the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 445 ภาวะวิกฤต
ทางตะวันตกของพื้นที่อาลาส้านคือทะเลทรายโกบีอัน
กว้างใหญ่ ในยุคสมัยนี้ ถ้าไม่มีเหตุผลดีๆ ก็คงไม่มีทางเข้ามาใน
สถานที่ไกลปืนเที่ยงเช่นนี้
เมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกคนจะรู้ว่าระยะทางระหว่าง
ป้อมปราการ 178 และป้อมปราการ 146 ของสมาคมตระกูลจงจะไม่
ไกลกันนัก แต่ว่าน้อยนักที่จะคิดถึงเรื่องทะเลทราบโกบีในแผน
ถ้าคิดอยากให้หน่วยทหารผ่านที่นี่ไป คงเรียกได้ว่าฝันเฟื่อง
แต่สมาคมตระกูลจงวางแผนยึดครองป้อมปรากร 178
มาอย่างยาวนาน
พื้นที่ที่สมาคมตระกูลจงยึดครองนั้นมีทรัพยากรน้อยกว่าของ
ป้อมปราการ 178 สมาคมตระกูลชิ่ง และสมาคมตระกูลหยางมาก
ที่จริงระดับทรัพยากรพวกเขายังเทียบกับของสมาคมตระกูลหลี่ไม่ได้
ด้วยซ้ำดังนั้นการขยับขยายเพื่อหาทรัพยากรใหม่จึงเป็นเรื่องจำ เป็น
สำ หรับพวกเขา ต้องมีทรัพยากรจำ นวนมากเท่านั้น
ความทะเยอทะยานพวกเขาถึงเป็นจริงได้
แต่ทรัพยากรพวกนั้นมันอยู่ไหนล่ะ ก็อยู่ที่ป้อมปราการ 178
น่ะสิ!
ที่สำ คัญคืออาณาเขตของป้อมปราการ 178 ยืดยาวออกไป
จากแดนตะวันตกเฉียงเหนืออีก และดินแดนแห่งนั้นคือแหล่งแร่เก้า
สิบเปอร์เซ็นต์ที่พันธมิตรแห่งป้อมปราการใช้งานอยู่ ทั้งยังมี
ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ และแร่เหล็กอื่นๆ อีก
ที่สมาคมตระกูลจงมองนั้น ทรัพยากรพวกนี้อยู่ในมือพวก
เดนตายป้อมปราการ 178 ที่ไม่ยอมเอาไปใช้เสียทีก็ ซึ่งช่างเสียเปล่า
นัก
หลายปีก่อนหน้านี้สมาคมตระกูลจงลอบส่งกำลังลับ
เคลื่อนย้ายข้าวของไปยังทะเลทรายโกบี และตอนนี้พวกเขาก็สร้าง
ฐานปฏิบัติการหน้าขนาดใหญ่บนโอเอซิสน้อยแห่งหนึ่งกลาง
ทะเลทรายเรียบน้อยทุกอย่างทำไปก็เพื่อวันหนึ่งฐานปฏิบัติการแห่งนี้จะช่วย
กองกำลังดุร้ายเดินทางข้ามผ่านทะเลทรายโกบีไปพิฆาต
ป้อมปราการ 178
ที่จริงสมาคมตระกูลจงรู้อยู่แล้วว่าป้อมปราการ 178 กำลังจะ
โจมตีเขาอู่ชวนจากชายฝั่งใต้ของแม่น้ำเฮยซาน และพวกเขาก็รู้ว่า
เส้นทางลงใต้ของสมาคมตระกูลจงจะถูกตัดขาดถ้าป้อมปราการ
178 ระเบิดสะพานเป่ยวานทิ้งได้ แต่กระนั้นทุกอย่างก็ยังเป็นไปตาม
แผนการของสมาคมตระกูลจง เพราะว่าเช่นนี้ ป้อมปราการ 178 ก็
ไม่มีทางถอยแล้วเช่นกัน
จงอิงได้รับข่าวกรองเชื่อถือได้อย่างสูงมาพักใหญ่แล้ว
ปัจจุบันนี้ในป้อมปราการ 178 มีกำลังรักษาการณ์เพียงแค่
กองพลน้อยอิสระกองพลน้อยเดียวเท่านั้น ส่วนกำลังพลที่เหลือล้วน
ถูกส่งออกไปรบเต็มอัตรา
ผลคือตอนนี้ป้อมปราการ 178 แทบเหมือนไร้การป้องกัน เป็น
ดั่ง
เกาะเปลี่ยวร้างไร้ผู้ปกป้องตราบใดที่สมาคมตระกูลจงยึดครองป้อมปราการ 178 สำ เร็จ
ต่อให้จางจิ่งหลินและพรรคพวกจะซ่อมสะพานแพได้แล้ว พวกเขาก็
จะไม่มีมาตุภูมิให้กลับ เพราะยามนั้นจะไม่เหลือป้อมปราการใดให้
ปกป้องกันแล้ว
เมื่อเสบียงของทหารป้อมปราการ 178 ถูกตัดขาด สมาคม
ตระกูลจงก็จะสามารถบงการพวกเขาได้ตามใจ
ตามที่จงอิงคำนวณไว้ กองกำลังของเขาก็จะข้ามทะเลทรายโก
บีไปเข้าปะทะกับป้อมปราการ 178 ในอีกเจ็ดวัน!
จงอิงหรี่ตา ใจสงสัยว่าจางจิ่นหลินจะเดาแผนการตัวเองออก
หมดแล้วหรือเปล่า แต่เขาหวังว่าจางจิ่งหลินจะเดาออกแล้ว เพราะ
การทำลายสะพานแพที่แม่น้ำเฮยสือมันสื่อถึงแผนการของเขาชัด
ไม่น้อย แต่เดาได้แล้วอย่างไร ตอนนี้ไม่มีทางที่จางจิ่งหลินจะหยุด
การเข้ายึดครองป้อมปราการ 178 ของเขาได้แล้ว
ทหารถูกสังเวยเป็นตัวรับกระสุนเพื่อล่อจางจิ่งหลินมายัง
ชายฝั่งเหนือของแม่น้ำเฮยสือ และท้ายที่สุดเขาก็เป็นนักยุทธศาสตร์
ผู้ยอดเยี่ยมกว่าถึงจะมีบทละครเล็กๆ เกี่ยวกับกองร้อยเจียนเตา แต่นั่นก็ไม่ใช่
เรื่องใหญ่ให้กังวลอะไร ต่อให้กองร้อยนั่นจะเก่งกล้าสามารถมาก แต่
อย่างไรก็ไม่อาจส่งผลถึงภาพใหญ่ได้
ถึงยุ้งฉางจะถูกวางเพลิงไปแล้ว แต่ธัญพืชสำ รองของสมาคม
ตระกูลจงสามารถใช้อยู่ได้อีกหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนนี้ก็พอจะทำให้
ทหารป้อมปราการ 178 คุกเข่าต่อเขาได้แล้ว อย่างไรจางจิ่งหลินก็
ถูกตัดสายส่งเสบียงไปแล้วเช่นกันไม่ใช่หรือ
แค่นึกว่าตนเองจะสามารถชนะจางจิ่งหลินผู้นำทหารผู้เลื่องชื่อ
มานานได้ จงอิงก็รู้สึกปลื้มปริ่มยิ่งนัก
ด้วยตำแหน่งของเขา เพียงปรารถนาแต่มีแต่พลังและชัยชนะ
อันเป็นประวัติการณ์เท่านั้น
…
ขณะเดียวกันนี้ผู้บัญชาการกองพลยานเกราะหูซิ่งจือที่ยืนอยู่
ข้างจางจิ่งหลินก็หันมาถามว่า “ผู้บัญชาการจาง สมาคมตระกูล
จงตัดทางถอยของทัพหลักเราไปแล้ว พวกเขาต้องวางแผนอะไรอยู่
แน่ ขอให้ผู้บัญชาการคิดแผนรับมือ”จางจิ่งหลินหันมองหูซิ่งจือ “พวกเราต้องสู้หลังชนฝา ทุกคน
ถ้าอยากรอดไปจากที่นี่ พวกเราต้องยึดเขาอู่ชวนให้ไวที่สุด บอกให้
กองพันทหารช่างหลังเรารีบสร้างสะพานแพใหม่ ตรวจสอบดูด้วยว่า
ต้องใช้เวลากี่วัน!”
ทหารเสนาธิการชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะว่า “พวกเราถามไป
แล้วครับ กองพันทหารช่างที่ชายฝั่งใต้บอกว่าต้องใช้เวลาสิบวัน!
พวกเขาจะสร้างสะพานแพแบบง่ายๆ ที่สร้างเสร็จไวกว่าแทน แต่
ทหารราบยานเกราะใช้ข้ามแม่น้ำไม่ได้”
สิบวัน…
ต่อให้พวกเขาสร้างสะพานแพเสร็จได้ในสิบวัน พวกเขาก็ยัง
ต้องใช้เวลาอีกเจ็ดวันในการเคลื่อนพลกลับป้อมปราการ 178 แบบ
นั้น
มันจะก็สายเกินไปแล้ว!
ทันใดนั้นเองโจวอิงหลงก็วิ่งกลับมาจากแนวหน้า “ผู้บัญชาการ
! ผู้บัญชาการ! กองร้อยเจียนเตาติดต่อเข้ามา!”
ทุกคนตะลึง ไม่นึกเลยว่ากองร้อยเจียนเตาที่อยู่แนวหลังศัตรู
จะติดต่อกลับมาหาพวกตนได้กองร้อยเจียนเตาเพิ่งโจมตีป้อมปราการ 144 เสร็จ นอกจาก
จะทำลายยุ้งฉางของที่นั่นแล้ว พวกเขายังขโมยโทรศัพท์ดาวเทียม
มาจากในป้อมปราการด้วย เพราะอย่างนั้นพวกเขาถึงกลับมาติดต่อ
กับกองกำลังป้อมปราการ 178 ได้อีกครั้ง
จางจิ่งหลินรับโทรศัพท์ดาวเทียมมา ณ ปลายสายมีเสียงจาง
เสี่ยวหม่านพูดเสียงดังอย่างตื่นเต้น “ท่านผู้บัญชาการจาง? ท่าน
ใช่ไหมครับ”
“ใช่ นี่จางจิ่งหลินพูดสายอยู่” จางจิ่งหลินพูดเสียงนิ่ง
“พวกเราเผายุ้งฉางที่ป้อมปราการ 144 ไป กำจัดทหารศัตรูไป
เจ็ดแปดกองร้อย ถึงกับฆ่าผู้บัญชาการกรมที่ 1237 ของพวกเขาไป
สามนาย รองผู้บัญชาการกรมพวกเขาก็อยู่ในมือเราด้วย” จางเสียว
หม่านพูดอย่างลำพองใจ ราวกลัวว่าจางจิ่งหลินจะไม่ให้เหรียญ
ชิ่งอวิ๋นพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น จึงจัดการพูดถึงผลงานพวกตัวเอง
ในรวดเดียว
เหล่าผู้บังคับบัญชารอบจางจิ่งหลินนิ่งอึ้งไป พวกเขาไม่นึกเลย
ว่ากองร้อยเจียนเตาจะทำเป้าหมายสำ คัญๆ สำ เร็จได้มากขนาดนี้ถึงว่าทำไมสมาคมตระกูลจงต้องส่งทหารไปจัดการกับพวกเขาใน
แนวหลัง แบบนี้แม่*ยังเรียกว่าเป็นกองร้อยได้อีกเหรอ ขนาด
กองพลน้อยอิสระยังทำแบบพวกเขาไม่ได้เลยมั้ง
กองร้อยเจียนเตาจะเจ๋งเกินไปแล้ว!
แต่ว่าทุกคนไม่ได้ร้องยินดีเพราะตอนนี้สถานการณ์สงคราม
ไม่อาจเปลี่ยนไปเพราะเผายุ้งฉางทิ้งได้ ฆ่าผู้บัญชาการกรมไปหน่อย
หรือจัดการทหารไปหลายกองร้อย
จางจิ่งหลินยิ้มกล่าว “ทำได้ดีมาก แต่ก็อย่าประมาทล่ะ”
“ผู้บัญชาการวางใจ พวกเราไม่มีผู้เสียชีวิตเลย!”
เหล่าผู้บังคับบัญชาคนอื่นๆ กัดฟัน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า
กองร้อยเจียนเตาที่ทำอะไรไปตั้งเยอะจะไม่มีผู้เสียชีวิตสักกะคนเดีย
จางจิ่งหลินหัวเราะ สั่งการจางเสี่ยวหม่ายนิดหน่อยก่อนจะส่ง
โทรศัพท์ให้โจวอิงหลง ตลอดการโทรนี้พวกเขาไม่ได้พูดถึงเริ่นเสี่ยว
ซู่เลย แต่ทุกคนทราบดีว่าเริ่นเสี่ยวซู่ต้องมีส่วนร่วมใหญ่ในการรบแน่
โจวอิงหลงรับโทรศัพท์มาและกล่าวกับจางเสียวหม่าน “เอาล่ะ
พวกเรารู้แล้วว่าพวกนายทำได้ดี แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องผลงานพวกนาย ถอยไปยังที่ปลอดภัยก่อน ทางฝั่งนี้กำลังตกอยู่
ภาวะวิกฤต”
จางเสียวหม่านนิ่งไป “วิกฤต?”
โจวอิงหลงนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจพร้อมอธิบาย
สถานการณ์ปัจจุบันแบบรวดรัด ทหารกองร้อยเจียนเตาที่อยู่ด้าน
ข้างจางเสียวหม่านก็เงี่ยหูฟังอยู่เช่นกัน ทุกคนพลันรู้สึกหมดหนทาง
ไฉนจู่ๆ สถานการณ์พวกเขาก็กลับมาเป็นเสียเปรียบได้ล่ะ
แถมอีกไม่นานสมาคมตระกูลก็อาจจะยึดครองป้อมปราการ
178 ได้ด้วย? จางเสียวหม่านนึกไปถึงภรรยาตน ไหนจะสาวที่ฟู่หราว
ชอบอีก หรือว่าลู่เหยาในฝันของทุกคนล่ะ
จางเสียวหม่านพูดอย่างเป็นกังวล “ผู้บัญชาการกองพันวางใจ
ได้ ถ้าพวกเขาโจมตีป้อมปราการ 178 ได้ พวกเราก็โจมตี
ป้อมปราการ 146 ของพวกเขาได้เหมือนกัน ตอนนี้พวกตาแก่ใน
สภาบริหารของสมาคมตระกูลจงต่างอยู่ป้อมปราการ 146 กันหมด
ถ้าพวกเราฆ่าพวกเขาได้ ทั้งสมาคมตระกูลจงต้องตกอยู่ใน
ความโกลาหลแน่”โจวอิงหลงด่าขำๆ “พูดบ้าอะไรอยู่น่ะ ตอนนี้ป้อมปราการ 146
มีทหารเต็มกองพลน้อยรักษาการณ์อยู่ คิดเหรอว่าจะโจมตีง่าย
ขนาดนั้นน่ะ รีบไสหัวออกมาจากที่นั่นได้แล้ว! ฉันอยากให้พวกนาย
หนีกันไปทางที่ราบตอนกลาง…”
แต่เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกอีกเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นมา “คุณ
จางยังฟังอยู่หรือเปล่า ขอผมถามหน่อยว่าถ้าพวกทำลาย
ป้อมปราการ 146 ได้ มันจะช่วยอะไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ไหม”
จางจิ่งหลินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะว่า “ช่วย”
“ได้ งั้นผมจะไปโจมตีพวกเขา”
เหล่าผู้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ที่ฟังอยู่รู้สึกเสียงนี้ไม่ค่อยคุ้นหู
เท่าไรนัก แต่ก็ทราบว่าน่าจะเป็นเริ่นเสี่ยวซู่
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ผู้นี้จะอวดดีไปหน่อยไหม กองร้อยเจียนเตาจะไป
จัดการป้อมปราการ 146 ได้เหรอ
จางจิ่งหลินถอนหายใจและว่า “พวกเธอไม่มีทางทำลาย
ป้อมปราการ 146 ได้หรอก”“คุณจางยังจำ เรื่องที่คุยกับผมได้ไหม” เริ่นเสี่ยวซู่ถามเสียง
สงบนิ่ง “คุณจางบอกว่าถ้าคนรู้ว่าสถานการณ์มันยากเย็นเพียงไร
และยังทู่ซี้กระทำจนเสี่ยงให้ตัวเองบาดเจ็บ แบบนั้นมันเรียกว่าความ
โง่เขลา แต่คุณจางจำ ได้ไหมว่าผมตอบว่าอะไร”
จางจิ่งหลินนึกย้อนไปถึงคำที่เริ่นเสี่ยวซู่พูด ‘แล้วก็เรียกว่า
ความกล้าหาญด้วย’