the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 448 เคราะห์เลือดตกยางออก
หมอดูผู้นี้ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉันเป็นหมอดูนะ ถ้าให้ตี
ความฝัน ดูชะตาแต่งงาน หรือเรื่องในอนาคตเทือกๆ นั้นน่ะได้หมด
แต่ทำไมต้องถามปัญหาคณิตศาสตร์ด้วย นั่นมันวิทยาศาสตร์นะ
ส่วนฉันมันพวกฝึกวิชาคาถา ไม่เกี่ยวอะไรกันเลย”
เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะว่า “นายบอกว่านายตี
ความฝันได้สินะ”
“ใช่ๆ” หมอดูพยักหน้าหงึกหงัก “ตีความฝันได้ทุกรูปแบบเลย”
เริ่นเสี่ยวซู่เอ่ย “ฟังดีๆ นะ ฉันฝันว่าเกี่ยวกับปัญหาเรื่องฟังก์ชัน
กำลังสอง f(x)…”
หมอดู “???”
เอ็งฝันบ้าอะไรเนี่ย ไม่ต้องรู้วิธีแก้โจทย์ฟังก์ชันกำลังสอง คนก็
ทำนายดวงชะตาเป็นนะ! อะไรวะเนี่ย!เริ่นเสี่ยวซู่แค่นเสียง “เห็นไหม นายมันพวกสิบแปดมงกุฎจริงๆ
ด้วย”
แต่หมอดูก็พูดสวนขึ้นมา “ดูจากนรลักษณ์ ฉันก็มองออกมา
นายมีเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทประดั่งครอบครัวแต่ว่าไม่ใช่สายเลือด
เดียวกัน ฉันรู้ด้วยว่านายเคยผ่านจุดพลิกผันของชีวิตตอนอายุสิบ
เจ็ด และน้ำเป็นต้นเหตุของคราวเคราะห์!”
เป็นคราวเริ่นเสี่ยวซู่ชะงักงันไปบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เชื่อในตัว
หมอดูผู้นี้ เขายกตัวหมอดูขึ้นเหนือพื้นและถามเสียงเย็น “นายเป็น
ใครกันแน่ รู้เรื่องนั้นได้ยังไง”
ไม่ใช่ว่าเหยียนลิ่วหยวน ‘น้องชาย’ เขากับเริ่นเสี่ยวซู่ประสบ
คราวเคราะห์ใหญ่เพราะน้ำหลากหรอกเหรอ ถึงเจ้าหมอดูจะพูด
เรื่องนี้ออกมาได้ แต่สัญชาตญาณส่วนตัวทำให้เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เชื่อ
เรื่องทำนายทายทักอะไรนี่ ดังนั้นหมอดูผู้นี้น่าจะเป็นคนที่เรื่องตน
อยู่แล้ว แต่ก็เข้าหาเพราะหวังผลอื่น
แต่พอหมอดูเห็นว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่เชื่อเขาก็ยิ้มกระอักกระอ่วน
“ฉันยังบอกได้ด้วยว่าตอนนายอายุน้อยนายเคยผ่านอันตรายใหญ่หลวงมาก่อน แต่ตอนนั้นนายไม่รู้จะหนียังไงด้วยซ้ำ ทาง
ตะวันตกเฉียงเหนือคือสถานที่ที่นายจะรุ่งโรจน์ ถ้าไม่เชื่อฉันก็ทำ
อะไรไม่ได้แล้ว”
เริ่นเสี่ยวซู่คลายมือ มีคนหยิบมือที่รู้อดีตของเขา และในเมือง
น้อยของป้อมปราการ 113 ก็ไม่มีใครรู้นี้ แต่มันจริงที่ว่าเขาไม่รู้วิธีหนี
จากพวกหมาป่าจริงๆ
หมอดูกล้าพูดแบบเป็นหมั่นเหมาะแบบนี้ หรือว่าเขารู้วิชา
พยากรณ์จริงๆ?
เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่งก่อนจะว่า “นายบอกว่าอีกสองวันฉัน
จะเจอเคราะห์ให้ต้องเลือกตกยางออกใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ลางไม่ดีสุดๆ!” หมอดูว่า “แต่ฉันยังดูแบบชัดๆ ไม่ทัน
งั้นนายต้องให้ฉันดูดีๆ อีกรอบ”
เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างไม่ยี่หระ “งั้นทำนายให้ฉันหน่อยว่า
จะเอาตัวรอดยังไง”
จากนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ปล่อยมืออกจากหมอดู แต่เขายังไม่คลาย
ความระวัง เพื่อคนผู้นี้คิดลอบโจมตีหรือพยายามหนีแต่เจ้าหมอดูไม่คิดจะหนี เขากลับหันมาสำ รวจมองเริ่นเสี่ยว
ซู่ที่มีสีหน้าเรียบเฉยอย่างจริงจัง ถ้าหมอดูบอกให้เขาจ่ายเงิน
สะเดาะเคราะห์ล่ะก็ เขาจะลงมือสังหารคนผู้นี้ทันที
แต่ยิ่งหมอดูมอง เขาก็ยิ่งมีสีหน้าตกใจมากเท่านั้น “นายแม่
*ไม่ใช่คนที่เจอเคราะห์เลือดตกยางออก แต่เป็นนายต่างหากที่เอา
เคราะห์เลือดตกยางออกไปใส่คนอื่น…”
เริ่นเสี่ยวซู่ “…”
“พูดบ้าบออะไรอยู่น่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่ใจกระตุกวูบ แต่ก็ไม่ยอมรับ
“ฉันเป็นแค่ชาวป้อมปราการคนหนึ่ง จะไปเอาเคราะห์
เลือดตกยางออกใส่คนอื่นได้ยังไง”
“นายน่ะนะชายป้อมปราการนี้?” หมอดูหัวเราะ “นายหลอกฉัน
ไม่ได้หรอก สภาวะไม่เห็นจะคล้องจองกับที่นี้เลย ถ้านายอยู่ที่นี่
มากกว่าสามวันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่ายิ่งผ่านบทสนทนายิ่งดูลึกลับ เขาถาม “งั้น
บอกฉันหน่อยสิว่าถ้าฉันอยากทำ ฉันจะทำสำ เร็จไหม”“อ้อ เรื่องนั้นฉันทำนายไม่ได้หรอก” หมอดูว่า “ฉันทำนาย
อะไรที่เฉพาะเจาะจงขนาดนั้นไม่ได้ ปกติแล้วฉันได้แต่พูดเตือนคนที่
ฉันอ่านชะตาให้”
“งั้นนายบอกอะไรฉันได้บ้าง” เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้วถาม
หมอดูมองเริ่นเสี่ยวซู่อยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดอย่างประหลาดใจ
“หืม ทำไมชีวิตนายมีทางแยกเยอะขนาดนี้ ฉันไม่เจอใครเป็นแบบนี้
มาก่อนเลย…ฉันทำนายไม่ได้ ไม่สิฉันไม่อ่านชะตานายต่อแล้ว!”
เริ่นเสี่ยวซู่หมดคำพูด เขาเสียเวลาไปเปล่าๆ เลยเนี่ยนะ
เขารั้งตัวหมอดูไว้ เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มเชื่อเขาขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
“ช่างเรื่องอื่นไปก่อน นายช่วยทำนายให้หน่อยได้ไหมว่าคนที่ฉัน
อยากฆ่าอยู่ที่ไหน ถ้าบอกไม่ได้ วันนี้นายก็ไม่ได้ต้องไปไหน”
“อ้อ” หมอดูคิดพักหนึ่งก่อนจะว่า “อยู่ในป้อมปราการนี้
นี่แหละ”
“…” เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้ว “เจาะจงกว่านี้หน่อย”
หมอดูสลัดตัวหลุดออกจากจับกุมของเริ่นเสี่ยวซู่และยิ้มเอ่ย
“ทางตะวันออกฉียงเหนือ อีกไม่กี่วันพวกเขาจะรวมตัวกัน แต่นายมีแค่โอกาสเดียว” หมอดูหันตัวจากไป คราวนี้เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รั้งตัวเขา
ไว้แล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่เชื่อคำพูดหมอดูพวกนี้หกส่วนแล้ว แต่เรื่อง
โชคชะตาเป็นอะไรที่เขาไม่รู้แน่ชัดจึงยังแคลงใจอยู่
เริ่นเสี่ยวซู่พลันถามขึ้นมาเสียงลั่นว่า “เดี๋ยวก่อนนะ นายคน
ทำนายชะตาให้คนทางใต้ไหม”
“ฉันทำนายชะตาให้คนมาไม่น้อย พูดถึงใครอยู่ล่ะ ฉันจำ ชื่อคน
ที่ฉันทำนายให้ได้ทุกคน”
“หลี่ชิงเจิ้ง!”
“อ้อ ฉันบอกเขาว่าต่อไปเขาจะเจอผู้พลิกชะตาเขา”
เริ่นเสี่ยวซู่เงียบไป ตอนนี้เขาเชื่อคำหมอดูผู้นี้ถึงแปดส่วนแล้ว!
แต่ในโลกนี้จะมีคนมหัศจรรย์เช่นนี้ด้วยหรือ หรือว่าหมอดูผู้นี้ก็เป็นผู้
มีพลังพิเศษคนหนึ่งเช่นกัน
ปกติแล้วอะไรที่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เข้าใจ เขาก็จะปัดมันเป็นเรื่อง
งมงายไปหมด แต่ตอนนี้ได้มาเจอจริงกับตัว ก็ไม่รู้จะเชื่อหรือไม่เชื่อ
หมอดูผู้นี้ดีหลี่ชิงเจิ้นบอกว่าเขาว่าจะผู้พลิกชะตาที่พาเข้าป้อมปราการ
แต่เริ่นเสี่ยวซู่นึกว่าหมอดูผู้นั้นคงไม่น่าเชื่อถือเท่าไรนัก ต่อให้หลี่ชิง
เจิ้งได้เข้าป้อมปราการไป ก็คงชีวิตไม่ได้ดีเด่ หากแต่จะเจอภัยพิบัติ
แทนด้วยซ้ำ
ที่สำ คัญคือหมอดูไม่เห็นจะพูดถึงตัวทดลองเข้าป้อมปราการ
มาเลย ถ้าเขาพูดแต่ตอนนั้น หลี่ชิงเจิ้งคงไม่อยากเข้ามา
ป้อมปราการแล้ว
ตอนนี้ในใจเริ่นเสี่ยวซู่คิดแต่เรื่องที่หมอดูพูด อีกไม่กี่วันคนที่
เขาอยากฆ่าจะมารวมตัวกัน และเขามีแค่โอกาสเดียวเท่านั้นด้วย
เป้าหมายเขาคือคนสิบสามคนจ รวมจงเฉิงด้วยแล้ว ทว่าแต่ละคน
ต่างมีอำนาจสูงลิ่ว ถ้าคิดฆ่าที่ละคนล่ะก็ ลงมือสำ เร็จไปแค่คนแรก
ก็คงถูกทั้งป้อมปราการตามล่าแล้ว ขณะเดียวกันเป้าหมายคนอื่นๆ
ก็คงหลบซ่อนตัวไป
ถ้าศัตรูมารวมตัวกันจริง นี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่สุดให้เริ่นเสี่ยซู่
จัดการพวกเขาในคราวเดียว แต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขา
จะรวมตัวกันที่ไหนหลังจากถึงหัวมุม หมอดูก็วิ่งปรูด “เกือบฉิบหายแล้วไง! ชีวิต
เกือบซี้แหง แถมยังหลอกเงินมาไม่ได้อีก!”
…
ในทางตะวันออก กองร้อยเจียนเตากำลังเดินทัพผ่านแดน
รกร้าง ทันใดจางเสียวหม่านก็หันขวับอย่างระแวงเพราะได้ยินเสียง
ยานเกราะเคลื่อนตัว เขารีบโบกมือให้คนอื่นๆ ซ่อนตัวในร่องน้ำ
ใกล้เคียงไม่ให้ศัตรูเห็น “ทำไมไอ้กองพลน้อยยานเกราะนี่แม่*ตาม
พวกเราแบบไม่ลดละเลยวะ ไหนนายบอกว่าพวกเขาจับตำแหน่งได้
แต่ผู้มีพลังพิเศษคนอื่นไง แล้วโผล่ตามเรามาถึงที่นี่ได้ยังไง” จาง
เสียวหม่านมองไปที่รองผู้บัญชาการกรม “นายโกหกอะไรเรา
หรือเปล่า คิดว่าฉันไม่กล้าแทงนายให้ตายงั้นเหรอ”
รองผู้บัญชาการกรมน้ำตานองหน้า “ฉันรู้อะไรก็บอกไปหมด
แล้ว”
แต่เขาไม่มีเวลาจะมาถกเถียงแล้วเพราะกองพลน้อย
ยานเกราะอยู่ตรงหน้า แต่จางเสียวหม่านแลกองร้อยเจียนเตาก็พบว่ากองพลน้อยยานเกราะนี้ไม่ได้มาล่าพวกตน แต่กำลังมุ่งไปทาง
ที่ราบตอนกลางต่างหาก