หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 754
การฝึกฝนในลาวาอันทรมาน
ในลาวาสีแดงฉาน
อสรพิษเพลิงวิญญาณจำนวนมากแหวกว่ายอย่างรวดเร็วขณะที่กวนกระแสหลุมวนลาวาจำนวนมากขึ้น เสียงขู่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำเอาคนฟังหนังหัวลุกชูชัน
เมื่อมองภาพนี้ แม้แต่คนที่มีสภาพจิตใจแบบมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตัวเกร็ง แม้ดูจากขนาดตัวของอสรพิษเพลิงวิญญาณที่นี่ ส่วนใหญ่น่าจะมีอายุไม่ถึงหนึ่งศตวรรษ แต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถประมาทได้
แม้ก่อนหน้าจะดูเป็นเรื่องง่ายสำหรับมู่เฉินในการล่าอสรพิษเพลิงวิญญาณอายุร้อยปี แต่นั่นเป็นเพราะเขาใช้พลังทั้งหมดของร่างเทพสุริยะโดยไม่ยั้ง
แต่ตอนนี้คงเป็นเรื่องยากหากเขาต้องเผชิญกับอสรพิษเพลิงวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ แม้จะมีร่างเทพสุริยะก็ตาม
“นี่ไม่ยากไปหน่อยเหรอ จู่ๆ ก็มาระดับนี้เลยเนี่ย?!” มู่เฉินยิ้มเกร็ง ถึงเขาจะมีความมั่นใจแต่ก็ไม่ได้อวดเก่ง เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถจัดการกับอสรพิษเพลิงวิญญาณมากขนาดนี้ได้เหมือนปอกกล้วยด้วยพลังที่มี
ปีศาจเหล่านี้ไม่ได้ทำมาจากดินน้ำมันนะ
“ตามที่ประมุขบอก เจ้ามีเวลาอยู่สามเดือนเท่านั้น หากเจ้าต้องการเผชิญหน้ากับค่ายกลเก้าทบมังกรเพลิงนับจากนี้อีกสามเดือน เจ้าก็ต้องฝึกด้วยวิธีนี้แหละ” ปิงซินกอดอก ผ้านุ่มลื่นเผยให้เห็นส่วนโค้งเว้า รอยยิ้มเยาะผุดบนมุมปากขณะจ้องมองมู่เฉิน
“แน่นอนว่าข้าก็แค่แนะนำ เจ้าเป็นคนตัดสินเลือกเอง”
มุมปากของมู่เฉินกระตุก ในเมื่อพูดกันขนาดนี้เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?
เมื่อปิงซินเห็นสีหน้าจนใจของมู่เฉินก็ยิ้มออกมา “เอาล่ะ ต่อไปเจ้าก็ฝึกอยู่ที่นี่เถอะ ถ้ามีอะไรปัญหาอะไรก็มาหาข้าได้”
พูดจบนางก็หันหลังเดินออกไปทันที ชั่วไม่กี่อึดใจร่างนางก็หายไปจากสายตา ทิ้งให้มู่เฉินยืนอึ้งอยู่ตามลำพัง ขณะที่สายตามองทะเลลาวาแผดเผาอย่างไร้คำพูด
มู่เฉินยิ้มบื้ออยู่นาน ก่อนจะตั้งสติได้ การเอาแต่กล่าวโทษสวรรค์ไม่ใช่นิสัยของเขา ในเมื่อมาถึงที่แล้ว ไม่ว่าหนทางจะยากลำบากแค่ไหน เขาก็ต้องอดทน
ซู้ด
มู่เฉินสูดลมร้อนผ่าวลงไปลึก เมื่ออากาศผ่านปอด เขาก็รู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในกายกำลังแผดเผา ความเจ็บปวดทำให้ดวงตาสีดำเป็นประกายคมกล้า
มู่เฉินมองลาวาสีแดงฉานนิ่ง หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็บอกได้ว่าแม้จะมีอสรพิษเพลิงวิญญาณอยู่จำนวนไม่น้อยในลาวา แต่ก็ไม่ได้กระจายไปทั่ว มีเพียงบางจุดที่อสรพิษเพลิงวิญญาณมารวมตัวกันอย่างหนาแน่น ขณะที่จุดอื่นเห็นอยู่บางตา
ด้วยพลังของมู่เฉินในตอนนี้ เขาสามารถจัดการกับอสรพิษเพลิงวิญญาณที่มีอายุมากกว่าร้อยปีได้สองสามตัว แต่ถ้าจำนวนมากขึ้น เขาก็ต้องเสี่ยงชีวิต ดังนั้นก่อนที่เขาจะคุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้ เขาควรจะเริ่มจากตื้นไปหาลึก…
พอคิดได้ดังนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลแตะเท้าส่งแรงก่อนที่ร่างจะไปปรากฏที่ขอบทะเลลาวาอย่างลึกลับ เขาลอยอยู่บนอากาศสิบกว่าจั้งเหนือทะเลลาวา จากนั้นก็ก้าวย่างไปบนอากาศอย่างระมัดระวัง
ฟ่อ!
ทันทีที่มู่เฉินเข้าไปในเขตทะเลลาวา อสรพิษเพลิงวิญญาณสิบกว่าตัวที่ว่ายวนอยู่ก็สัมผัสได้ถึงการมาของเขา ทันใดนั้นลาวาก็แหวกออกพร้อมกับร่างอสรพิษเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงพุ่งใส่มู่เฉินพร้อมกับแยกเขี้ยวดุร้ายที่มีลาวาแผดเผาไหลอยู่ภายใน ช่างอันตรายถึงชีวิต
สีหน้ามู่เฉินไม่มีเปลี่ยนแปลงใดๆ ขณะร่างเปลี่ยนเป็นสายฟ้าอย่างรวดเร็ว ลวดลายสายฟ้าเก้าโคจรแล่นแปลบปลาบอยู่บนอก จากนั้นก็ซัดกำปั้นออกไปพร้อมกับเสียงฟ้าคำรามระเบิดออก พายุสายฟ้าสิบกว่าลูกกวาดตัวออก ปะทะกับอสรพิษเพลิงวิญญาณสิบกว่าตัวที่พุ่งเข้ามาอย่างจัง
ปัง!
อสรพิษเพลิงวิญญาณเหล่านี้เทียบไม่ได้กับตัวที่มู่เฉินล่าไปก่อนหน้าเลย แต่ละตัวน่าจะมีอายุเพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้น ดังนั้นการโจมตีของพวกมันจึงไม่เป็นอันตรายในสายตามู่เฉิน เมื่อสายฟ้ากวาดออก อสรพิษเพลิงวิญญาณสิบกว่าตัวก็เปลี่ยนเป็นลาวาระเบิดตัวออก
มู่เฉินกวักมือ แก่นเพลิงวิญญาณสิบกว่าชิ้นก็ลอยเข้ามาและถูกเขาเก็บไว้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเนื่องจากความผันผวนเบื้องหน้ากวาดตัวออกไป ตอนนี้มีกระแสลาวาเชี่ยวกรากจำนวนมากกระเพื่อมบนพื้นผิวทะเล ภายใต้กระแสเหล่านั้นก็คืออสรพิษเพลิงวิญญาณที่ดุร้าย
นอกจากนี้ยังมีหลายตัวที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เห็นชัดว่าพวกมันต้องมีอายุถึงหนึ่งร้อยปีแล้ว
ตู้ม!
คลื่นลาวาขนาดใหญ่ถาโถมเข้ามาพร้อมกับเสียงขู่บาดแก้วหู ลำแสงมากมายที่อัดแน่นไปด้วยลาวาร้อนแรงก็เจาะผ่านมิติพุ่งใส่มู่เฉินจากทุกทิศทาง
เผชิญกับการโจมตีระดับนี้ มู่เฉินก็ไม่กล้าลังเล ความคิดวาบผ่านในใจ ร่างเทพสุริยะก็ก่อตัวขึ้น แสงสีทองหมุนวน ปล่อยให้ลำแสงลาวาโจมตีร่างใหญ่โตไป
ชี่! ชี่!
แม้ว่าการโจมตีของอสรพิษเพลิงวิญญาณเหล่านี้จะรุนแรง แต่การป้องกันของร่างเทพสุริยะไม่เพียงแต่น่าทึ่งมิหนำซ้ำยังได้รับการเสริมพลังจากบ่อทองข่ายฟ้ามาด้วย ดังนั้นการโจมตีเหล่านั้นจึงทำได้แค่ทิ้งรอยไหม้ไว้บนผิวกายเท่านั้น
ภายใต้การควบคุมของมู่เฉิน ร่างเทพสุริยะก็ปล่อยพลังทำลายล้างออกมา ฝ่ามือมหึมาสีทองที่กระแทกลงก็ทะลวงผ่านลาวาคว้าร่างอสรพิษเพลิงวิญญาณดุร้ายไว้ตัวแล้วตัวเล่าก่อนจะบดขยี้พวกมัน
ตู้ม!
ภายใต้การเคลื่อนไหวของร่างเทพสุริยะ ทะเลลาวานี้ก็ปะทุขึ้นมาเต็มรูปแบบ คลื่นม้วนตัวอย่างต่อเนื่อง เสียงแหลมบาดหูดังไม่หยุด
หลังจากที่มู่เฉินเปิดใช้งานร่างเทพสุริยะ อสรพิษเพลิงวิญญาณธรรมดาที่มีอายุเป็นทศวรรษก็ถูกเขาสังหารในพริบตา มีเพียงตัวที่มีขนาดใหญ่ อายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีที่พลังเทียบเท่าระดับจื้อจุนขั้นสามเท่านั้นที่สามารถต้านทานพลังการของมู่เฉินได้
แม้ว่าอสรพิษเพลิงวิญญาณจะไม่มีสติปัญญา แต่ก็ได้เปรียบด้านจำนวนที่มากกว่า ดังนั้นเมื่อพวกมันเลื้อยเข้ามาหาร่างเทพสุริยะไม่สิ้นสุด มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงในร่างที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
มากเสียจนแม้แต่แสงสีทองเปล่งปลั่งบนร่างเทพสุริยะหม่นแสงลง
ตู้มมม!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ของร่างเทพสุริยะทะลุผ่านลาวาคว้าร่างอสรพิษเพลิงวิญญาณอายุหนึ่งร้อยปีก่อนจะกระชากมันจนขาดจากกัน
แก่นเพลิงวิญญาณสีแดงลอยออกมาและถูกมู่เฉินที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างเทพสุริยะเก็บไว้
เพียงสี่ชั่วโมงเขาก็สังหารอสรพิษเพลิงวิญญาณที่มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีไปได้ห้าตัว ส่วนตัวที่อายุต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีมีหลายสิบตัวเลยทีเดียว
แน่นอนว่าราคาที่ต้องแลกกับความสำเร็จนี้ก็คือแสงสีทองบนร่างเทพสุริยะที่หม่นลงเนื่องจากคลื่นหลิงถูกใช้ไปมหาศาล การต่อสู้ไม่รู้จบทำให้คลื่นหลิงของเขาอ่อนล้ามากกว่าการต่อสู้กับฉิงเปยเสียอีก
เนื่องจากในเวลานี้มู่เฉินไม่กล้าที่จะผ่อนคลายแม้แต่น้อย เขาต้องหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างโดยไม่ยั้ง มิฉะนั้นหากเขาปล่อยให้อสรพิษเพลิงวิญญาณพวกนั้นพบช่องโหว่เข้าละก็ งานนี้เขาซี้แหงแก๋แน่
เมื่อถึงเวลาแบบนี้อสรพิษเพลิงวิญญาณที่มีพลังอ่อนแอก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้อีก ดังนั้นอสรพิษเพลิงวิญญาณส่วนใหญ่ที่โจมตีมู่เฉินจึงเป็นตัวที่มีอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีทั้งหมด บางครั้งมู่เฉินถึงขนาดต้องตั้งรับการโจมตีน่าสะพรึงจากอสรพิษเพลิงวิญญาณที่มีอายุมากกว่าศตวรรษถึงแปดตัวในคราเดียว
การต่อสู้ที่หนักหนาเช่นนี้ส่งผลให้คลื่นหลิงลดลงอย่างรวดเร็ว มู่เฉินก็เริ่มอ่อนล้าลงเรื่อยๆ
ภายในร่างเทพสุริยะ ใบหน้าของมู่เฉินซีดลง ความเร็วในการสูญเสียคลื่นหลิงเช่นนี้ บางทีอีกหนึ่งชั่วโมง คลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ก็จะเริ่มเหี่ยวแห้ง
ในสถานการณ์ทั่วไปเมื่อคลื่นหลิงสูญเสียไปมาก ก็ควรถอนตัวออกจากการต่อสู้อย่างรวดเร็ว จากนั้นหาสถานที่สงบเงียบฟื้นคืนพลังกลับมา
ทว่าดวงตาสีดำของมู่เฉินที่ร้อนแรงมากยิ่งขึ้น กลับไม่มีทีท่าว่าจะถอยหนีแต่อย่างใด เพราะเขาสัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงในร่างกายทำงานมากกว่าปกติ
การต่อสู้อย่างต่อเนื่องและคลื่นหลิงที่สูญเสียไปเรื่อยเป็นสัญญาณที่กระตุ้นคลื่นหลิงได้มากที่สุด
ยิ่งเข้าใกล้ขีดจำกัด ก็ยิ่งห้ามถอย!
มู่เฉินกำหมัด ก้อนแสงสีแดงจำนวนมากก็ปรากฏตรงหน้า นี่คือแก่นเพลิงวิญญาณที่เขาได้มาก่อนหน้า สายตาเขาจดจ้องที่กลุ่มแสงสีแดง จากนั้นก็โยนพวกมันเข้าปากโดยไม่ลังเล
การชำระแก่นเพลิงวิญญาณจะนำมาความปวดแสบปวดร้อนแสนสาหัสมาสู่ร่างกาย โดยปกติแล้วหากมีใครต้องการชำระ พวกเขาจะมองหาสถานที่สงบเงียบ ส่วนคนที่เหมือนกับมู่เฉินที่กล้าชำระระหว่างการต่อสู้มีน้อยนัก
ตู้ม!
เมื่อแก่นเพลิงวิญญาณเข้าไปในร่าง หน้าตาหัวหูของมู่เฉินก็แดงก่ำไปหมด ราวกับทั่วสรรพางค์กายจะลุกเป็นไฟ
คลื่นหลิงที่ราวกับลาวาหมุนเวียนในร่างกายอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดเกินบรรยายแผดเผาเส้นสาย ซึ่งทำให้ใบหน้าของมู่เฉินบิดเบี้ยวไปหมด ทว่าเขาก็กัดฟันข่มความเจ็บปวด เลือดไหลซึมออกมาจากร่องฟัน แต่เขาก็ดูเหมือนไม่คิดจะหยุดเลย
เขาหมุนเวียนวิชามหาเจดีย์ชำระคลื่นหลิงในร่าง จากนั้นก็ควบคุมร่างเทพสุริยะให้หลบหลีกการโจมตีที่ดุดัน
เลือดไหลออกจากปากมู่เฉิน แต่แววตาพลางพล่านมากกว่าเดิม จากนั้นมุมปากก็ค่อยๆ โค้งขึ้น
ทระนงตนและดื้อดึง
เพราะเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นในร่างกายแล้ว
ขณะที่มู่เฉินจมอยู่ในการต่อสู้ไร้ที่สิ้นสุดอันขมขื่น
บนแท่นหินหนึ่งก็มีหน้าจอแสงวูบไหว ภาพในนั้นคือร่างเทพสุริยะที่หม่นแสงลงกำลังติดอยู่ในศึกเหน็ดเหนื่อย
ปิงซิน เถี่ยซัน เหล่าแม่ทัพหน่วยรบกงเวทสวรรค์และนักรบอีกหลายคนต่างเงยหน้าขึ้นมองมู่เฉินที่อยู่ในการต่อสู้ยากลำบากพลางเม้มปาก
“เจ้านี่บ้าบิ่นใช้ได้ ดูจากท่าทางเดี๋ยวข้าคงต้องไปช่วยเหลือเขาแล้ว ช่างไม่รู้จักขีดจำกัดของตัวเองจริงๆ ยังไม่ยอมถอยในเวลานี้อีก” ปิงซินเอ่ยอย่างไม่พอใจ ก่อนหน้ามู่เฉินมีคลื่นหลิงปริมาณเพียงพอที่จะฝ่าวงล้อมออกมา แต่เขาก็ไม่ยอมถอย ตอนนี้เขาถูกอสรพิษเพลิงวิญญาณล้อมวงเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์สุดท้ายของมู่เฉินจะมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือคลื่นหลิงของเขาหมดเกลี้ยงและถูกอสรพิษเพลิงวิญญาณรุมล้อมฉีกเป็นชิ้นๆ
แม่ทัพอีกสามคนพยักหน้าเช่นกัน มู่เฉินดูไม่เหมือนคนบ้าบิ่น แล้วทำไมถึงทำเช่นนี้
ปิงซินเหลือบมองหน้าจอแสงแวบหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าอย่างผิดหวัง แต่ขณะที่ฝ่าเท้าของนางกำลังจะขยับ เสียงอื้ออึงก็ดังไปทั่วทั้งแท่นหิน
นางรีบเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นดวงตาเย็นชาก็หดเกร็งลงฉับพลัน
ภายใต้วงล้อมหนาแน่นของอสรพิษเพลิงวิญญาณ ร่างเทห์สวรรค์ที่หม่นแสงลงก็ระเบิดแสงสว่างจ้าออกมาอีกครั้ง
คลื่นหลิงน่าอัศจรรย์พวยพุ่งออกมาราวกับภูเขาไฟจากร่างใหญ่โต