หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 796
เริ่มการแข่งขัน
เสาแสงสีทองเข้มยืนตระหง่าน
ราวกับว่าทะลุผ่านชั้นเมฆหนาทึบ ภายใต้แสงโชติช่วงของเสาแสงสีทองเข้ม ทั้งจัตุรัสมังกรหงส์ก็ดูสว่างไสวไปในตอนนี้เลยทีเดียว
ทุกคนต่างตะลึงเมื่อมองเสาแสงสีทองเข้มอันเป็นเอกลักษณ์ ขณะแสงฉายบนใบหน้าพวกเขา ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมการอ่านค่ามู่เฉินถึงได้ผลลัพธ์แบบนี้ นั่นหมายความว่าอย่างไรกัน? หมายความว่าแก่นเลือดมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงภายในร่างกายของมู่เฉินหนาแน่นจนไม่มีใครสามารถเทียบกับเขาได้งั้นหรือ?
จากการอ่านค่าเมื่อครู่ ฟังยี่กับโยวหมิงสร้างกายามังกรแท้จริงได้ก็นับว่าน่าตกใจมากแล้ว แต่ใครจะคิดว่ามู่เฉินจะมีผลลัพธ์ที่น่ากลัวมากกว่าเสียอีก…
ความเข้มข้นของแก่นเลือดมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าท้จริงในร่างกายเขาอยู่ในระดับไหน? เขาได้รับแก่นเลือดมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
ไม่เพียงแต่จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนในบริเวณนี้มีสีหน้าตกใจสุดขีด แม้แต่เหล่าคนที่อยู่บนจัตุรัสมังกรหงส์ยังต้องแลกเปลี่ยนสายตากันขณะที่รู้สึกมหัศจรรย์ใจ
ฟังยี่กับโยวหมิงขมวดคิ้วลงเล็กน้อยขณะมองเสาแสงของมู่เฉินด้วยสายตาวูบไหว สายตาแลกเปลี่ยนกันเบาๆ ก่อนจะละไป
ซูปี้เยี่ย หงหยู ติงเซวียนและคนอื่นต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วนเมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันที่แผ่จากร่างของมู่เฉิน
ใบหน้าของหลิ่วเหยียนที่ไม่เคยดีก็มืดครึ้มมากกว่าเดิม รังสีสังหารลึกลงไปในดวงตาเข้มข้นมากขึ้น
เสาแสงสีทองเข้มยังคงอยู่เป็นเวลานานที่ภายใต้สายตาของทุกคน ก่อนที่จะค่อยๆ จางสลายไป
ดวงตาที่ปิดสนิทของมู่เฉินค่อยๆ ลืมขึ้นพลางเหลือบมองจัตุรัสเงียบงัน เขาขมวดคิ้วเร้าคลื่นหลิงในร่างเงียบๆ
ชัดว่านี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเขากับการที่แก่นเลือดในร่างของเขาถูกเปิดเผยทันที หากเป็นไปได้มู่เฉินก็ไม่อยากให้ต้องเปิดเผยออกมา เนื่องจากนี่จะทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของทุกคนได้ง่าย
เพราะนั่นหมายความว่าเขามีโอกาสสูงสุดที่จะได้รับมรดกมังกรหงส์
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นเป้าเกลียดชังของความอิจฉา จุดนี้สังเกตได้จากสายตาระวังที่ยิงมาอยู่เรื่อย ซึ่งสายตาเหล่านั้นในตอนแรกส่วนใหญ่ยิงเข้าหาฟังยี่กับโยวหมิง
แต่โชคดีที่เขาอยู่กับไฉ่เซียว จอมยุทธ์คนอื่นๆ เลยไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
เมื่อแสงสลายหายไป จัตุรัสมังกรหงส์ก็กลับสู่ความเงียบงอีกครั้ง จอมยุทธ์จำนวนมากมีสายตาเปล่งประกาย แต่ไม่มีใครกล้าเริ่มตุกติก
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองชั้นหินที่ก่อร่างจากปีกหงส์ฟ้า เห็นชัดว่ามรดกมังกรหงส์จะต้องอยู่ที่จุดสุงสุดของจัตุรัสมังกรหงส์หลงเฟิ่งแห่งนี้ หากใครต้องการรับมรดก ก็จะต้องขึ้นไปให้ได้
ผู้ที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดคนแรกจะมีโอกาสได้รับมรดก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าเปิดก่อน เพราะกลัวจะสร้างความเกลียดชังให้กับคนอื่น
ทว่ามู่เฉินรู้ว่าการรั้งรอจะคงอยู่ไม่นาน
และคนที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็คือฟังยี่ อันดับหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีในบันทึกมังกรหงส์ เขาเหลือบมองมู่เฉินกับไฉ่เซียวก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ในเมื่อทุกคนไม่อยากเป็นฝ่ายเริ่มก่อน งั้นก็ให้ข้าเป็นคนเริ่มก่อนละกันนะ”
เขามีฝีมือองอาจและไม่สนใจว่าใครจะทำอะไร เขาไม่รอคำตอบกระทืบเท้าทะยานตัวขึ้นไป ทิ้งภาพเงาไว้ในอากาศ
ตู้ม!
ทันทีที่ฟังยี่ขยับ ร่างโยวหมิงก็เปลี่ยนเป็นลำแสงมืดมนพุ่งผ่านขอบฟ้าราวกับสายฟ้า ทิ้งชั้นลานหินไว้เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว
ปัง! ปัง!
เมื่อทั้งสองเคลื่อนไหว ทันใดนั้นก็ทำลายความเงียบบนจัตุรัส จอมยุทธ์ทุกคนกวาดคลื่นหลิงออกจากตัวราวกับพายุเฮอริเคน ขณะที่ลานหินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ร่างคนจำนวนมากก็ทะยานขึ้นไปบนฟ้า
มู่เฉินกับไฉ่เซียวสบตากัน ก็เปลี่ยนเป็นลำแสงเหาะออกไปเช่นเดียวกัน
สายตานับไม่ถ้วนในบริเวณนี้พุ่งตรงไปยังเส้นแสงที่พุ่งทะยานขึ้นไปก็ถูกตีกวนทันที เพราะพวกเขารู้ว่าการแข่งขันบนจัตุรัสมังกรหงส์ได้ฤกษ์ระเบิดออกมาแล้ว
เว้นแต่พวกเขาไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนที่สามารถขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในบันทึกมังกรหงส์แน่นอน
วาบ!
มู่เฉินเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด เปลี่ยนเป็นร่างแสงเคลื่อนผ่านชั้นหินชั้นแล้วชั้นเล่า เขาเงยหน้าขึ้นมองและใช้คลื่นหลิงอำพรางพูดกับไฉ่เซียว “ยิ่งขึ้นไปชั้นบน จำนวนชั้นหินก็จะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งชั้นหินพวกนั้นจำเป็นต่อการขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ดังนั้นเราจะต้องครองลานประลองให้ได้คนละแห่งเมื่อถึงตอนนั้น”
จากข้อมูลที่มู่เฉินได้รับ แม้ว่าจะมีลานประลองมากมายที่ชั้นล่างสุดและสามารถรองรับผู้คนได้ทั้งหมดจึงไม่จำเป็นต้องแข่งขันกัน แต่ยิ่งเมื่อพวกเขาขึ้นสูงจำนวนของลานประลองก็จะลดลง ในเวลานั้นจะเกิดสถานการณ์มีคนมากกว่าลานประลอง ดังนั้นท้ายที่สุดการต่อสู้รุนแรงก็ยังคงระเบิดออกอยู่ดี
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ไฉ่เซียวก็พยักหน้าอย่างเบาๆ “งั้นถึงตอนนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วยนะ”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ลำแสงเกือบร้อยสายพุ่งทะยานสู่ขอบฟ้าราวกับดาวหาง ขณะที่ข้ามผ่านลานประลองมังกรหงส์ที่หลอมด้วยทองคำ ช่างเป็นฉากที่น่าตื่นตา ทว่าทุกคนต่างค่อยๆ กำหมัดแน่น เพราะเริ่มรู้สึกถึงคลื่นหลิงรุนแรงมากมายที่แผ่ซ่านจากลำแสงเหล่านั้นเงียบๆ
“จำนวนลานประลองกำลังลดลงแล้ว!”
มีบางคนอุทานขึ้น พวกเขาจ้องตรงไปข้างหน้า แน่นอนว่าพวกเขาเห็นบนท้องฟ้าไกลออกไป จำนวนลานประลองมังกรหงส์ที่เคยมีมากก็ลดจำนวนลง เมื่อมองคร่าวๆ ก็เห็นชัดว่าไม่สามารถรองรับทุกคนที่มาได้แล้ว
ตู้ม!
ลำแสงเกือบร้อยสายแยกออกจากกัน คนที่เหาะขึ้นมาก่อนพุ่งตัวลงไปราวกับสายฟ้า จับจองลานประลองเอาไว้
ทว่าไม่มีสักคนที่มาถึงที่นี่ง่ายดายต่อการจัดการ การพยายามให้พวกเขายอมรับกฎมาก่อนได้ก่อนเป็นไปไม่ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นบางคนก็เริ่มมีแสงโหดร้ายกะพริบในดวงตาขณะพุ่งเข้าลงสู่ลานประลองที่ถูกยึดครอง คลื่นหลิงรุนแรงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ปัง! ปัง!
คลื่นหลิงรุนแรงกวาดออกไปบนลานประลองหลายแห่ง ทันใดนั้นบรรยากาศสงบสุขก็หายวับไปถูกแทนที่ด้วยรังสีสังหาร
ความเร็วของมู่เฉินกับไฉ่เซียวรวดเร็วมาก ดังนั้นทั้งสองจึงได้ครอบครองลานประลองเป็นคนแรกๆ
แต่ทันทีที่มู่เฉินจับจองลาน ความผันผวนของคลื่นหลิงรุนแรงมากก็ระเบิดออกมาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงตะเบ็งลั่น “ไสหัวไป!”
มู่เฉินมีสีหน้าสงบนิ่งขณะแสงสีทองแผ่ซ่านคลุมเครือบนชั้นผิวหนัง ราวกับก่อตัวเป็นเกล็ดมังกรทองหนาแน่น จากนั้นเขาก็ฟาดฝ่ามือกลับ
ตู้ม!
ฝ่ามือและกำปั้นปะทะกันอย่างหนักหน่วงพร้อมกับคลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากวาดออก ทว่าร่างของมู่เฉินกลับไม่ได้ขยับเขยื้อน เป็นฝ่ายหลังที่ต้องถอยออกไปหลายก้าว
เมื่อเงยหน้าขึ้นมู่เฉินก็เห็นชายชุดดำมองมาอย่างน่าขนลุก มู่เฉินไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อน แต่ดูจากคลื่นหลิงที่ผันผวนบนร่างนั่น เขาก็มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ ทว่ายังมีช่องว่างกว้างใหญ่ระหว่างเขากับหลิ่วเหยียน
“ข้าเฉินฟานจากสำนักเงาภูต ข้าต้องขอให้แกหลีกทางให้ด้วย” ชายชุดดำมองมู่เฉินอย่างน่าขนลุกพร้อมกับแววเหี้ยมเกรียมอัดแน่นในดวงตา แม้เขาจะรู้ว่ามู่เฉินไม่ได้รับมือง่าย แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เขาต้องถอย นอกจากนี้มู่เฉินกับไฉ่เซียวก็แยกกันแล้ว เขาหวังใช้โอกาสได้เปรียบนี้กำจัดมู่เฉินให้ได้
ทว่าม่านตาสีดำของมู่เฉินทำเพียงจ้องมองอย่างไม่แยแสก่อนที่จะหันหลังกลับจากไป
“รนหาที่ตาย!”
เฉินฟานกระตุกยิ้มจากความกรุ่นโกรธของสถานการณ์นี้ แม้ว่ามู่เฉินจะไม่ได้รับมือง่ายๆ แต่มันคิดว่าตัวเองเป็นฟังยี่หรือไง? ถึงกล้าเมินเขา!
ตู้ม!
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตระเบิดออกมาจากร่างเขาพร้อมกับร่างสีดำขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น ร่างสีดำใหญ่โตรายล้อมด้วยรัศมีชั่วร้ายราวกับอสูร เฉินฟานไม่คิดหยั่งเชิงใดๆ เขาเร้าร่างเทห์สวรรค์ออกมาตั้งแต่กระบวนท่าแรก
“ร่างเงาภูต ปีศาจหมื่นเงา!”
แสงสีแดงกะพริบในดวงตาของร่างสีดำ จากนั้นมันก็ซัดฝ่ามือออกไป ภายใต้ฝ่ามือเงาดำมืดฟ้ามัวดินก็โถมซัดขึ้น ราวกับภูตผีส่งเสียงกรีดร้องแหลมแสบแก้วหู คลื่นพลังน่ากลัวทำให้มิติบิดเบี้ยวเลยทีเดียว
“นั่นเฉินฟานจากสำนักเงาภูติ เขาหมายหัวมู่เฉินแล้ว!”
“เฉินฟานคนนั้นชั่วช้า ร่างเงาภูตว่ากันว่ามีพิษร้ายแรงมาก ทุกคนที่มันฆ่าล้วนถูกดูดวิญญาณและเปลี่ยนเป็นพลังภูตผี!”
เห็นได้ว่ามีความสนใจมากมายพุ่งไปยังมู่เฉิน ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นลานหินระเบิดคลื่นหลิงออกมา ก็ดึงดูดสายตาตกตะลึงจำนวนมากในทันที
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่กลุ่มเดียวที่ให้ความสนใจกับลานหินที่มู่เฉินอยู่ บนลานอื่นยังมีสายตาพุ่งตรงมาอีก แม้ว่าลานประลองของคนอื่นจะมีพลังงานรุนแรง แต่กลับไม่มีใครกล้าวางเท้าลงบนลานหินของพวกเขา
เพราะพวกเขาก็คือจอมยุทธ์หัวกะทิในบันทึกมังกรหงส์ได้แก่ฟังยี่ โยวหมิง ซูปี้เยี่ย หงหยูและคนอื่นๆ
พวกเขามองไปที่ลานประลองของมู่เฉิน เห็นชัดว่าพวกเขาอยากเห็นว่าคนที่ถูกตรวจสอบว่ามีแก่นเลือดมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเข้มข้นที่สุดมีความสามารถตรงกับที่ได้รับหรือไม่
กรีด! กรีด!
เสียงภูตผีกรีดร้องปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ขณะฝ่ามือใหญ่ของร่างสีดำครอบร่างมู่เฉินไว้ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน
มู่เฉินยืนอย่างมั่นคงภายในเงาขนาดใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองฝ่ามือสีดำที่กำลังปกคลุมตัวเขาไว้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นเขาก็กำหมัด
แสงสีทองเจิดจ้าระเบิดจากร่างเขา พริบตาต่อมาก็ดูราวกับดวงตะวันร้อนแรงเปล่งแสงสีทองสว่างไสว ทำให้คนจำนวนมากต้องหรี่ตาลง
แต่วินาทีนี้คนที่มีสายตาแหลมคมก็เห็นปีกหงส์คู่หนึ่งแผ่สยายที่แผ่นหลังของมู่เฉินเมื่อแสงสีทองปรากฏ ปีกหงส์กวาดออกราวกับแสงคมกริบพาดผ่านขอบฟ้า
แสงสีทองโชนขึ้นวูบหนึ่งแล้วหายไป
ร่างของมู่เฉินกลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง เขาไม่หันหลังกลับขณะเดินไปข้างหน้า ฝ่ามือสีดำและร่างเงาภูตหยุดเคลื่อนไหวเหนือร่างเขา แสงสีทองละเอียดกระจายออกมาจากฝ่ามือของมัน พล่านไปถึงส่วนหัวของร่างเงาภูต…
ปัง!
แสงสีทองระเบิดออกมาจากแสงเหล่านั้น ร่างเงาภูติก็ระเบิดเป็นริ้วแสงจำนวนมาก ภายในนั้นร่างสะบักสะบอมร่างหนึ่งกระเด็นออกมาพร้อมกับเลือดกบปาก ก่อนจะร่วงลงจากท้องฟ้าอย่างไร้พลัง ทำให้ยอดเขาพังราบเป็นหน้ากลอง…
สายตานับไม่ถ้วนตะลึงค้างเมื่อมองภาพนี้ จากนั้นเสียงสูดอากาศลึกสุดปอดก็ดังขึ้นขณะที่สายตาสั่นไหวหลายคู่มองไปที่ร่างสูงโปร่งที่เยื้องย่างไปข้างหน้าช้าๆ
แค่กระบวนท่าเดียวเขาก็เอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ได้!
มู่เฉินตอนนี้ทรงพลังมากกว่าตอนที่เขาเผชิญหน้ากับหลิ่วเหยียนเสียอีก!