หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 780
สู้กับหลิ่วเหยียน
บนท้องฟ้าเหนือภูเขากระดูกขาว
หลิ่วเหยียนยืนเอามือไพล่หลัง ดวงตาเปล่งประกายแสงเย็นเยือก อึดใจเขาก็หายใจเข้าเบาๆ ขณะที่สายตาเปลี่ยนเป็นเฉยเมย
“ช่างเป็นไอ้โง่อะไรขนาดนี้…”
เขาพึมพำกับตัวเอง จากนั้นรอยยิ้มน่าขนลุกก็โค้งบนมุมปาก เขาจ้องมองมู่เฉินพลางเอ่ยเสียงเบา “แต่ข้าไม่ให้โอกาสแกที่จะเสียใจในตัดสินใจแล้ว”
“ดังนั้นข้าจะให้แกพกความเสียใจลงนรกไปด้วย”
หลิ่วเหยียนแสยะยิ้มเย็นเท้าก้าวมาข้างหน้า ทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบลงไป มหาสมุทรคลื่นหลิงกว้างใหญ่ก็ระเบิดออกมาจากทุกทิศทาง คลื่นหลิงสีแดงสดปกคลุมขอบฟ้า เมื่อมองจากที่ไกลก็ดูราวกับท้องฟ้ากำลังลุกไหม้
พลังของหลิ่วเหยียนเหนือกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ธรรมดา นับว่าอยู่ในระยะปลายสุดแล้ว เทียบกับฉิงเปยแดนร้อยสงคราม เขาถือว่าทรงพลังมากกว่าหลายเท่า
ภายใต้แรงกดดันนี้ หากเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามธรรมดาคงจะไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งที่ไร้หนทางตอบโต้ นี่คือความมั่นใจในตัวเองของหลิ่วเหยียน
มู่เฉินมองคลื่นหลิงกว้างใหญ่สีแดงเพลิง ดวงตาก็หดเกร็งลงเล็กน้อย ในแววตาปรากฏความเคร่งเครียดเบาบาง สำหรับศัตรูอย่างหลิ่วเหยียน เขาไม่เคยคิดจะประมาทเลย
ไม่กี่เดือนก่อนหน้า มู่เฉินรู้ว่าหากสู้กับหลิ่วเหยียน โอกาสจะชนะมีน้อยนิดแน่ ดังนั้นเขาจึงอดทนต่อการท้าทายของหลิ่วเหยียนในตอนนั้นไว้
แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นที่ต้องทนอีกต่อไป สามเดือนที่ผ่านมาทำให้เขาบรรลุขุมพลังได้ แม้จะยังมีช่องว่างอยู่บ้างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่อย่างหลิ่วเหยียน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปที่จะเอาชนะสำหรับมู่เฉิน
เสาปีศาจลอยคว้างที่ด้านขวามือของมู่เฉินขณะรังสีชั่วร้ายกวาดออก มู่เฉินมองหลิ่วเหยียนที่มีคลื่นหลิงเชี่ยวกรากอยู่เบื้องหลัง ก็ทำท่ากอด เสาปีศาจกลายเป็นเงาสายหนึ่งฟาดใส่หลิ่วเหยียนอย่างไร้ปรานี
หลิ่วเหยียนมองเสาปีศาจที่พุ่งลงมาก็กำมือ หอกยาวสีแดงสดปรากฏขึ้นพร้อมกับเปลวไฟไหลเวียนบนตัวหอกยาว
เคร้ง!
หอกยาวสีแดงสดเสือกออกไป ปลายหอกที่ดูเล็กบางกลับหยุดเสาปีศาจเอาไว้ได้ โดยที่ตัวหอกงอลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทันทีที่โจมตี หลิ่วเหยียนก็ได้แสดงพลังน่าตกใจของจอมยุทธ์อันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์
ฮึ่ม!
หอกยาวสีแดงสั่นไหวขณะที่คลื่นหลิงน่าสะพรึงระเบิดออก แรงทำให้เสาปีศาจกระเด็นกลับไป อึดใจหลิ่วเหยียนก็ซัดหอกออกไปโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน
“ตู้ม!”
จังหวะที่หลิ่วเหยียนซัดหอก เสาลาวาก็ระเบิดออก คลื่นหลิงรุนแรงและแผดเผา ทำให้อุณหภูมิในบริเวณนี้พุ่งสูงขึ้นฉับพลัน
ลาวาข้ามผ่านขอบฟ้าบินฉวัดเฉวียนไปที่มู่เฉินราวกับมังกรไฟ
มวลคลื่นความร้อนกวาดออก คลื่นหลิงทรงพลังราวกับจะฉีกขาดขอบฟ้าออกจากกัน มู่เฉินมีสีหน้าเคร่งขรึม มิติเบื้องหลังบิดเบี้ยว จุดจื้อจุนไห่ปรากฏเบาบาง จากนั้นเขาก็เทคลื่นหลิงเข้าไปในเสาปีศาจ ก่อนจะฟาดลงมา
เสาปีศาจและสายลาวาปะทะกันบนท้องฟ้า ทันใดนั้นลาวาก็กระเซ็นไปทุกทิศทางราวกับฝนเพลิง จุดที่ปะทะกันแม้แต่มิติยังบิดเบี้ยว
ลาวาระเบิด มู่เฉินก็ถอยออกมาพร้อมกับเสาปีศาจ ด้านบนเสาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานด้วยอุณหภูมิสูงที่เกือบจะทำละลาย แต่สุดท้ายก็ถูกสลายไปด้วยรังสีชั่วร้ายของเสาปีศาจ
มู่เฉินรู้สึกถึงความด้านชาในมือ คิ้วขมวดเข้าหากัน หลิ่วเหยียนสมกับตำแหน่งอันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์ หลังจากแลกกระบวนท่ากัน มู่เฉินก็เข้าใจว่าหลิ่วเหยียนทรงพลังเพียงใด เมื่อสู้กันตัวต่อตัว อีกฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นชัด
“ถ้านี่ดีที่สุดที่แกมี ข้าก็รู้สึกผิดหวังไปเลย”
หลิ่วเหยียนแค่นเสียงขณะยืนกลางอากาศ ตราประทับวาดขึ้นในมือทั้งคู่ มหาสมุทรคลื่นหลิงสีแดงสดกวาดออก ก่อร่างเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ตบลงบนร่างมู่เฉิน
“ฝ่ามือผลาญปีศาจ!”
ฝ่ามือเพลิงกดลงมาจากขอบฟ้าพร้อมกับลวดลายสีดำเต็มฝ่ามือ พลังทำลายล้างครอบงำกระจายออกมาเบาบาง
แม้หลิ่วเหยียนจะเยาะเย้ย แต่การโจมตีกลับไร้ปรานีอย่างสิ้นเชิง ไม่ปล่อยให้มู่เฉินมีเวลาหายใจ เห็นได้ชัดว่าหลิ่วเหยียนตั้งใจสังหารเขาด้วยความเร็วสูงสุด
มู่เฉินมองหลิ่วเหยียนที่มีพลังคมชัดมากขึ้นก็สูดหายใจลึก ม่านตาเปลี่ยนเป็นสีดำลึกล้ำพร้อมกับเส้นผมงอกยาวอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจผมยาวก็ปลิวไสวรูปลักษณ์นี้ของมู่เฉินมองเป็นผู้ใหญ่ไร้ซึ่งขีดจำกัด สายตาไม่มีริ้วกระเพื่อมใดๆ ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าประมาท
เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าสู่สภาวะฤทัยปีศาจแล้ว
ภายใต้สภาวะนี้ มู่เฉินจะควบคุมคลื่นหลิงได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นระดับที่ปกติยากจะไปถึง
มู่เฉินแตะฝ่าเท้าไปปรากฏตัวเหนือยอดเสาปีศาจ คลื่นหลิงสองชนิดพวยพุ่งบนฝ่ามือ จากนั้นมู่เฉินก็วาดตราประทับด้วยมือทั้งสองด้วยความเร็วปานสายฟ้า
“โฮก!”
เสียงมังกรและคชสารคำรามลั่นในทันที ลำแสงสองสายพุ่งออกมาจากจุดจื้อจุนไห่เบื้องหลัง แล้วไขว้พันกัน เปลี่ยนเป็นจานแสงมังกรคชสารพุ่งเข้าห้ำหั่นกับฝ่ามือปีศาจที่กดลงมาอย่างหนักหน่วง
ตึง!
ประกายไฟระเบิดบนท้องฟ้า ราวกับภาพดอกไม้ไฟตระการตาที่เจิดจ้าและอันตราย
เมื่อกลุ่มควันลุกโชน ร่างร่างหนึ่งก็ทะยานออกมาปรากฏตัวเบื้องหน้าหลิ่วเหยียนในพริบตา ผมยาวสีดำปลิวไปตามสายลม ฝ่ามือข้างขวาของมู่เฉินที่มาพร้อมกับสายฟ้าไร้รูปร่างพุ่งเป้าไปที่อีกฝ่าย
ตู้มมม!
สายฟ้าสว่างวาบขณะที่หลิ่วเหยียนกระตุกตัวทันที เสียงสายฟ้าครางฮึ่มฮั่มกรีดแทงในหัวใจ เมื่อสายฟ้าแผดเสียง ก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายของเขาสั่นกระเพื่อม
“นี่คือ…สายฟ้าฤทัยปีศาจดำรึ?!” สายตาของหลิ่วเหยียนเปลี่ยนไป เขาสมกับเป็นนายน้อยตำหนักสุดนภาจริงๆ มีความรู้ลึกซึ้ง สามารถรู้ถึงพลังการโจมตีของมู่เฉินได้ในทันที
ตู้มๆๆๆ!
ใบหน้าของมู่เฉินสงบนิ่งไร้ริ้วอารมณ์ เวลาเดียวกันเมื่อมือขวาพุ่งไปที่หลิ่วเหยียนพร้อมกับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำพวยพุ่ง เพลิงสีม่วงก็ลุกโชนบนมือซ้าย พุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลิ่วเหยียนปานสายฟ้าฟาด
นี่เป็นการโจมตีที่สมบูรณ์แบบที่บีบให้หลิ่วเหยียนต้องล่าถอยแบบทุลักทุเล เนื่องจากคลื่นหลิงในร่างสั่นสะท้านด้วยสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ มิหนำซ้ำมู่เฉินยังใช้โอกาสนี้ซัดการโจมตีอีกชุดด้วย
หลิ่วเหยียนไขว้แขนตรงหน้าปล่อยปราการคลื่นหลิง ต้านทานคลื่นหลิงที่แทรกเพลิงสีม่วงไว้ แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายก็คือแขนเสื้อไหม้เป็นผุยผง แม้แต่ท่อนแขนก็ยังไหม้เกรียมอีกด้วย ถึงเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็มีสภาพดูไม่จืดเลย
หลิ่วเหยียนถอยออกไปหลายร้อยจั้ง ข่มเสียงฟ้าคำรามในใจไว้ แต่เมื่อมองแขนที่มีรอยไหม้ดำ สีหน้าของเขาก็อดคล้ำลงไม่ได้
ขณะที่มู่เฉินแลกกระบวนท่ากับหลิ่วเหยียน ก็มีร่างแสงจากด้านนอกภูเขากระดูกขาวเริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คนเหล่านั้นก็คือจอมยุทธ์ที่ฝ่าด่านป้องกันของเหล่าวานรขาวมาได้
เมื่อพวกเขามาถึงบริเวณนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นมู่เฉินกับหลิ่วเหยียนห้ำหั่นกันด้วยความกลัวพล่านในดวงตา แต่ละคนไม่กล้าก้าวเข้าไปใกล้ทั้งคู่
เพราะสถานะของหลิ่วเหยียนที่เป็นจอมยุทธ์อันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์ทำให้พวกเขาเกรงขามอยู่ไม่น้อย
ทว่าพวกเขาก็มีไหวพริบ ชัดว่าต้องการแค่มองดูเฉยๆ แต่ตอนแรกพวกเขาคิดว่าการดวลครั้งนี้คงอยู่ไม่นาน เนื่องจากมู่เฉินกับหลิ่วเหยียนไม่ได้มีพลังระดับเดียวกันเลย
อย่างไรก็ตามความคิดนี้คงอยู่เพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะเห็นหลิ่วเหยียนตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ เหล่าจอมยุทธ์ที่เฝ้ามองอดไม่ได้ที่จะม่านตาหดลงด้วยความตกตะลึงในใจ พวกเขาไม่กล้าสบประมาทมู่เฉินอีกต่อไป
ใบหน้าของหลิ่วเหยียนเขียวคล้ำเมื่อมองมู่เฉิน ทว่ามู่เฉินที่เข้าสู่สสภาวะฤทัยปีศาจก็ไม่สนใจสายตาน่าขนลุกนั่นสักนิด เขาเคลื่อนตัวพุ่งออกไป มือขวาที่เป็นประกายสายฟ้าไร้รูปร่างยกขึ้นอีกครั้ง
เห็นดังนี้แล้ว หลิ่วเหยียนก็ตกใจรีบตั้งสมาธิเตรียมข่มสายฟ้าฤทัยปีศาจดำประหลาดนั่นอีกครั้ง
โฮก!
แต่ขณะที่เขาเตรียมรับมือกับเสียงฟ้ากัดกร่อนในร่าง ฝ่ามือมู่เฉินก็วาดกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว ลำแสงสี่สายยิงออกจากทะเลพลังจากทางด้านหลัง ก่อตัวเป็นมังกรและคชสารอย่างละสองตัว
“วิชาเก้ามังกรคชสาร!”
เสียงที่ไม่แยแสดังออกมาจากปากของมู่เฉินเบาๆ อึดใจตราประทับในมือก็เปลี่ยนแปลงวูบไหว มังกรและคชสารกลายเป็นจานแสงขนาดใหญ่
วาบ!
จานแสงมังกรคชสายปรากฏเหนือร่างหลิ่วเหยียนในพริบตา ก่อนที่จะซัดลงมาอย่างไม่ปรานี
เส้นเลือดบนหนังหัวหลิ่วเหยียนเต้นตุบๆ เนื่องจากเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะเล่นลูกไม้นี้ ร่างเขาเคลื่อนไหวเตรียมล่าถอยทันที
ทว่าจังหวะที่เขาถอย มู่เฉินก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง
ตู้ม!
ครั้งนี้เสียงฟ้าคำรามกลับดังในใจของหลิ่วเหยียนตามคาด เสียงกรีดแหลมของสายฟ้าทำให้ร่างของเขาหยุดชะงัก แม้เขาจะชะงักไปในช่วงสั้นๆ แต่ก็เป็นอันตรายอย่างยิ่งในการเผชิญหน้าครั้งนี้
ภายใต้สายตาตกตะลึงจำนวนมากรอบด้าน จานแสงมังกรคชสารก็กวาดลงมาพร้อมกับความผันผวนคมกริบ หากใครถูกซัดด้วยพลังการโจมตีนี้ละก็ แม้แต่จอมยุทธ์ที่ทรงพลังอย่างหลิ่วเหยียนก็ได้รับบาดเจ็บแน่นอน
ตึง!
คลื่นหลิงรุนแรงระเบิดบนท้องฟ้าขณะที่คลื่นหลิงสีแดงสดม้วนตัวเป็นเกลียวราวกับเปลวไฟ ดึงดูดความสนใจของทุกคน
สายตาว่างเปล่าของมู่เฉินจับจ้องที่จุดระเบิด อึดใจขนตาเขาก็เหมือนจะกะพริบเบาๆ
คลื่นหลิงสีแดงสดไร้ขอบเขตค่อยๆ สลายตัว ม่านตาของจอมยุทธ์รอบๆ ก็ต้องหดลงกับฉากนี้
บริเวณที่คลื่นหลิงสีแดงสดสลายตัว ร่างใหญ่โตก็ปรากฏจากที่ใดไม่ทราบได้ ร่างนี้มีสีแดงพวยพุ่งด้วยเพลิงสีต่างๆ รอบกาย เมื่อมองไกลๆ ก็ดูเหมือนกับเทพแห่งไฟยาตราเข้ามา
อุณหภูมิในบริเวณนี้พุ่งสูงขึ้น แม้แต่ชั้นบรรยากาศก็เหมือนจะลุกไหม้
สายตาว่างเปล่าของมู่เฉินมองร่างลุกโชนด้วยเปลวไฟหลากสีพร้อมกับพึมพำออกมา “ร่างมหาเพลิงนภา…”