the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 458 กระหน่ำฆ่า
จงเฉิงเป็นผู้มีพลังพิเศษที่ทางเบื้องบนของสมาคมตระกูล
จงคอยเฝ้าจับอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เขาเผยพลังออก เพราะด้วยพลัง
ควบคุมผู้อื่นเขานั้น ในหมู่ผู้มีอำนาจแล้ว ถือว่าเป็นพลังที่ใช้งานได้
ดีมากนัก
ถึงนี่จะเป็นยุคสมัยที่ผู้มีพลังพิเศษลุกผงาดขึ้นมาบนโลก พลัง
ต่อสู้ส่วนบุคคลสูงล้ำ แต่กระนั้นมนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์
ไม่ว่าจะมีพลังอะไร ก็จะมีสมรรถภาพร่างกายสูงกว่าคนทั่วไป
แน่นอน เพราะอย่างนี้จงเฉิงถึงกล้ากระโดดลงมาจากชั้นสี่ ถ้าเป็น
คนธรรมดาโดดลงมา คงกระดูกแตกทั่วร่างแล้ว แต่จงเฉิงแค่ข้อเท้า
พลิกเท่านั้น
เพราะฐานะคนตระกูลจงบ้านหลักของตัวเอง ปกติแล้วจง
เฉิงเป็นผู้ดูแลกองพลน้อยที่คอยรักษาการณ์ในป้อมปราการ 146และเพราะเขาเป็นผู้มีพลังพิเศษ ทหารและนายทหารทุกนายใน
กองพลน้อยจึงรับฟังคำสั่งเขา
ที่พวกทหารสมาคมตระกูลจงมอง จงเฉิงเป็นคนลึกลับ
ทรงอำนาจ ตอนที่จงเฉิงรับได้ข่าวแล้วรีบเร่งกลับมาที่ฐานทัพนั้น
พวกทหารก็คิดกันแล้วว่าเขามาเมื่อไร สถานการณ์ก็จะกลับมาอยู่ใน
การควบคุม
ไม่ว่าศัตรูในตึกบังคับการจะทรงพลังมากเพียงไร ก็ไม่อาจสู้รบ
ปรบมือกับผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่งกับทหารชั้นยอดอีกหลายร้อยได้
หรอก
แต่ความจริงพวกเขาเพิ่งตั้งแนวป้องกันที่ภาคพื้น จงเฉิงก็
กระโดดลงมาจากหน้าต่างในสภาพสุดสังเวช ทรงผมเรียบเปล้
แต่เดิมกลายเป็นยุ่งเหยิง ใบหน้าเผยความหวาดกลัว
ในฐานะสมาชิกแกนหลักของสมาคมตระกูลจง ปกติ
จะมีท่วงท่าผู้มีอำนาจ แต่เขาไม่ได้ทรงพลังอย่างที่ทุกคนคิดหรอก
การกระโดดลงมาของจงเฉิงทำให้ขวัญกำลังใจทหารของทั้ง
กองพลน้อยรักษาการณ์ดิ่งลงเหว เป็นการโจมตีที่หนักหน่วงยิ่งกว่าการบาดเจ็บภาพนอกใด พวกเขาพลันรู้สึกว่าศัตรูที่กำลังเผชิญหน้า
อยู่นั้นเป็นผู้ไร้พ่าย
ขนาดผู้มีพลังพิเศษอย่างจงเฉิงยังคิดหนี พวกเขาทหาร
ธรรมดาจะเอาอะไรไปสู้ศัตรูล่ะ
แต่จงเฉิงไม่สนใจ ไพ่ไม้ตายเขาเป็นหมันไปแล้ว ตอนนี้ได้แต่
คิดหนี
ตอนนี้เองที่มีวัตถุขนาดใหญ่เด้งตัวออกมาจากหน้าต่างชั้นสี่
ก่อนจะกระแทกเข้าใส่เบื้องหน้าแนวป้องกัน ไม่มีใครนึกว่าศัตรู
จะกล้าแกร่งขนาดสามารถฉีกขบวนตั้งรับพวกเขาได้ง่ายได้เช่นนี้
เขายืนตรงหน้าด้วยท่าทางเผด็จการจนศัตรูมิกล้าเอ่ยวาจา
ราวเริ่นเสี่ยวซู่ต้องการกล่าว ข้ากล้ายืนเบื้องหน้าพวกเจ้า เพราะหา
กลัวพวกเจ้าแต่น้อยไม่!
ถึงทหารในแนวป้องกันจะตัวสั่นขวัญผวา แต่ก็รู้ว่าต้องทำ
อะไร พวกเขากระหน่ำยิงใส่มนุษย์เกราะเหล็กนี้ในพลัน
หลังจากหวังอวี่ฉือ อันอวี้เฉียน และนักเรียนคนอื่นๆ ปรับปรุง
ให้ ชุดเกราะนี้ก็ดูดุร้ายน่าหวาดหวั่นมากขึ้นเกราะมันไม่ราบเรียบเหมือนแต่เดิมแล้ว แต่ว่ามีโครงสร้าง
หกเหลี่ยมรังผึ้งซ้อนกันหนาที่อันอวี้เฉียนออกแบบมาให้อย่างดี
สำ หรับคนอื่นแล้ว ผิวเกราะดูสร้างมาได้ทึมทึบ แต่ถ้าดูใกล้ๆ จะเห็น
เป็นรูปรังผึ้งนับไม่ถ้วน
การมีโครงสร้างแบบนี้ นอกจากจะลดวัตถุดิบในการสร้างแล้ว
มันยังสามารถรับแรงกระแทกได้ดีกว่าโครงสร้างแบบราบเรียบด้วย
ห่ากระสุดสาดใส่เกราะเป็นหยาดฝน เริ่นเสี่ยวซู่มองจง
เฉิงวิ่งหนีด้วยสายตาเย็นเยียบ
จงเฉิงเดินกะโผลกกะเผกออกนออกฐานทัพ ชัดเจนนักว่า
ไม่สนใจใยดีว่าทหารข้างหลังจะรอดหรือไม่
แต่ต่อให้ข้อเท้าจะแพลง ด้วยร่างกายของผู้มีพลังพิเศษ ก็ยัง
วิ่งไวได้กว่าคนทั่วไป ตอนนี้จงเฉิงจงทนเจ็บที่ข้อเท้า พยายามวิ่งไป
รวมกลุ่มกับกำลังหลักสมาคมตระกูลจงแห่งป้อมปราการ 146 อย่าง
หมดท่า
เพราะกระโดดลงมาจึงทำให้กระดูกอ่อนกับใยกล้ามน้อยที่
ข้อเท้าเสียหาย ถ้ายังวิ่งต่อแบบนี้ คงไม่อาจฟื้นตัวกลับมาได้อีก ทว่าต่อให้เขาต้องใช้งานหนักจนต้องเสียขาไปข้าง ก็ยังดีกว่าเสียชีวิตไป!
ไม่ใช่แค่นั้น จงเฉิงถึงกับสั่งให้ทหารคนอื่นๆ คอยสกัดกั้นศัตรู
ส่วนตัวเองเผ่นหนีต่อ
เริ่นเสี่ยวซู่เหลือบมองทหารสมาคมตระกูลจงตรงหน้า และ
ทันใดนั้นก็ทะยานตัวไปทางจงเฉิง
พวกทหารที่พยายามเข้ารั้งตัวเริ่นเสี่ยวซู่เปลี้ยไม่ต่างไปจากหุ่น
ของเล่น แต่ไม่กี่วินาทีเขาก็ตีฝ่าแนวป้องกันมาได้แล้ว
แถมเริ่นเสี่ยวซู่โยนระเบิดมือใส่คู่ต่อสู่ไม่หยุด ราวกับเป็นของ
ไร้ราคาอย่างไรอย่างนั้น
แม้กระทั่งตอนนี้ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังไม่ลืมที่จะล้างบางทหารแห่ง
ป้อมปราการ 146 และถ้าเขาฆ่าพวกเบื้องบนของสมาคมตระกูล
จงได้ด้วยก็เยี่ยมไปเลย
ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด อยากฆ่าทหารสมาคม
ตระกูลจงมากเท่าไรก็ฆ่า ต้องทำเช่นนี้พวกทหารจึงหวาดกลัวเขา
และยามเขาลงมือสังหารเบื้องบนของสมาคมตระกูลกูลให้หลัง พวก
ทหารก็จะต่อต้านได้ไม่เท่าที่ควรตอนนี้ฐานทัพสมาคมตระกูลจงไม่อาจส่งทัพอื่นมาหยุดเขาได้
แล้ว ทหารที่โชคดีรอดมาได้ก็ได้มองเริ่นเสี่ยวซู่ไล่ตามจงเฉิงไป
ด้วยใจหวาดผวา
พวกเขาพลันรู้แจงว่าผู้มีพลังพิเศษที่อยู่ก็โผล่มาผู้นี้ต้อง
มีความแค้นบางอย่างกับผู้บัญชาการกองพลน้อยอยู่แน่ และ
ผู้บัญชาการกองพลน้อยที่พวกเขามักกลัวก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร
อย่างที่พวกตนคิดไว้เลย!
แน่นอนพวกเขาไม่รู้หรอกว่าหานหยางที่ผู้บัญชาการ
กองพลน้อยพึ่งพาสุดนั่นโดนหยางเสียวจิ่นซุ่มยิงทิ้งไปในแดนรกร้าง
แล้ว แถมทหารนาโนแมชชีนสามสิบนายที่เหมือนเป็นของขวัญที่จง
เฉิงเก็บรอเริ่นเสี่ยวซู่มารับไปอย่างไรอย่างนั้น
ถ้าจงเฉิงควบคุมผู้มีพลังพิเศษคนอื่นไว้ได้ คงสร้างปัญหาให้
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่น้อย แต่พอเป็นทหารนาโนแมชชีนแล้ว ก็ไม่ใช่ปัญหา
สักนิด แต่เป็นของขวัญสุดพิเศษต่างหาก!
ตอนนี้จงเฉิงไปถึงประตูเข้าฐานทัพก็กระหยิ่มยิ้มย่อง เขาเห็น
ทหารกลุ่มค้นหากลับมาเป็นกองกำลังสนับสนุนแล้วเขาตะโกน “ศัตรูอยู่ข้างหลังฉัน! ฆ่าเขาซะ!”
ทหารที่กลับมามีจำ นวนห้าร้อยกว่านาน นับว่าเป็นกองพันหนึ่ง
ทำให้จงเฉิงว่างใจไปเปราะ
เขาเคยควบคุมทหารนาโนแมชชีน ย่อมรู้ดีว่านาโนแมชชีน
มีแหล่งพลังงานจำ กัด ถ้าทหารใช้พลังนาโนแมชชีนออกมาเต็มพิกัด
แล้ว ก็จะอยู่ได้แค่ราวๆ สิบนาทีเท่านั้น ด้วยจำ นวนทหารมากขนาด
นี้ ก็พอจะใช้โถมไปเรื่อยๆ จนเผด็จศึกได้
ศัตรูหัวเดียวกระเทียมลีบ ล่าสุดที่สมาคมตระกูลจงโจมตีเริ่น
เสี่ยวซู่ในแดนรกร้าง เขารอดได้ก็เพราะว่ามีรถจักรไอน้ำของหวัง
ฉงหยางช่วยเหลือ
อีกทั้งผู้มีพลังพิเศษที่สร้างแผ่นดินไหวใหญ่นั่นก็ไม่ได้อยู่ใน
ป้อมปราการ 146 ด้วย
แต่นึกถึงชื่อหวังฉงหยางแล้ว จงเฉิงก็เดือดขึ้นมา หวังฉงหยาง
บอกว่าตัวเองมีข้อบาดหมางกับเริ่นเสี่ยวซู่อยู่ แต่ก็ยังมาลอบ
ช่วยเหลืออีก!และก็เพราะหวังฉงหยางปล้นทรัพย์จงอู้ไป พวกเบื้องบนเลย
กล่าวโทษเขาเป็นการอ้อมๆ มีคนมาลอบเตือนเขาว่า เหล่าผู้อาวุโส
รู้สึกว่าจงเฉิงน่าจะลงมือฆ่าหวังฉงหยางไปเลย เขาปล่อยให้ผู้มีพลัง
พิเศษทรงพลังเช่นนั้นรอดไปได้อย่างไร
แต่ว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาไปคิดเรื่องนั้น เขาต้องฆ่าเริ่นเสี่ยว
ซู่ก่อน!
แต่พอจงเฉิงหันไปมอง ก็พลันเห็นรถจักรไอน้ำขบวนหนึ่งบุก
ทะลวงแนวทหารมายังตนเอง!
พวกทหารสมาคมตระกูลจงไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ ทหารกว่า
ครึ่งก็ถูกบดขยี้ราวกับเป็นอิฐของเล่น!
จงเฉิงใจกระตุกวูบ เขาไม่เห็นหวังฉงหยางเลย ทำไมถึง
มีรถจักรไอน้ำโผล่ออกมาได้