the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอนที่ 89 ผลิตภัณฑ์จากการดัดแปลงพันธุกรรม
หลิวปู้และลั่วซินอวี่มองทหารเหล่านั้นอย่างประหลาดใจ ตอนที่พวกเขาถูกพามาก่อนหน้านี้ ทหารจากสมาคมตระกูลชิ่งยังต่อสู้รับมือกับตัวทดลองอยู่เลย ความปั่นป่วนโกลาหลก่อนหน้าคือพวกเขาคิดพยายามนำตัวทดลองกลับมาเช่นนั้นหรือ
ว่าตามตรงพวกเขาสองคนอดสงสัยไม่ได้ ว่าเจ้าพวกตัวทดลองที่ว่านั่นมันคือตัวอะไรกัน
แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ตะลึงไป พวกเขาเห็นกรงเหล็กซ้อนเสริมแรงซ้อนกันหลายชั้นถูกแบกมา และที่นอนอยู่ในนั้นคือ…มนุษย์ในร่างซีดเทา!
หลิวปู้สำรวจมองบุคคลข้างใน ร่างคนผู้นี้มีร่องรอยกระสุนอยู่ทั่ว ทว่าไม่ได้มีเลือดออกอะไรนัก เหมือนว่าพอกระสุนกระทบเข้าร่าง ผิวหนังกล้ามเนื้อก็บีบรัดปิดรอยแผลทันที
ไม่มีทางมองคนผู้นี้เป็นคนธรรมดาได้เด็ดขาด คนทั่วไปไม่มีทางควบคุมร่างกายได้เช่นนี้แน่นอน
แถมมนุษย์ร่างซีดเทายังถูกโซ่ล่ามไว้ทั้งแขนขาด้วย!
เดิมสายโซ่นี้คงมีไว้คุมขังคนผู้นี้ไว้สักที่แห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายมันก็หลุดออกมาได้ในที่สุด เสียงที่หลิวปู้และคนอื่นๆ ได้ยินก็คือมาจากเขาเองสินะ
ทันใดนั้นหลิวปู้ก็หวนจำไปถึงศพสภาพเหวอะหวะของสูเซี่ยและรอยฟันบนนั้นได้ พอคิดได้เช่นนี้ก็อาเจียนออกมาทันที ตอนสูเสี่ยนฉู่บอกว่าน่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์กินคน ตอนนั้นเขาไม่เชื่อแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้ไม่เชื่อคงไม่ได้แล้ว
ความรู้สึกน่าขยักขย้อนแกมความพรั่นพรึงม้วนตัวบีบรัดในท้อง ราวกับต้องการบีบรีดทุกอย่างให้ออกมาจนหมด
ในกระเพาะไม่มีอาหารอะไร จึงได้แต่อาเจียนน้ำย่อยผสมน้ำดีสีเขียวอ่อนออกมา
ชิ่งเจิ่นมองหลิวปู้อย่างสนใจยิ่ง “ดูเหมือนคุณจะพอรู้จักเจ้านี่อยู่บ้างนะ เคยเห็นมันกินศพมาก่อนเหรอ”
ลั่วซินอวี่รับมือได้ดีกว่าหลิวปู้มาก เธอบังคับอารมณ์ตัวเองให้สงบลง แล้วถาม “เจ้านี่มันคือตัวอะไร”
“เราเรียกมันว่าตัวทดลอง แน่นอนว่าย่อมเป็นตัวที่ใช้ทดลอง” ชิ่งเจิ่นว่า “แต่อย่าเข้าใจผิดไปล่ะ เจ้านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับสมาคมตระกูลชิ่ง มันเป็นผลิตภัณฑ์ในยุคก่อนภัยพิบัติ พวกเราก็เพิ่งรู้ว่าพวกมันมีอยู่จริงเมื่อไม่นานมานี้เอง”
“มันมาจากยุคก่อนภัยพิบัติงั้นเหรอ” ลั่วซินอวี่ตะลึงไปอยู่บ้าง “ตั้งแต่เกิดภัยพิบัติ มันผ่านมากี่ปีแล้วกัน พวกมันมีอายุขัยนานขนาดนั้นเลยเหรอ เดี๋ยวนะ คุณบอกว่า ‘พวกมัน’…”
ตอนนี้ลั่วซินอวี่ได้รู้แล้วว่า เจ้าตัวพวกนี้ไม่ได้มีอยู่แค่หนึ่ง!
ชิ่งเจิ่นค่อยๆ พิจารณา ‘คน’ ที่อยู่ในกรงขัง พลางว่า “พวกมันน่าจะหนีมาจากห้องทดลอง ผมเองสงสัยมากเหมือนกันว่าพวกมันมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้ยังไง เป็นตัวเอามาทดลองชั้นดีได้เลยนะเนี่ย”
หลิวปู้ตัวสั่น ชิ่งเจิ่นเห็นคนเป็นเป็นตัวทดลอง ไม่สำคัญหรอกว่าเป็นมนุษย์หรือปีศาจ
ลั่วซินอวี่พลันเข้าใจว่าสมาคมตระกูลชิ่งมาเขาจิ้งซานทำไม พวกเขาถึงกับเคลื่อนเครื่องจักรอุตสาหกรรมมายกใหญ่ ไม่สนใจเรื่องกำลังคนหรือการขนส่งว่าเพียงพอหรือไม่แม้แต่นิด ล้วนแต่เพื่อค้นหาห้องทดลองที่เจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้เคยถูกคุมขังอยู่!
พอพวกเขาสองคนได้รู้ว่าตัวทดลองพวกนี้ไม่ได้มีแค่หนึ่ง ก็เข้าใจว่าทำไมก่อนหน้าพวกทหารเรียกกำลังเสริมทันทีที่เจอหน้าเจ้าตัวทดลอง เป็นเพราะว่ามีโอกาสจะเจอตัวอื่นในบริเวณนั้นด้วยนั่นเอง!
“พวกคุณเจอตัวทดลองกี่ตัว และเพื่อจับมันมีทหารตายหรือบาดเจ็บกี่นาย” ชิ่งเจิ่นถาม
ทหารนายหนึ่งตอบ “พวกเราเจอแค่หนึ่งตัว เคลื่อนพลทั้งหมดห้าหน่วย สามนายจำหน่ายตาย กับสิบสามนายบาดเจ็บครับ”
ชิ่งเจิ่งส่ายหน้า “เกินไปสำหรับการจับตัวทดลองหนึ่งตัว ต่อไปเวลาเจอ ไม่ต้องสนแล้วว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ทำลายให้หมด ไม่อยากให้ทางเรามีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตอีก”
“รับทราบ” นายทหารของสมาคมตระกูลชิ่งรับคำ
ตัวทดลองที่อยู่ในกรงยังไม่ตาย ลั่วซินอวี่และหลิวปู้สัมผัสได้เพราะเห็นหน้าอกที่พองยุบของมัน
แต่ลั่วซินอวี่มีข้อกังขาอยู่ไม่น้อย “ตั้งแต่เกิดภัยพิบัติก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว ทำไมพวกมันถึงยังมีชีวิตอยู่ได้อีกล่ะ”
นี่เป็นเรื่องที่ชวนให้สับสนสุดแล้ว อายุขัยมนุษย์โดยเฉลี่ยมนุษย์อยู่แค่หลายสิบปี หรือให้มากสุดก็ร้อยกว่าปีเท่านั้น แต่เจ้าตัวทดลองพวกนี้กลับมาจากยุคก่อนภัยพิบัติ พวกมันอาศัยอยู่ในห้องทดลองใต้ดินนานขนาดนี้ได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกตรรกะเลย
ต่อให้อายุขัยสามารถยืดยาวออกไปได้ก็เถอะ แต่ในห้องทดลองใต้ดินพวกมันกินอะไรเป็นอาหารกัน
ชิ่งเจิ่นไปอยู่หน้ากรง แล้วหัวเราะ “ที่ผมจับมันมาก็เพื่อหาความลับของพวกมันไม่ใช่เหรอ อย่างเช่นว่าสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์อย่างมนุษย์จะใช้การแบ่งเซลล์ในการเจริญเติบโตหรือการรักษา ตามหลักแล้ว การแบ่งเซลล์สมควรเป็นกระบวนการไม่มีที่สิ้นสุด เพราะหลังจากเซลล์หนึ่งแบ่งตัวออกไปแล้ว ก็จะแบ่งไปได้อีกเรื่อยๆ ทว่าน่าแปลกที่พอมนุษย์แบ่งเซลล์ไปราวๆ ห้าสิบครั้ง พวกมันก็จะหยุดแบ่งตัวเองไป หลังจากนั้นก็เข้าสู่ระยะถดถอยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงเติบโตและตายจาก หลังจากมนุษย์แบ่งเซลล์ตัวเองไปประมาณห้าสิบครั้ง เซลล์ก็จะเข้าสู่สภาวะเสื่อมถอยเนื่องจากอายุ จากนั้นอวัยวะก็จะค่อยๆ ล้มเหลว และเสียชีวิตไป
ชิ่งเจิ่นมองผู้ที่อยู่ในกรงและพูดต่อ “ฉันเดาว่าห้องทดลองน่าจะพบวิธีการที่ทำให้เซลล์แบ่งออกไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทำเช่นนั้นไปแล้ว อัตราการเผาผลาญและอายุขัยของมนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้น แต่พวกเขาคงไม่ทันได้คิดถึงผลกระทบที่ตามจากการทำเช่นนั้น”
ชิ่งเจิ่นตีตราสิ่งมีชีวิตในกรงเป็นมนุษย์ปีศาจ ไม่ใช่ทั้งปีศาจ ไม่ใช่ทั้งคน[1] สำหรับเขาแล้วมนุษย์ปีศาจสูญเสียจิตความเป็นมนุษย์ไปสิ้น สติปัญญาตกต่ำไม่ต่างกับสัตว์
ทว่าแม้สติปัญญาเป็นเช่นนั้น มนุษย์ปีศาจพวกนั้นกลับมีพละกำลังเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก จนพวกสัตว์ป่าไม่อาจเทียบเคียงได้แม้แต่นิด
แถมทั้งสัตว์ป่ายังมีการแบ่งเป็นลำดับขั้น อย่างเช่นเริ่นเสี่ยวซู่เคยกล่าว สิ่งมีชีวิตคนละสปีชีส์ ย่อมมีอนุกรมวิธาน[2]ต่างกัน
แต่พวกตัวทดลองไม่ได้เป็นเช่นนั้น พวกมันไม่ได้สามารถแบ่งประเภทตามลำดับขั้นไหนได้เลย
ตอนนี้ตัวทดลองที่ถูกกระสุนสี่ห้านัดกำลังเคลื่อนไหว มันม้วนตัวและกระแทกใส่กรงเหล็ก ราวกับต้องการใช้พละกำลังอันป่าเถื่อนแหกกรงขังออกมา
ดูเหมือนว่ากรงนี้จะถูกสร้างมาพิเศษโดยสมาคมตระกูลชิ่ง ตัวกรงโดนกระแทกจนดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในสภาพดี
ตัวทดลองหยุดลงไปในที่สุด มันจ้องชิ่งเจิ่นที่อยู่ตรงหน้ามันอย่างมุ่งร้าย ลั่วซินอวี่และหลิวปู้เห็นชิ่งเจิ่นยังคงหน้าตายได้ไม่ว่าเจ้าตัวทดลองจะดิ้นรนเพียงไร พวกเขาไม่เห็นว่าชิ่งเจิ่นจะตกใจกลัวถอยหลังแม้แต่สักครั้งเดียว
ชิ่งเจิ่นปลดแม็กกาซีนออกจากปืนพก แล้วโยนปืนเข้าไปในกรง เจ้าตัวทดลองเข้ามากัดปืนเหล็กแหลกเป็นชิ้นๆ ทันที!
ชิ่งเจิ่นและเจ้าตัวทดลองมองหน้ากันไปมา ทันใดนั้นเขาก็พูด “จด ฟันของตัวทดลองพัฒนาการจนมีความแข็งมากขึ้น นัยน์ตาแคบ มีลักษณะนิสัยชอบคลานไปมา เจ้าสิ่งนี้ไม่อาจเรียกว่าเป็นมนุษย์ได้แล้ว คาดการณ์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากการดัดแปลงพันธุกรรม ห้องทดลองนี้เป็นไปได้ว่าจะเป็นห้องทดลองลับของบริษัทหัวจ่งจากยุคก่อนภัยพิบัติ”
ที่ใกล้กันๆ มีคนหยิบปากกาขึ้น แล้วจดตามคำสังเกตการณ์ของชิ่งเจิ่น เทียบกับลั่วซินอวี่และหลัวปู้ที่ดูหวาดผวาแล้ว คนอื่นๆ ดูจะเคยชินกับท่าทางสงบนิ่งของชิ่งเจิ่นแล้ว
…………………….
[1] มนุษย์ปีศาจ (人鬼) 人 (เหริน) หมายถึงมนุษย์鬼 (กุ่ย) หมายถึงภูติผีปีศาจ
[2] อนุกรมวิธาน (Taxonomy) การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตระบบที่นิยมในปัจจุบันคือการแบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็น 5 อาณาจักร ได้แก่อาณาจักรโมเนรา (พวกสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินและแบคทีเรีย), อาณาจักรโปรโตซัว (โปรโตซัว สาหร่าย (algae) และราเมือก), อาณาจักรฟังไจ (พวกเห็ด รา ยีสต์), อาณาจักรพืช, อาณาจักรสัตว์
นอกจากนี้ยังมีการแบ่งหมวดหมู่อีกแบบที่มีรายละเอียดมากกว่า โดยจะแบ่งเป็นหมวดใหญ่สุด ไล่ไปยังชนิดย่อยที่เล็กที่สุด ได้แก่โดเมน (Domain) อาณาจักร (Kingdom) > ไฟลัม (Phylum) (Division) > ชั้น (Class) > อันดับ (Order) > ครอบครัว, วงศ์ (Family) > สกุล (Genus) > ชนิด (Species) > ชนิดย่อย (Subspecies)