the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 449 สายลับในป้อมปราการ 178
หลังจากกองพลน้อยยานเกราะเคลื่อนตัวไปที่ราบตอนกลาง
อย่างอึกกะทึกครึกโครมแล้ว จางเสี่ยวหม่านก็พึมพำ “แปลกแฮะ
ทำไมพวกเขาไปทางนั้นล่ะ นั่นมันถนนไปที่ราบตอนกลางไม่ใช่เหรอ
”
“หรือว่าพวกเขามีแผนการอื่นวะ”
“หรือว่ากำลังหนีอยู่”
“ไม่หรอกมั้ง ตอนนี้สมาคมตระกูลจงกำลังได้เปรียบไม่ใช่เหรอ
ทำไมจู่ๆ พวกเขาต้องหนีด้วย”
ทหารกองร้อยเจียนเตาไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่
หลังจากกองพลน้อยยานเกราะเคลื่อนทัพไปได้หลายสิบกิโลเมตร
มันก็ต้องหยุดตัวลงเพราะชายหนุ่มหน้ายิ้มที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากห
ลี่เสินถานจงอู้ผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 131 ตะโกนผ่านวิทยุว่า “ทับ
เขาไปเลย! ไม่สนทั้งนั้นว่าเป็นใคร จัดการซะ!”
แต่ก่อนที่กองพลน้อยจะทันถึงตัวหลี่เสินถาน เขาก็พลันยก
มือขึ้น ก่อนจะมี ‘คลื่น’ พุ่งผ่านขึ้นมาจากพื้น กำแพงดินผลุบตัวขึ้น
มา กองพลน้อยยานเกราะได้แต่เหยียกเบรกหยุดตัวอย่างกะทันหัน
เพราะถ้าไม่หยุดแล้วขับรถหุ้มเกราะกับรถถังชนกำแพงดินหนา
แบบนี้ก็อาจจะทำให้เครื่องพังเอาได้
หลี่เสินถานยิ้ม “ฉันก็อุตส่าห์กลัวว่าตัวเองคงช่วยอะไรเริ่น
เสี่ยวซู่ไม่ได้มาก ใครจะไปนึกว่าจู่ๆ จะมีกองพลน้อยยานเกราะ
มาเยือนถึงหน้าประตูแบบนี้”
“พี่จะสะกดจิตพวกเขาเหรอ” ซือหลีเหรินถาม
“แหงสิ” หลี่เสินถานยิ้ม
“ต้องให้พวกเขาออกมาจากพวกรถหุ้มเกราะด้วยไหม ถ้าอยู่
แบบนั้นพี่จะสะกดจิตเขาได้ด้วยเหรอ”
“เสียงก็ใช้สะกดจิตคนได้เหมือนกัน ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วน
สามารถเป็นสื่อกลางทำการสะกดจิตได้” จากนั้นหลี่เสินถานก็หยิบหินเล็กขึ้นมาดีดออกไป ก้อนหินกระเด็นไปโดนรถถังจนเกิดเสียงดัง
กังวาน
เสียงประหลาดนี้ทำให้จิตใจคนสะเทือนเลือนลั่น จากนั้น
ใบหน้าของทหารกองพลน้อยยานเกราะก็แปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า
แต่ขนาดผู้มีพลังพิเศษทรงอำนาจอย่างหลี่เสินถานยังรู้สึกว่านี้
มันกินแรงอยู่บ้าง ดูเหมือนนี่จะเป็นขีดจำ กัดเขาแล้ว
หลี่เสินถานสงบจิตใจก่อนจะพูดใส่กองพลน้อยยานเกราะ
“ผู้บัญชาการกองพลน้อยอยู่ไหน ก้าวออกสิ” จงอู้เดินออกจากรถ
หุ้มเกราะมายืนอยู่ตรงหน้าหลี่เสินถานด้วยสีหน้าอยู่ในภวังค์
ห่างออกไปไกล หูชัวก็โผล่มาจากในป่า “เสี่ยวหลีเหริน ดูสิว่า
ตาเอาอะไรมาฝาก ฮ่าๆ ตาไปเจอแปลงแตงโมมา”
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน ฤดูเก็บเกี่ยวพวกแตงมาเยือนแล้ว แต่
พอหูชัวเห็นกองพลน้อยยานเกราะหน้าหลี่เสินถานก็ตะลึงไป
ดวงตาเสียวหลีเหรินทอประกาย “คุณตาหูชัวเจ๋งเป้ง”
หลี่เสินถานชำ เลืองมองพวกเขาก็จะหันกลับไปหากองพลน้อย
ยานเกราะ เขาพูดเสียงนิ่งว่า “หลังจากพวกนายได้ยินเสียงดีดนิ้วพวกนายจะกลับไปโจมตีป้อมปราการ 146 จำ ไว้ด้วยว่า หลังจาก
ตีฝ่าเข้าป้อมปราการได้แล้ว พวกนายจะฆ่าแต่คนของสมาคม
ตระกูลจงเท่านั้น จะไม่ใช่เครื่องมือจำ พวกปืนใหญ่หรือฆ่าผู้บริสุทธิ์
มั่วซั่ว”
จากนั้นหลี่เสินถานก็ดีดนิ้ว และกองพลน้อยยานเกราะก็หันตัว
มุ่งหน้ากลับไปยังป้อมปราการ 146
หูชัวที่อยู่พูดแกมสงสัย “ดูเหมือนรอบนี้เธอจะพยายามไม่
ฆ่าผู้บริสุทธิ์นะ”
หลี่เสินถานมองไปยังหีบใหญ่ที่หลี่เสินถานแบกอยู่ข้างหลัง
“เมื่อก่อนผมนึกว่าตัวเองถูกเสมอ ใครที่เจอแบบเดียวกับผมก็คง
ทำตัวบ้าคลั่งไม่ต่างกันหรอก”
“แล้วตอนนี้ล่ะ” หูชัวยิ้ม
หลี่เสินถานถอนหายใจและว่า “บางคนก็เหมือนคบเพลิง
ลุกโชน ต่อให้ดับไปแล้ว ก็ยังส่งผลกระทบกับพวกเราอยู่บ้าง”
“แต่ฉันสงสัยอยู่นะ ทำไมเธอถึงปักหลักอยู่ที่นี่ล่ะ ไม่ไปสมาคม
ตระกูลจงตรงๆ เลยลาะ” หูชัวถาม “ถ้าไปด้วยตัวเอง จะไม่ช่วยพวกเขาได้มากกว่านี้เหรอ”
หลี่เสินถานรับแตงโมไปจากหูชัวและยิ้มกล่าว “เลิกคุยเรื่องนั้น
แล้วมาดื่มด่ำกับแตงโมดีกว่า”
ก่อนหน้านี้กองร้อยเจียนเตามองกองพลน้อยยายเกราะ
เคลื่อนตัวดังอึงอลไปไกล พวกเขาปีนขึ้นมาจากร่องน้ำ เตรียมจะมุ่ง
ไปยังพื้นที่ส่วนในของสมาคมตระกูลจง แต่เขายังไม่ทันได้ไปไหน
ไกล ก็ได้ยินเสียงกระหึมของกองพลน้อยยานเกราะอีกครั้ง จางเสียว
หม่านใจหายวาบ พาทุกคนคลานกลับเข้าร่องน้ำอีกครา ตอนนี้
กองร้อยเจียนหมดคำจะพูดสุดๆ เจ้ากองพลน้อยยานเกราะนี่ไปๆ
มาๆ ทำบ้าอะไรเนี่ย เล่นอะไรอยู่ แล้วเล่นเสร็จหรือยัง
แต่รอบนี้กองพลน้อยยานเกราะเคลื่อนที่ไวกว่าเดิม อย่างกับ
ว่ากำลังเร่งรีบไปที่ไหนสักที่อย่างไรอย่างนั้น กองร้อยเจียนเตามอง
ไปอย่างงุนงงสุดๆ พร้อมกับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล การรบที่
เขาอู่ชวนไม่จบไม่สิ้น ป้อมปราการ 178 และสมาคมตระกูลจงรบกัน
ไปมาอยู่ในเทือกเขาอันกว้างใหญ่ ความดุเดือดของการรบสะท้อน
มาถึงที่นี่เพื่อจะยึดที่มั่น 129 โจวอิงหลงต้องสละทหารในกองพัน
ทัพหน้าไปครึ่งหนึ่ง และแค่ที่มั่นนี้ที่มั่นเดียว ก็เปลี่ยนมือไปกว่ายี่สิบ
ครั้งแล้ว!
จงอิงเพิ่งหลบเลี่ยงการลงโทษจากสภาบริหารมาได้ และก็
ไม่คิดว่าตนเองจะโชคดีอีกรอบด้วย เขาจึงถ่ายความกดดันทั้งไปที่
เหล่านายพลใต้บัญชาการ สั่งให้พวกเขาป้องกันที่มั่นให้ได้จนกว่า
ทหารในทะเลทราบโกบีจะไปถึงป้อมปราการ 178 ต่อให้ต้อง
สู้จนตัวตาย ก็ต้องป้องกันที่มั่นให้ได้!
และป้อมปราการ 178 ก็ไม่มีทางออกอื่นแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่นั้น
ทุกคนยังรู้ด้วยว่าป้อมปราการ 178 กำลังเสี่ยงภัยอันตรายอย่าง
ใหญ่หลวง ดังนั้นทหารเกือบทุกคนจึงระเบิดโทสะจนเหมือนบ้าคลั่ง
ไปแล้ว!
โจวอิงหลงไม่ได้หลับมาสองวันสองคืนแล้ว ที่มั่น 129 ยึดยา
กกว่าที่เขาคิดไว้มาก เกือบทุกครั้งที่ยึดได้ ก็ล้วนเพราะพึ่งพลังพิเศษ
ของเขาหมูป่าสีเทาตัวโตโผล่มาข้างกายโจวอิงหลงอีกครั้ง ก่อนมัน
จะทะยานพุ่งเข้าที่มั่น 129 หมูป่าตัวนี้หนังหนาจนไม่หยันกับกระสุน
ปืนกลหนักที่สาดมา
แต่โจวอิงหลงไม่ใช่เริ่นเสี่ยวซู่ ทุกครั้งที่เขาใช้พลัง มันจะมีขีด
กำจัดด้านเวลาอยู่ สองวันมานี้พลังจิตเขาเหือดแห้งไปหลายครา
ทำเอาตาดำคล้ำลึกจนนึกว่าอยู่หน้าประตูปรภพแล้ว
ผู้บังคับกองร้อยที่สองแนะ “ผู้บัญชากองพันไปพักสักหน่อย
เถอะ ถ้ายังทำแบบนี้ เกรงว่าผู้บัญชาการกองพันจะไม่ไหวเอานะ”
แต่โจวอิงหลงย้อน “ถ้าพวกเรายึดที่มั่น 129 ไม่ได้
กองพลน้อยยานเกราะเราจะผ่านช่องเขา 177 ไปอย่างปลอดภัยได้
ยังไง ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากพัก แต่ต่อให้นายกับฉันต้องตายที่นี่
พวกเราก็ต้องทำให้ศัตรูไม่อาจเล็งเป้าไปที่กองพลน้อยยานเกราะเรา
!”
การรบคล้ายๆ กับที่มั่น 129 นี้เกิดขึ้นอยู่เขาเขาอู่ชวน
กองพลน้อยทหารราบหลายกองเคลื่อนตัวสอดประสาน ยึดครอง
พื้นที่ได้มาขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับทหารที่พากันสละชีพไปแต่ก็ต้องใช้ทหารเหล่านี้ทำการรบยื้อไปเช่นนี้ถึงจะสามารถ
สร้างโอกาสให้กองพลน้อยยานเกราะเคลื่อนตัวลึกขึ้นไปในสนามรบ
ได้
ไม่ใช่แค่กองพันทหารทัพหน้าเท่านั้น กองพันลาดตระเวนก็ปะ
มือกับทหารกองโจรของสมาคมตระกูลจงตามเขาอยู่หลายครั้ง
ทุกครั้งที่เปิดยิงแลกใส่กัน ก็ดั่งกำลังเต้นระบำกับความตายอยู่บน
เชือกที่ขึงตรึง
พื้นที่แทบทุกตารางนิ้วของเขาอู่ชวนอันกว้างใหญ่นั้นเละเทะ
ไปแล้ว ทหารสู้รบจนเหนื่อยอ่อน แต่เมื่อมีนายทหารมาขอทหาร
อาสาบุกไปยังยอดเขาสักแห่ง ทหารผู้เหนื่อยอ่อนเหล่านี้ก็จะออกไป
สู้รบจนตัวตาย
นี่แหละหนาคือสงคราม
ต่อให้ไม่มีแผนสำ รองของสมาคมตระกูลจงนั่น ป้อมปราการ
178 ก็ยังคงต้องโจมตียึดเขาอู่ชวนด้วยอากัปกิริยาเช่นนี้อยู่ดี แต่ว่า
ป้อมปราการ 178 คงชนะการรบได้มากกว่านี้ เพราะว่าตอนนี้เหล่า
ทหารต่างสู้รบพร้อมกับเพลิงโทสะอยู่แต่ตอนนี้เอง ทหารสำ นักข่าวกรองแห่งป้อมปราการ 178 ก็
เข้าล้อมเต็นท์บัญชาการของกองพลน้อยทหารราบที่ 103 อย่าง
เงียบเชียบ พอมาถึงเต็นท์บัญชาการแล้ว ทหารที่กำลังจัดทัพใหม่กัน
อยู่ก็มองไปที่พวกเขาอย่างแปลกใจ หนึ่งในนั้นเห็นคนคุ้นหน้าจึง
ถาม “มีอะไร ทำไมอยู่ๆ ก็มาที่นี่ล่ะ”
พูดแล้วทหารกองพลน้อยทหารราบก็รวมตัวกันพยายามกัน
ไม่ให้ทหารสำ นักข่าวกรองเข้ามาใกล้ได้
ถึงทั้งสองกองกำลังจะต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียวกัน แต่หน่วยข่าวกรอง
ของทุกองค์กรมันมีความรู้สึกไม่น่าคบหาอยู่ในตัว ดังนั้นพอทหาร
สำ นักข่าวกรองพวกนี้เข้ามาเยือนถึง ‘ถิ่น’ แล้ว ทหารราบทุกนายก็
รู้สึกไม่สู้ดีขึ้นมา
หัวหน้าแผนกข่าวกรองทหารที่สองแห่งสำ นำข่าวกรองกล่าว
เสียงเย็น “ถอยไป พวกเรามาปฏิบัติหน้าที่”
ทหารในกองพลน้อยทหารราบที่ 103 คิดจะหยุดพวกเขา
แต่ว่าพวกเขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นจางจิ่งหลินเดินมาพร้อมหวัง
เฟิงหยวน ผู้อำนวยการสำ นักข่าวกรองจากไกลๆเมื่อผู้บัญชาการปรากฏตัว ทหารกองพลน้อยที่ 103 ก็ได้แต่
ยอมแพ้และเปิดทางให้พวกเขา ทหารแผนกข่าวกรองทหารที่สอง
เดินเข้าไปในเต็นท์บัญชาการก่อนจะพาผู้บัญชาการกองพลน้อยหลี่
เสียงออกมา
จางจิ่งหลินมองหลี่เสียงแล้วถาม “ทำไม