the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ - ตอบที่ 408 เหรียญคำขอบคุณไหลมาเทมา
ช่วยชีวิตคนตั้งมาก แถมช่วยได้ในคำรบเดียวด้วย เริ่นเสี่ยวซู่
จะทิ้งโอกาสได้เหรียญคำขอบคุณชุดใหญ่นี้ไปได้อย่างไร
กองร้อยเจียนเตามีทหารหนึ่งร้อยแปดสิบสี่นาย สู้ศึกไปสอง
รอบก็ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนกองร้อยที่สองและกองร้อยที่สามนั้น
ไม่ใช่กองร้อยเสริมจึงมีคนแค่กองร้อยละหนึ่งร้อยยี่สิบนาย เพราะ
มีผู้เสียชีวิตไปบ้าง รวมเริ่นเสี่ยวซู่ช่วยมาได้ทั้งสิ้นสามร้อยเก้าสิบ
เจ็ดชีวิต
ทุกคนมองไปที่เริ่นเสี่ยวซู่อย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาต้องการ
อะไร พอเริ่นเสี่ยวซู่รู้ว่าพวกเขาไม่เข้าใจคำใบ้ตนก็พูดออกไปทู่ๆ เลย
ว่า “อะแฮ่ม ฉันอุตส่าห์ช่วยชีวิตพวกนาย ไม่ขอบคุณฉันหน่อยเหรอ
”
จางเสียวหม่าน “???”
กองร้อยที่สอง “???”กองร้อยที่สาม “???”
พวกเขาไม่เคยเจอกับคนหน้าหนาขนาดนี้มาก่อนเลย!
ถึงจะช่วยชีวิตพวกเขามา แต่พูดทวงคำขอบคุณออกมาโต้งๆ
แบบนั้นก็เป็นการร้องขอที่ประหลาดเกินไปแล้ว อย่างกับเป็นการ
สนองความต้องการด้านจิตใจอย่างไรอย่างนั้น
แต่ใช่ว่าพวกเขาจะรู้เรื่องว่าเริ่นเสี่ยวต้องการเหรียญ
คำขอบคุณเสียหน่อย เลยมองว่าเป็นนิสัยแปลกๆ ของเขาไปเสีย
อย่างนั้น!
ทว่าถึงพวกเขาจะคิดไปแบบนั้น แต่ในเมื่อผู้ช่วยชีวิตพวกเขา
ร้องขอมาแล้ว ทุกคนก็ไม่อยากให้สถานการณ์มันกระอักกระอ่วน ผู้
บังคับกองร้อยที่สองสูไห่เฉินเป็นคนแรกนำขอบคุณก่อน ตามมา
ด้วยคนอื่นๆ ทำตาม
เริ่นเสี่ยวซู่นับเหรียญดู แล้วก็ต้องแปลกใจว่าเขาได้เหรียญ
คำขอบคุณจากทั้งกองร้อยทั้งสามมาสามร้อยเก้าสิบเจ็ดเหรียญ
ทุกคนจริงใจกันหมด!ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็รู้สึกว่าวิธีการล่อเอาเหรียญคำขอบคุณ
ทุกครั้งก่อนหน้านี้ของตนมันไร้ยางอายเกินไป แค่ช่วยชีวิตคนจาก
ใจจริงอย่างเดียวเขาก็ได้เหรียญคำขอบคุณมาง่ายๆ แล้ว
เมื่อรวมกับเหรียญคำขอบคุณที่รวบรวมก่อนหน้านี้ เหรียญ
คำขอบคุณของเริ่นเสี่ยวซู่ก็ทะลุแปดร้อยอีกครั้ง
จางเสียวหม่านโพล่งถามขึ้นมา “เริ่นเสี่ยวซู่ ฉันจำ ได้ว่าเพราะ
มีนายอยู่ สมาคมตระกูลจงเลยไม่ลังเลใจที่ยิงปืนใหญ่ถล่มพื้นที่สินะ
นายหมายความว่ายังไง นายกับสมาคมตระกูลจงมีความแค้นใหญ่
กันงั้นเหรอ”
เริ่นเสี่ยวซู่คิดพักหนึ่งก่อนตอบ “แค่พูดไปงั้น อย่าคิด
เป็นจริงเป็นจัง”
เขาเองก็อธิบายอะไรมากไม่ได้ ตอนเขาเจาะแนวตั้งรับของ
สมาคมตระกูลจง เขาได้ใช้ประตูเงาโยนไพ่ระเบิดใส่ทหารพวกเขา
ด้วย ตอนนั้นทหารของสมาคมตระกูลจงไม่ได้ตายจนหมดสิ้น ดังนั้น
จงเฉิงน่าจะรู้ว่าเขามีพลังนี้อยู่ถึงเขาจะใช้ประตูเงาหลายครั้งในช่วงการรบในเมืองแต่คนที่
โดนก็น่าจะตายไปหมด จงเฉิงน่าจะยังไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม
นะ
ถ้าจงเฉิงรู้ว่าเริ่นเสี่ยวซู่ยังอยู่ดีล่ะก็ เขาคงกินไม่อิ่ม
นอนไม่หลับแล้วแน่
จงเฉิงอยากฆ่าเขาจนตัวสั่น ซึ่งเขาก็อยากฆ่าจงเฉิงไม่ต่างกัน
พอเห็นว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ จางเสียวหม่าน
จึงกล่าว “ตามแผนที่วางไว้ หลังจากยึดตำบลฉือชวนเสร็จพวกเราก็
จะรักษาการณ์อยู่ที่นั่นต่อ แต่ว่าตอนนี้ทั้งเมืองน้อยเละไปแล้ว คง
ต้องเปลี่ยนแผน ติดต่อกับผู้บัญชาการโจว ดูสิว่าพวกเราควรทำ
ยังไงต่อ”
พลสื่อสารโทรวิทยุหาโจวอิงหลงทันที โจวอิงหลงถามมาด้วย
สีหน้าว่างเปล่า “ไง ยืดตำบลฉือชวนได้แล้วเหรอ”
โจวอิงหลงเคยตะลึงกับความดุร้ายของกองร้อยเจียนเตา แต่
ตอนนี้เขาชินแล้วล่ะ…“เอ่อ…” จางเสียวหม่านพูด “ทั้งตำบลฉือชวนเละไปแล้ว ไม่รู้
ว่าสมาคมตระกูลจงฝังระเบิดไว้ในนั้นกี่ลูก พวกเขาระเบิดทั้งเมือง
น้อยทิ้งไปแล้ว”
“อะไรนะ!” โจวอิงหลงสะดุ้ง “แล้วพวกนายไม่เป็นอะไรเหรอ”
โจวอิงหลงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรบ จึงรู้ได้ในพลันว่าถ้าเกิด
แบบนั้นขึ้นมันจะอันตรายขนาดไหน แต่จางเสียวหม่านตอบกลับ
อย่างสงบนิ่ง “โชคดีว่าพวกเราพบการเคลื่อนไหวของศัตรูทันการณ์
เลยวิ่งหนีตายออกจากตำบลฉือชวนทัน”
โจวอิงหลงรู้สึกว่าการฟังรายงานการรบทุกวันแบบนั้นทำให้
เขาใจบางลงจริงๆ การสู้รบก่อนหน้าไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นขนาดนี้เลย!
แต่ว่ายังดีที่พวกเขายึดตำบลฉือชวนได้ จากนี้ไปก็จะไม่เหลือ
ภัยใดในอาณาบริเวณของฐานปฏิบัติการหน้าแล้ว
โจวอิงหลงว่า “กลับไปจัดทัพใหม่ที่ฐานปฏิบัติการหน้าก่อน
อีกสองวันนายกับทั้งกองพันทหารทัพหน้าจะกวาดล้างแดนรกร้าง”
‘กวาดล้างแดนรกร้าง’ ที่ว่าหมายถึงหมายถึงการลาดตระเวน
ขจัดภัยซ่อนเร้นรอบฐานปฏิบัติการหน้าในระยะหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลเมตร นี่ก็เพื่อกันไม่ให้สมาคมตระกูลจงใช้สงครามกองโจรจาก
ในแดนรกร้าง
ตามเรื่องเล่าในโรงน้ำชา สงครามคือการใช้กลยุทธ์ต่อสู้กัน
ของผู้มีพรสวรรค์ ส่วนโจวอิงหลงและคนที่เหลือนั้นเป็นเพียง
รายละเอียดปลีกย่อยในสงคราม
การสร้างฐานปฏิบัติการหน้าต้องระวังและใส่ใจเป็นอย่างมาก
ผู้บัญชาการจางถึงจะมีรากฐานให้ดำเนินใช้กลยุทธ์ได้
อย่างไรตึกสูงระฟ้า ก็ยังต้องสร้างบนรากฐานอันหนักแน่น!
จางเสียวหม่านวางวิทยุไป เขายิ้มกล่าว “พี่น้องทุกท่าน
พวกเรากลับไปนอนที่ฐานปฏิบัติการหน้าได้แล้ว! ไปโรงอาหาร
หาอาหารอร่อยๆ กินกัน พวกเราคือทหารคุณูปาการ!”
…
ในศูนย์บัญชาการ โจวอิงหลงกำลังนั่งอยู่ท้ายแถว ถ้าไม่ใช่
เพราะกองพันทหารทัพหน้ามีตำแหน่งพิเศษ ผู้บัญชาการกองพัน
แบบเขาคงไม่มีสิทธิ์มานั่งที่นี่สำ หรับทหารป้อมปราการ 178 ศูนย์บัญชาการเป็นสถาน
ศักดิ์สิทธิ์ ทุกครั้งที่ทหารเดินผ่านเต็นท์ศูนย์บัญชาการ พวกเขาก็
จะฝันว่าวันหนึ่งตนเองจะสามารถเข้าไปนั่งรายงานเรื่องการรบใน
นั้น
ได้
ตอนนี้จางจิ่งหลินกำลังยิ้มมองโจวอิงหลงพร้อมกับกล่าว
“ออกไปข้างนอกแปปเดียวกลับมาพร้อมซ่อนความสุขบนหน้าไม่มิด
เลยนะ เกิดอะไรขึ้นล่ะ ภรรยาคลอดลูกคนที่สองงั้นเหรอ”
“ผู้บัญชาการผู้เรื่องอะไรมาน่ะ” โจวอิงหลงพูดอย่าง
มีความสุข “ฉันจะไปติดต่อภรรยาทั้งๆ ที่ยังอยู่ในฐานทัพได้ยังไง ที่
มีความสุขก็เพราะว่ากองพันทหารทัพหน้ายึดตำบลฉือชวนได้แล้ว
ภารกิจสำ เร็จดี!”
ใบหน้าลำพองใจของโจวอิงหลงเหมือนกับตอนที่จางเสียวหม่า
นพูดถึงว่าโชคดีทำภารกิจสำ เร็จเปี๊ยบ
ที่จริงทั้งกองพันทหารทัพหน้าก็มีลักษณะนิสัยเช่นนี้หมด
“อ้อ?” จางจิ่งหลินยิ้มกว่า “เมื่อวานซืนนายยังขอเวลาทำ
ภารกิจจากฉันเพิ่มอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ไหนว่ายึดตำบลฉือชวนไม่ง่ายไง ถึงกับใช้เหตุผลโน้มน้าวฉันว่าสงครามในเมืองมันลำบากแค่ไหน
ทำไมจู่ๆ วันนี้ก็ทำภารกิจสำ เร็จแล้วเฉยเลยล่ะ”
โจวอิงหลงกลอกตาและว่า “เจ้าเริ่นเสี่ยวซู่ที่เพิ่งเข้าร่วมกับ
กองร้อยเจียนเตานั่นเจ๋งจัดเลย ต่อให้ฉันไปรบด้วยตัวเอง ภารกิจก็
คงไม่ราบรื่นแบบนี้อยู่ดี”
“เล่ามาสิ” จางจิ่งหลินพูดเสียงนิ่ง
“พลังพิเศษของเจ้าเด็กนั่นคือสามารถเปิดประตูไปที่ไหนก็ได้
ในระยะหนึ่งกิโลเมตร พลังนี้อย่างกับมีไว้เพื่อสงครามในเมือง
โดยเฉพาะ” โจวอิงหลงกล่าวชื่นชม “ทำลายตำแหน่งที่ตั้งปืนกลจาก
ระยะหนึ่งกิโลเมตร! โคตรเทพ!”
จางจิ่งหลินยิ้มมองคนรอบๆ และว่า “ตอนแรกไหนบอกว่า
ไม่อยากได้เริ่มเสี่ยวซู่ บอกว่าเขาผอมบางเกินกว่าจะสู้ไหว แต่ตอนนี้
ฉันว่าถ้ามีคนพยายามชิงตัวเริ่นเสี่ยวซู่เขาก็คงไม่ยอมปล่อยมือแล้ว
ล่ะ”
โจวอิงหลงพึมพำ “ที่พูดตอนนั้นคือไม่อยากได้คนไร้ประโยชน์
หรอก ตอนนี้รู้แล้วว่าเขามีประโยชน์มาก แถมยังสร้างผลงานใหญ่ด้วย!”
ขณะเดียวกันกลุ่มเหล่าผู้บังคับบัญชารอบโต๊ะก็กำลังคิดว่า
โจวอิงหลงนี่ยกยอปอปั้นคนเก่งฉิบ เขารู้ดีว่าผู้บัญชาการจางอยาก
ได้ยินเรื่องเริ่นเสี่ยวซู่ ก็เลยตั้งใจพูดถึงเรื่องความห้าวหาญของอีก
ฝ่าย…
แต่ทุกคนรู้ดีว่าโจวอิงหลงพูดเรื่องจริงทั้งนั้น เพราะโจวอิงหลง
ไม่มีทางกล้าโกหกผู้บัญชาการจางแบบซึ่งหน้าหรอก
มีคนพูดขึ้น “แค่เก่งกล้าสามารถไม่พอหรอก พฤติกรรมเขา
เป็นยังไงบ้าง”
ทุกคนกำลังตัดสินเริ่นเสี่ยวซู่ในฐานะที่เขาเป็นตัวเลือกที่จะ
กลายเป็นผู้บัญชาการแห่งป้อมปราการคนต่อไป ความสามารถก็อีก
เรื่อง แต่ความประพฤติของเขาเองก็สำ คัญเช่นกัน