the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 453 อาจใจเหินห่าง
ก่อนหน้านี้ทหารหลายสิบหน่วยของป้อมปราการ 178 ลอบ
ออกจากฐานปฏิบัติการหน้าอย่างเงียบงัน อย่างเช่นว่าโจวอิงหลงสั่ง
เบื้องหน้าคือให้กองร้อยเจียนเตาไปฝึกทหารภาคสนามแต่ความจริง
คือสั่งให้โจมตีแม่น้ำเป่ยวาน หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่กลับมาที่ฐาน
ปฏิบัติการหน้าอีกเลย หรืออย่างเช่นว่ากรมทหารอิสระของสูเสี่ยน
ฉู่ที่ก่อนหน้าที่ถูกส่งไปฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเฮยสือ
การส่งกำลังพวกนี้ออกไปทำให้ให้สายลับยากแยกแยะ
สถานการณ์จริง เพราะพอกองกำลังพวกนี้ออกจากฐานปฏิบัติการ
หน้าไปแล้ว ช่องทางสื่อสารทุกอย่างก็จะถูกส่งให้หวังเฟิงหยวนดูแล
อีกอย่างจางจิ่งหลินไม่กินอาหารมาสองวันจนผอมสูบก็เพื่อ
หลอกสายลับผู้นี้
เป็นตอนนั้นเองที่พวกเขาเริ่มจับตามองหลี่เสียง เพราะยามเขา
ไปรับประทานอาหาร ก็มักจะเนียนถามหลินอวี้เจ๋อผู้ดูแลโรงอาหารว่า “ช่วงนี้ผู้บัญชาการกินอาหารเป็นไงบ้าง”
ในฐานะผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบ หลี่เสียงไม่มีสิทธิ์
เข้าร่วมประชุมแผนการรบ จึงได้แต่อนุมานป้อมปราการ 178 มีแผน
สำ รองไหมจากอาการอยากอาหารของจางจิ่งหลิน
เป็นเพราะทั่วทั้งป้อมปราการ 178 รู้ว่าผู้บัญชาการจางจะ
ไม่ค่อยอยากอาหารเวลามีเรื่อง
ถ้าไม่อาจจับสายลับได้ แผนการนั่นก็ยังอยู่แต่ในหัวเขาไป
ตลอด แต่จางจิ่งหลินรู้ดีว่าถ้าเขาไม่เปิดเผยแผนการออกไป ก็คง
ไม่อาจรั้งตัวเริ่นเสี่ยวซู่ไว้ได้
แต่กว่าจะจับสายลับได้ เริ่นเสี่ยวซู่ก็แยกออกจากกองร้อย
เจียนเตาจนไม่อาจติดต่อได้แล้ว
ดังนั้นหลังจากจับสายลับได้แล้ว หวังเฟิงหยางจึงเข้าปรึกษา
กับจางจิ่งหลินเรื่องเริ่นเสี่ยวซู่
แต่ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว จางจิ่งหลินได้แต่หวังว่าเริ่นเสี่ยวซู่
จะเอาตัวรอดได้หวังเฟิงหยวนกระซิบ “โชคดีที่เขาพากองร้อยเจียนเตาไปที่
ปลอดภัยแล้ว ไม่อย่างนั้นหากกองกำลังเลอค่าถูกทำลายไป ผมคง
รู้สึกผิดมโนธรรมไปตลอดชีวิต”
“ก็กะไว้แล้วว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะทำแบบนี้” จางจิ่งหลินพูดเสียงนิ่ง
ในเบื้องลึกของจิตใจของจางจิ่งหลินรู้ดี วินาทีที่เริ่นเสี่ยว
ซู่ตัดสินใจจะมุ่งไปยังป้อมปราการ 146 เขาก็ต้องจัดเตรียมจะ
ส่งกองร้อยเจียนเตาไปยังที่ปลอดภัยแล้ว ก็อย่างที่เด็กหนุ่มเคย
จัดเตรียมให้หลีเสี่ยวอวี้กับเหยียนลิ่วหยวนพักในโรงเรียน จาง
จิ่งหลินเข้าใจเด็กหนุ่มผู้นี้ดี
เป็นอย่างที่คาดไว้ เริ่นเสี่ยวซู่เข้าไปป้อมปราการ 146 คนเดียว
และหวังเฟิงหยวนก็ได้รับข่าวกรองน่าเชื่อถือว่าจากสายลับที่แฝงตัว
อยู่ในอาคารแหล่งชุมชนว่ากองกำลังรักษาการณ์ป้อมปราการ 146
นั้น
กำลังค้นตัวเริ่นเสี่ยวซู่ให้ควักอยู่ แต่เริ่นเสี่ยวซู่ตีฝ่าวงล้อมได้และ
หายตัวไปแล้ว
จางจิ่งหลิงหันไปพูดอย่างสงบนิ่งกับหวังเฟิงหยวน “ต่อให้เขา
โทษฉัน ฉันก็จะรับมันได้ ฉันมีหน้าที่ต้องรักษา ไม่อาจไม่เด็ดเดี่ยวได้หรอก”
เทียบกับเริ่นเสี่ยวซู่และผู้คนในป้อมปราการ 178 แล้ว จาง
จิ่งหลินมีภาพชัดเจนนักว่าอะไรสำ คัญกว่าอะไร
หวังเฟิงหยวนนิ่งไป เขากลัวว่านี่จะทำให้ใจเด็กหนุ่มเหินห่าง
จากป้อมปราการ 178 อยู่บ้างหรือไหมนะ
แต่พอเขามองไปจางจิ่งหลิน ก็เห็นว่าเขาไม่ได้สงบนิ่งอย่าง
คำพูดเลย
ก่อนหน้าเขาทำเป็นแสร้งหลอกสายลับ แต่ตอนนี้เขากังวลใจ
จริงๆ
… ก
ารรบในทะเลทรายโกบีไม่ได้จบลงอย่างรวดเร็วอะไร ทหาร
สมาคมตระกูลจงที่ได้รับหน้าที่ให้เดินทางข้ามทะเลทรายโกบีนี้
ทรหดเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้จะถูกซุ่มโจมตี ก็ยังสามารถตั้งแนวตั้งรับ
อันแข็งกล้าได้ทันควัน สามารถสู้กลับพร้อมถอยไปได้ในตัว
แต่สูเสี่ยนฉู่ไมได้แปลกใจ เพราะเขารู้ได้ว่ากำลังต้องกับ
กองทหารแบบไหนที่จริงแผนการของป้อมปราการ 178 ยังช่องโหว่อยู่บ้าง
อย่างเช่นถ้าผู้มีพลังพิเศษแกนหลักอย่างสูเสี่ยนฉู่หายไปจาก
สนามรบหลัก มันจะส่งผลกระทบในแง่ลบกับแผนการพวกเขาไหม
แต่จางจิ่งหลินไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว สูเสี่ยนฉู่เชี่ยวชาญเรื่อง
ปฏิบัติการทางทหารขนาดเล็ก พลังพิเศษเขาเองก็เหมาะมากกับการ
เข้าปะทะโจมตีหรือป้องกันขนาดเล็กเช่นกัน ดังนั้นสูเสี่ยนฉู่จึงเป็น
ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการนำทหารซุ่มโจมตีในทะเลทรายโกบี
แต่จางจิ่งหลินและสูเสี่ยนฉู่ไม่คิดเลยว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะช่วย
พวกเขาอุดช่องโหว่นี้
แน่นอนว่าหลังจากสูเสี่ยนฉู่ทราบเรื่องแล้ว จะรู้สึกขอบคุณเริ่น
เสี่ยวซู่หรือเปล่านั้นยังไม่แน่
การรบในทะเลทรายโกบีจะสืบต่อไป สมาคมตระกูลจงรอคอย
วันนี้มานานแล้ว และจางจิ่งหลินก็รอคอยวันนี้มานานเช่นกัน
แต่ถ้าสมาคมตระกูลจงเสี่ยงทุ่มทุกอย่างให้ภารกิจทะเลทราย
โกบีเป็นทางรอดสุดท้ายพลิกสถานการณ์แล้วไซร้ ก็บอกได้เพียงว่า
พวกเขาพลาดแล้วที่จริงสถานการณ์มาถึงขนาดนี้แล้ว ป้อมปราการ 178 ถือว่า
ใกล้ชนะสงคราม
หลังจากแผนการล่อให้สมาคมตระกูลจงติดกับดักตนเอง
สำ เร็จแล้ว จู่ๆ ป้อมปราการ 178 บุกขึ้นหน้ายกใหญ่ในการรบที่เขาอู่
ชวน
ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาพยายามยึดยอดเขานั้น ป้อมปราการ
178 ต้องเผชิญกับศึกอันยากลำบาก ตอนนั้นเหล่านายพลของ
สมาคมตระกูลจงต่างคิดว่าทหารป้อมปราการ 178 ก็ไม่เท่าไรเลย
ที่จริงอาวุธยุทโธปกรณ์ของป้อมปราการ 178 ไม่ได้ดีเท่าของ
สมาคมตระกูลจง แต่ที่จริงจำ นวนทหารของสมาคมตระกูลจงก็
เหนือกว่าทางป้อมปราการ 178 แบบสองต่อหนึ่ง ทว่าจิตใจเหล่า
นายพลทำเป็นไม่เห็นเงื่อนไขนั้น และคิดเพียงว่าถ้าปราบ
ป้อมปราการ 178 ได้ ก็แสดงว่าพวกเขาทรงพลังมากกว่า
แต่ในการรบดั่งวายุสลาตันถาโถม สมาคมตระกูลจงพลันรู้สึก
ว่าทหารป้อมปราการ 178 เป็นกองทหารไร้พ่ายไม่ว่าจะเอากำลังทหารโถมเข้าไปเท่าใด ทหารป้อมปราการ
178 ที่ถึงขีดจำ กัดแล้วก็ดูจะขยายขีดจำ กัดตนเองไปได้อีกหน่อย
ต่อให้บางที่มั่นเปลี่ยนมือไปมาอยู่หลายรอบ แต่เวลาที่
ป้อมปราการ 178 ใช้ในการยึดกลับนั้นมันแค่สองถึงสี่ชั่วโมงเท่านั้น
แต่ถ้าสมาคมตระกูลจงอยากยึดกลับ พวกเขาต้องใช้เวลา
ทั้ง
วันทั้งคืน
มองสนามรบแล้วเห็นได้ชัดมากว่าป้อมปราการ 178 มีทหาร
น้อยกว่า แต่กระนั้นทหารสมาคมตระกูลจงก็แทบจะยึดที่มั่นกลับมา
ไม่ได้ พวกเขามักจะเจอทหารศัตรูปลอมเป็นศพที่กำระเบิดอยู่ในมือ
พร้อมที่จะยอมตายไปพร้อมกับทหารสมาคมตระกูลจง
การสงครามที่ไม่เห็นจุดจบนี้เช่นการรบกับศัตรูที่ไม่รู้จักแพ้
พ่าย แค่คิดก็ทำให้ใจคนหวาดหวั่น…
…
หลังจากซุ่มโจมที่ทหารสมาคมตระกูลจงที่ทะเลทรายโกบี
สำ เร็จ จางจิ่งหลินก็สั่งให้ทหารราบยานเกราะจัดทัพเดินหน้าเข้า
สนามรบแบบเต็มอัตราทันที โจวอิงหลงสู้รบอย่างหนักสร้างเส้นทางปลอดภัยให้พวกเขา ทหารราบยานเกราะเหล่านี้เป็นการโจมตี
พิฆาตใส่ทหารสมาคมตระกูลจง เป็นฟางเส้นสุดท้ายทำลายทหาร
สมาคมตระกูลจงที่อยู่เขาอู่ชวน!
และคนไม่ได้ก็ต้องแปลกใจที่ว่าสะพานแพที่แม่น้ำเฮยสือ
สามารถสร้างเสร็จได้ภายในสามวัน เดินทีพวกเขาคาดว่าต้อง
ใช้เวลาสร้างสิบห้าวันกว่าทหารราบยานเกราะจะข้ามแม่น้ำมาได้
ยามโจวอิงหลังกลับมาพักในแนวหลัง เขาก็จะหลับคาถาด
อาหาร ทหารเสนารักษ์รีบพาตัวเขาไปทันที หลังจากใช้กรรไกตัด
เครื่องแบบเขา ก็เห็นว่าผู้บัญชาการกองพลน้อยที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาผู้นี้
มีบาดแผลเล็กน้อยมากมาย บนต้นขามีเศษกระสุนคาอยู่ด้วยซ้ำ
พอนางพยาบาลเห็นอาการบาดเจ็บแล้วก็ตื่นตะลึงไป
นางพยาบาลอีกคนที่ทำในศูนย์รักษาพยาบาลชั่วคราวนี้เป็น
ภรรยาของทหารนายหนึ่ง เธอมองไปที่บาดแผลของสามีตัวเอง
ระหว่างพันแผลให้เขา ก็ด่าพร้อมน้ำตาว่าทำไมไม่รู้จักระมัดระวัง
ทหารนายนั่นพูดอย่างโมโหว่า “เลิกร้องได้ยัง หลังจากพันแผล
ให้แล้วฉันยังกลับไปหาหน่วยฉันอีก พวกเราเป็นคนยึดที่มั่นพวกนั้นได้ ตอนนี้พวกเราใกล้ชนะแล้ว ฉันให้พวกเวรนั่นได้ผลงานไปหมด
ไม่ได้หรอกนะ”
“ไสหัวไปเลย ไปเอาผลงานนู่นไป! ถึงบ้านแล้วฉันจะคิดบัญชี”
หลังจากนางพยาบาลผูกเงื่อนผ้าพันแผลให้เขาแล้ว ก็ไล่สามีพร้อม
น้ำตานองหน้า