝ่ายุทธวิถีทั้งหลายเข้าล้อมศัตรูจนนำไปสู่การกำจัดกำลังอีกฝ่าย
ในที่สุด
ทว่าปัจจุบันนี้มันไม่มีเครื่องบนรบแล้ว จึงได้แต่ใช้รถถังดำเนิน
ยุทธวิธีนี้
ถ้ารถถังที่เคลื่อนตัวได้หกสิบกิโลเมตรบนสนามเรียกว่า
สงครามสายฟ้าแลบ เช่นนั้นศัตรูที่เดินทางได้ร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อ
ชั่วโมงจะเรียกว่าอะไรเอาความเร็วรถถังไปเทียบกับรถจักรไอน้ำแล้ว มันก็ไม่ต่างไป
จากรถไถนาหรอก จะเอาอะไรไปไล่ตามทัน!
“พวกเราจะแผนสำ รองล่วงหน้า” จงอิงพูดเสียงเย็น
“ถ้าป้อมปราการ 178 คิดว่าจะชนะสงครามได้แบบนี้ ก็ดูถูกสมาคม
ตระกูลจงเกินไปแล้ว! ฉันจะล้างบางพวกป้อมปราการ 178 ซะ!”
ในคืนนั้น สะพานแพหลายแห่งยังคนลอยอยู่บนคลื่นน้ำเชี่ยว
ของแม่น้ำเฮยสือ นี่เป็นสายส่งกำลังที่ป้อมปราการ 178 ใช้สำ หรับ
เคลื่อนพลไปแนวหน้า ทั้งยังเป็นสายเส้นชีวิตด้วย ดังนั้นโครงสร้าง
พวกนี้ต้องสร้างให้แข็งแรงมาก ทุกวันกองพันทหารช่างจะเข้ามา
ทำหน้าที่ซ่อมบำรุง
ในคืนมืดสนิทมีสปีดโบตร้อยกว่าลำขับมาทางสะพานแพบน
แม่น้ำเฮยสืออย่างบ้าคลั่ง ตอนแรกสปีดโบตเหล่านี้มีทหารพายเรือ
เข้ามา แบบนี้ก็จะสามาถเข้าใกล้สะพายในระยะสิบกิโลเมตรได้
อย่างเงียบงัน
พอเข้ามาใกล้สะพายแพในระยะสิบกิโลเมตรแล้ว เครื่องยนต์
ของสปีดโบตก็คำรามก่อนจะพุ่งทะยานออก และบนเรือเหล่านี้ล้วนมีระเบิดทีเอ็นทีจำ นวนมากด้วย!
กว่าทหารป้องกันใกล้แม่น้ำเฮยสือจะสังเกตเห็นก็ไม่ทันการณ์
แล้ว พวกเขายิงปืนกลหนักขัดขวางตัวเรือ แต่ว่ามันมีหลายลำเกินไป
แถมศัตรูดูพร้อมสู้จะถึงที่สุดจนถึงขั้นพร้อมจะสละชีวิตตัวเองด้วย
เสียงระเบิดดังไปทั่ว ก่อนที่สปีดโบตจะกระแทกเข้ากับสะพาน
แพนั้น ทหารสมาคมตระกูลจงบนเรือก็กดจุดระเบิดทีเอ็นที
พริบตาที่ระเบิดถูกจุดออก สะพานแพทุกแห่งก็หักครึ่งในพลัน
เพราะทหารสมาคมตระกูลจงกระทกใส่สะพานและกดจุด
ระเบิดอย่างบ้าคลั่ง สะพานที่ป้อมปราการ 178 ใช้ข้ามแม่น้ำ
จึงกลายเป็นเศษซากลอยตามกระแสน้ำไป
พริบตานั้นทหารป้อมปราการ 178 ก็แยกเป็นสองฝั่งแม่น้ำ
ทหารป้อมปราการในชายฝั่งทางเหนือไม่อาจถอยร่น สายส่งกำลัง
ถูกตัดขาด
เหล่าผู้บัญชาการบนชายฝั่งทางเหนือหันไปหาจางจิ่งหลิน
“ผู้บัญชาการ พวกเราจะเอายังไง ให้…”จางจิ่งหลินที่อยู่ทีฐานทัพขมวดคิ้วมุ่นระหว่างมองไปทาง
แม่น้ำที่กลายเป็นทะเลเพลิงไป “เตรียมตัวสู้หลังชนฝา!”
แต่แผนการของสมาคมตระกูลจงไม่จบแค่นั้น กองทหาร
ชั้นยอดของสมาคมตระกูลจงออกเดินทางจากพื้นที่อาลาส้านที่อยู่
เบื้องหลังจากนั้นก็แทงเข้าไปในทะเลทรายโกบีดั่งมีดคม ก่อน
จะพุ่งตรงไปยังป้อมปราการ 178 ทางตะวันตกเฉียงเหนือ!