the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 461 ศรปลายแรง
หลังจากมาถึงนอกคฤหาสน์แล้ว จงเฉิงก็ตระหนักได้ว่าตนเอง
อาจจะคิดเสี่ยงเกินไป ถ้าตระกูลรองที่สามไม่ยอมช่วยเขาขึ้นมาล่ะ
จงเฉิงหน้าบูดเบี้ยว ในหูก็ยังอื้ออึงไม่หยุด จงเฉิงพูดเสียงเย็น
ผ่านวิทยุว่า “พี่สี่ไม่กลัวว่าบ้านหลักจะแก้แค้นหลังจากรู้ว่าพี่ไม่ยอม
ช่วยฉันเหรอ ตระกูลหลักเราอาจจะไม่ทำอะไรต่อทั้งตระกูลรองที่
สามหรอกนะ แต่ถ้าฝ่ายเราคิดจะจัดการแต่นาย คิดเหรอว่า
จะรอดไปได้ ที่ไล่หลังฉันมาก็แค่ผู้มีพลังพิเศษคนเดียว ทหารที่นี่พอ
จะจัดการเขาแล้ว!”
พี่สี่ผู้นี้เป็นเป็นลูกชายคนโตในสายรองที่สาม ทั้งยังเป็น
ผู้บัญชาการกองพันที่ 1229 ที่อยู่ภายใต้กองพลน้อยชุดรบที่ 107
พี่สี่เผยสีหน้าครุ่นคิดอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะว่า “เอา
เครื่องกีดขวางออก ปล่อยให้จงเฉิงเข้ามา”พอเห็นว่าเครื่องกีดขวางถูกขยับออกไปแล้ว จงเฉิงก็หน้าระรื่น
จากนั้นก็เหยียบเร่งรถพุ่งไป
แต่ว่าหลังผ่านที่มั่นป้องกันมาแล้ว เขาก็ยังขับเข้าลึกเข้าไปใน
คฤหาสน์ต่อ เขาคิดจะใช้ประตูตะวันตกของคฤหาสน์หนีออกไป
พอดี่สี่ผู้นั้นเห็นว่าจงเฉิงยังหนีต่อก็รู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากล
แล้ว ถ้าทหารที่นี้พอจะรับมือผู้มีพลังพิเศษที่จงเฉิงว่าจริง ทำไมเขา
ยังต้องหนีอีกล่ะ!
พี่สี่แห่งสมาคมตระกูลจงคำราม “จงเฉิง ไม่ส้นตี*กล้าคิด
ทำร้ายตระกูลสาม! ไร้ยางอายนัก!”
“ท่านครับ เราจะเอายังไงต่อ” รอผู้บัญชาการกองพนที่ 1229
ถาม
“รักษาตำแหน่งให้ได้! ใช่ว่าผู้มีพลังพิเศษคนเดียวจะทำลายทั้ง
ป้อมปราการได้สักหน่อย!” พี่สี่แห่งสมาคมตระกูลจงว่า
ขณะที่รถจักรไอน้ำเข้ามาใกล้คฤหาสน์นั้น เริ่นเสี่ยวซู่ก็ดำเนิน
ยุทธวิธีแบบเดิมๆ อีกครา เริ่มด้วยการหย่อนระเบิดมือทำลายแนวป้องกัน ระหว่างนั้นก็ทำการโยนไพ่ห้าแต้มสี่ใบออกไปด้วย แต่ว่า
พลังของ ‘ห้าแต้ม’ นี้เบากว่า ‘หกแต้ม’ อยู่โข
ทันใดนั้นทหารในแนวป้องกันสามนายก็ยกอาร์พีจีขึ้นยิงใส่เริ่น
เสี่ยวซู่
รถจักรไอน้ำใหญ่ขนาดนั้น มีหรืออาร์พีจีจะพลาดเป้าได้
แต่ขณะที่พวกเขารอให้กระสุนอาร์พีจีระเบิดนั้น พวกเขาก็เห็น
ว่ารถจักรไอน้ำคันมโหฬารสลายเป็นกลุ่มหมอกทมิฬ จากนั้นก็
มีมนุษย์เกราะเหล็กกระโจนออกมา
ระหว่างอยู่กลางอากาศนั้น เขาก็บิดร่างหลบกระสุนอาร์พีจี
อย่างปราดเปรียว
ยามเริ่นเสี่ยวซู่ในชุดหุ้มเกราะเหล็กมาถึงพื้น ก็พุ่งทะยานไป
เบื้องหน้าต่อ ทำเอาพื้นสะเทือนเลือนลั่น ทหารสมาคมตระกูล
จงรู้สึกอับจนหนทาง กระสุนก็ยิงทำอะไรศัตรูไม่ได้ อาร์พีจีก็ไม่อาจ
ยิงโดน พวกเขาไม่รู้จะรับมืออย่างไรแล้ว!
แต่เริ่นเสี่ยวซู่ไม่มัวแต่เข้าปะทะต่อแล้ว เขาเพียงคิดอยาก
ทำลายคฤหาสน์ให้ไว และใช้ระเบิดมือฆ่าทหารให้มากที่สุดบ้านสามจบเห่แล้ว
แน่นอนเริ่นเสี่ยวซู่ไม่มั่นใจหรอกว่าตัวเองไปโจมตีที่ไหน ที่นั่น
ก็จะถูกทำลายสิ้น เขาเองก็ยังไม่อาจฆ่าทหารสมาคมตระกูลจงทุก
นายที่รอดไปจากแรงระเบิดได้ จะตายไม่ตายก็ขึ้นอยู่กับดวงแล้ว
หลังจากคฤหาสน์ตระกูลรองที่สามถูกโจมตีไปแล้ว ก็มีชาย
ชราผู้หนึ่งคลานออกมาซากปรักหักพัง ผู้บัญชาการกองพันเห็นว่า
บิดาตนยังปลอดภัยดีก็รีบวิ่งไปช่วยพยุงตัวเขาขึ้นมา “พ่อ พวกเรา
ถอยกันก่อนเถอะ อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!”
ผมปัดข้างที่ปกติใช้ปิดศีรษะล้านชายชรายุ่งเหยิงทำให้ดูน่า
ตลกไม่น้อย เขาโมโหว่า “ถอยเหรอ ยังคิดไม่ออกอีกเหรอไงว่ามัน
เป็นแผนการของตระกูลหลัก! จงเฉิงมีทหารพันกว่านายใต้
การบังคับบัญชา แต่ก็ยังไม่อาจหยุดผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่งได้อีก?
ไม่ว่าผู้มีพลังพิเศษจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังต้องมีพลังจิตพลัง
ใจจำ กัดอยู่ดี ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มัวแต่วิ่งหนีอยู่หรอก ดูก็รู้ว่าจง
เฉิงคิดใช้โอกาสนี้กำจัดผู้เห็นต่าง!”ใบหน้าผู้บัญชาการกองพันทะมึนทึบไป ก่อนหน้าที่เห็นจง
เฉิงหนีต่อหลังจากเข้าแนวป้องกันมาแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ชอบพา
มาพากล
ใบหน้าชายชราดำคล้ำ “เจ้าเด็กเวรจงเฉิงนั่นกล้าคิดต่อต้าน
ตระกูลจงเรา งั้นก็อย่าโทษที่ฉันไม่นับญาติด้วย! โทรหารหาบ้าน
สี่เดี๋ยวนี้ พวกเราต้องร่วมมือกันสู้กับบ้านตระกูลหลัก!”
หลังจากสมาคมตระกูลจงสู้กันภายในมาหลายปี ความคิดแรก
หลังจงเฉิงเห็นเริ่นเสี่ยวซู่บุกจู่โจมป้อมปราการ 146 คือล่อเขาไป
กำจัดบ้านตระกูลรองทั้งสามสี่เสีย ขณะเดียวกันก็อยากจะใช้กำลัง
ของตระกูลทั้งสองนี้ล่อให้เริ่นเสี่ยวซู่เหนื่อยอ่อนด้วย
ขณะที่ตระกูลรองที่สามถูกโจมตีนั้น พวกเขาไม่คิดหนี หรือพูด
อะไรเกี่ยวกับการจัดกำลังออกไล่ล่าเริ่นเสี่ยวซู่ พวกเขากลับอยากไป
ร่วมมือกับฝ่ายอื่นเพื่อล้างแค้นเสียได้!
แต่พอพวกเขาโทรไปหาบ้านสี่ติด ผู้ที่รับสายก็พูดตอบทันที
“ไอ้เด็กเวรจงเฉิงมันพาผู้มีพลังพิเศษมาคฤหาสน์ฉัน เอากำลังเสริม
มาช่วยหน่อย!”บ้านตระกูลสามเงียบไป ดูแล้วบ้านตระกูลสี่ก็คงจบเห่แล้ว
เช่นกัน
ตอนนี้ป้อมปราการ 146 วุ่นวายอลหม่าน แต่จงเฉิงไม่ยินเสียง
ใกล้เคียงเลยเพราะหูยังอื้ออยู่
เขาดูกระจกมองหลัง แล้วก็ต้องแปลกใจที่ยังเห็นว่ามนุษย์
เกราะเหล็กยังคงไล่ตามตนอยู่ แต่ดูไปก็ช้าลงไปบ้าง
จงเฉิงแค่นเสียง รู้สึกว่าแผนการดำเนินราบรื่นดี จงเฉิงไม่คิด
ด้วยซ้ำ ว่าเริ่นเสี่ยวซู่อาจจะหลอกตนอยู่ เพราะต่อให้เริ่นเสี่ยวซู่เป็น
เทพ สู้มานานเช่นนี้ก็ต้องเหนื่อยเป็นบ้างแหละ!
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าโทรหาบิดาตัวเอง ทันทีที
โทรติด จงเฉิงก็พูดทันทีว่า “พ่อ ตอนนี้เจ้าเริ่นเสี่ยวซู่นั่นน่าจะถึงขีด
กำจัดแล้ว เดี๋ยวผมจะพาไปที่คฤหาสน์เรา ให้เตรียมตัวสู้รบเลย
หลังจากฆ่าเขาได้แล้ว พวกเราจะยึดทรัพยากรของบ้านสามบ้านสี่
ซะ“
ที่ปลายสาย พ่อเขาคำรามลั่นว่า “เอ็งอย่าพามันมานะโว้ย!”แต่จงเฉิงที่หูอื้ออยู่แทบไม่ได้ยินอะไรเลย จึงพูด “ได้ครับ เดี๋ยว
พาไปเดี๋ยวนี้เลย!”
จากนั้นจงเฉิงก็วางสายและกลับมาตั้งสมาธิกับการขับรถ เขา
มองไปที่ขีดน้ำมัน และเห็นว่าน้ำมันใกล้หมดถังแล้ว แต่อย่างไรก็ยัง
พอให้ขับกลับไปยังคฤหาสน์ของตัวเองได้
แต่ขณะที่หนีอยู่นั้น จงเฉิงก็พลันสัมผัสได้ถึงลางอันตรายวูบ
หนึ่ง เขาก็เห็นประตูเงาโผล่เปิดข้างกายในรถ และรู้สึกได้รอยฟัน
บางเบาก่อนจะหายไป
จงเฉิงตะลึง ตอนที่ดาบทมิฬหายไปนั้น เขาก็ก้มดูแผลตนเอง
ทันที แต่ก็ว่าต้องโล่งอกที่เห็นว่าเป็นแผลเบาทันนั้น ดูแล้วเริ่นเสี่ยว
ซู่คงพลาดไป
แต่เขายังไม่ได้โล่งอกได้นาน ก็เห็นประตูเงาโผล่มาอีกครา
คราวนี้เป็นรอยแผนที่ไม่ลึกไม่ตื้น
ถึงขนาดนี้แล้วจงเฉิงจะไม่เข้าใจก็ไม่ได้แล้ว คือศัตรูคิด
จะทรมานเขา!
เริ่นเสี่ยวซู่มีโอกาสให้ฆ่าเขาแล้ว ก็ยังไม่รีบไม่ร้อนจะลงมือจงเฉิงรู้สึกขายหน้านัก เป็นครั้งแรกเลยที่เขาตกอยู่ใน
สถานการณ์เช่นนี้
แต่นอกจากเหยียบคันเร่งหนีแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้อีก
ตอนนี้เจิ้งย่วนตงกำลังมองป้อมปราการจากบนหลังคาของ
ตึกสูงแห่งหนึ่ง และภาพที่เห็นก็ทำให้เขาตะลึงลานไป
ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าตัวเองประเมินความสามารถเริ่นเสี่ยวซู่
สูงไป แต่ว่าตอนนี้จารชนจากสมาคมตระกูลชิ่งผู้นี้กำลังรู้สึก
เหลือเชื่ออยู่บ้าง เพียงหนึ่งผู้พลังพิเศษ ก็สามารถพลิกคว่ำทั้ง
สมาคมตระกูลจงแห่งป้อมปราการ 146 ได้
เจิ้งย่วนตงรู้ว่าหลายๆ อย่างคือโอกาสมันอำนาย ตัวอย่าง
เช่นว่าตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่โจมตีฐานทัพนั้น ก็ทำให้ทั้งแผนของสมาคม
ตระกูลจงเสียไป ขณะทั้งกองทัพที่กระจายอยู่ทั่วอยากจะกลับมา
เสริมกำลัง แต่พวกเขาก็เคลื่อนไหวไม่เร็วเท่าเริ่นเสี่ยวซู่ ดังนั้นจึงได้
แต่ค่อยๆ กลับเป็นเป็นละรอกๆ อย่างกับเป็นอาหารที่ทยอยมาเสิร์ฟ
ในคอร์สอาหารสิบเมนูอย่างไรอย่างนั้นแน่นอนเริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่อาจทำถึงขนาดได้ถ้าเขาไม่ดุร้ายมาก
พอ
เจิ่งย่วนตงเห็นกับตาว่าเริ่นเสี่ยวซู่มีวิธีการลึกลับบางอย่างที่
สามารถระเบิดทั้งขบวนป้องกันของสมาคมตระกูลจงได้ แถมตัวเขา
ยังมีเกราะเหล็กคอยปกป้อง มีรถจักรไอน้ำให้ขับ ไม่กลัวเกรงกระสุน
ระเบิด
เจิ้งย่วนตงใช้ทางลัดตรงไปยังคฤหาสน์บ้านหลักของตระกูลจง
เขาเห็นแล้วว่าบ้านตระกูลสามและสี่ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้น
เป้าหมายต่อไปของเริ่นเสี่ยวซู่ก็น่าจะเป็นบ้านตระกูลหลัก
แต่ที่เจิ้งย่วนตงเป็นห่วงคือกว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะทำลายคฤหาสน์
ของตระกูลรองที่สามกับสี่ได้นั้นก็ใช้เวลาไปไม่น้อย
เพราะอย่างนั้นตระกูลหลักก็คงเรียกกองกำลังที่
กระจัดกระจายมาได้ส่วนหนึ่งรออยู่นอกคฤหาสน์แล้ว