หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 811 สามจอมยุทธ์ทรงพลัง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 811 สามจอมยุทธ์ทรงพลัง
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังก้องทั่วบริเวณ
ทำให้เกิดพายุคลื่นหลิงน่ากลัวกวาดตัวออกมา ขณะเดียวกันจอมยุทธ์ที่อยู่บนเทือกเขาก็ต่างมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงรุนแรง
เมื่อแรงกดดันคลื่นหลิงน่ากลัวปกคลุมไปทั่ว จอมยุทธ์จำนวนมากก็รู้สึกว่าคลื่นหลิงในร่างกายไหลเวียนช้าลง
ตอนนี้ใบหน้าของมู่เฉินไม่น่าดูอย่างยิ่ง เพราะแรงกดดันส่วนใหญ่พุ่งตรงมาหาเขา เขารู้สึกราวกับว่ามิติรอบตัวถูกแช่แข็งโดยแรงกดดันคลื่นหลิงนี้
นี่เป็นแรงกดดันที่ไม่ได้ด้อยกว่าอำนาจบนบันไดมังกรหงส์เลย!
แสงสีทองเข้มทอประกายบนพื้นผิวของมู่เฉิน เขาขบฟันแน่น เร้ากายามังกรหงส์ออกมาต่อต้านแรงกดดันทรงพลัง ส่วนสายตาก็จับจ้องไปยังท้องฟ้าที่ไม่ไกลออกไปนัก
ในทิศทางนั้น มิติบิดเบี้ยวรุนแรง จากนั้นร่างคนคนหนึ่งก็ก้าวย่างออกมา เขาสวมชุดสีฟ้าอมเขียวพร้อมกับท่วงท่าน่าทึ่งดูภูมิฐานอย่างยิ่ง ทว่าแววตาเย็นเยือกนั้นทำให้อุณหภูมิบริเวณนี้ลดฮวบลง
เขายืนบนท้องฟ้าพร้อมกับมือทั้งคู่ทิ้งดิ่งข้างลำตัว แต่ทั่วบริเวณก็พุ่งสายตาไปที่เขา จอมยุทธ์ทุกคนที่นี่รู้สึกถึงแรงกดดันทรงพลัง มากจนพวกเขาไม่สามารถยืนตัวตรงได้
เพราะนี่เป็นแรงกดดันสมบูรณ์จากยอดยุทธ์
“นั่น…เจ้าตำหนักสุดนภา—หลิ่วเทียนเต้า?!”
“สวรรค์ ทำไมจอมยุทธ์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ถึงมาปรากฏตัวที่นี่ล่ะ?”
“หรือว่าเขาจะมาจัดการมู่เฉินด้วยตัวเอง…”
“…”
เมื่อหลิ่วเทียนเต้าปรากฏตัว ความโกลาหลก็กวนตัวไปทั่วบริเวณ ไม่มีใครคิดเลยว่าจอมยุทธ์ยิ่งใหญ่อย่างหลิ่วเทียนเต้าจะมาอยู่ที่นี่!
จากนั้นสายตาเห็นใจมากมายก็พุ่งไปยังมู่เฉิน เบื้องหน้าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนแท้จริง เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะมีโอกาสหนีไปได้
แรงกดดันน่ากลัวทำให้กล้ามเนื้อของมู่เฉินกระตุก แต่แม้ว่าจะมีเหงื่อกาฬแตกพลั่กเต็มแผ่นหลัง แต่ก็ไม่มีความตกใจใดๆ บนใบหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมองหลิ่วเทียนเต้า เสียงดังก้องทั่วบริเวณ “ท่านประมุขหลิ่ว มีกฎว่าต้องรับผิดชอบตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในศึกมังกรกหงส์ หรือท่านจะไม่สนใจฐานะของตนเองคิดจะมาแก้แค้นข้าแทนหลิ่วเหยียนเรอะ?”
“กฎ?”
หลิ่วเทียนเต้าหรี่ตาลงราวกับมีไอเย็นเยือกไร้ที่สิ้นสุดพวยพุ่ง สายตาไร้อารมณ์ที่สามารถทะลวงผ่านจิตวิญญาณของผู้คนจ้องมองมาที่มู่เฉินพลางเอ่ยเสียงเรียบ “แกไม่รู้หรือว่าพวกข้านี่แหละเป็นคนตั้งกฎของภูมิภาคทางเหนือ? ตลกนักที่แกพูดเกี่ยวกับเรื่องกฎต่อหน้าข้า”
หัวใจของมู่เฉินดิ่งลง เขาไม่คิดเลยว่าหลิ่วเทียนเต้าจะไม่สนใจเรื่องฐานะมาหาเรื่องเขา ถ้าเป็นแบบนี้จริงเขาคงไม่มีทางหลบหนีได้ไม่ว่าจะมีกลยุทธ์มากมายเพียงใดก็ตาม
“ฮ่าๆ เป็นแค่ผู้นำประจำท้องถิ่นภูมิภาคทางเหนือเท่านั้น กลับกล้าเอ่ยวาจาสามหาว” ขณะที่สายตาของมู่เฉินกำลังวูบไหวเตรียมแผนที่จะหลบหนี เสียงเยาะเย้ยเย็นชาก็ดังขึ้นที่ด้านหลังเขา ซึ่งนี่เป็นเสียงของไฉ่เซียว
เรือนผมของนางปลิวสยายไปกับสายลมขณะที่ยืนเงียบๆ ที่ด้านหลังมู่เฉิน อาการถากถางแขวนอยู่บนใบหน้า ในดวงตาเย้ายวนไม่มีความกลัวต่อหลิ่วเทียนเต้า กลับเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
จอมยุทธ์จำนวนมากในบริเวณนี้ตะลึงไป นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคนรุ่นใหม่ปากกล้าพูดแบบนี้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนตัวจริง
“นังเด็กโอหัง!”
หลิ่วเทียนเต้าเหลือบมองไฉ่เซียวอย่างไม่แยแส ก่อนยื่นมือออกมาแล้วกำเข้า
ตู้ม!
มิติตรงหน้าแตกสลายก่อตัวเป็นมือคลื่นหลิงขนาดใหญ่ที่ตื่นตาไปด้วยแสงหลิง ช่างดูราวกับมืออัญมณี นี่เป็นการแสดงออกของคลื่นหลิงเมื่อถูกบีบอัดถึงระดับที่น่ากลัว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนธรรมดาสามารถทำได้
โดยธรรมชาติเมื่อคลื่นหลิงถูกบีบอัดจนถึงระดับนี้ ก็จะมีพลังอำนาจอยู่ในระดับสูงจนน่ากลัว
ฝ่ามืออัญมณีว่องไวมากขณะทะลวงผ่านมิติเพียงแวบเดียว จากนั้นก็มาปรากฏเหนือร่างมู่เฉินและไฉ่เซียว สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนแปลงรุนแรงเมื่อเห็น เขารีบดึงไฉ่เซียวมาอยู่ด้านหลังขณะที่แสงสีทองเข้มพวยพุ่งจากร่างเขาขึ้นสู่ท้องฟ้า ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าสีทองปรากฏบนแผ่นอกและแผ่นหลัง เริ่มเปล่งความร้อนออกมา
แม้เขาจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตนเองจะปะทะกับจอมยุทธ์อย่างหลิ่วเทียนเต้าไม่ว่าจะงัดวิธีไหนมาใช้ก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรคนเราก็ต้องลองสักตั้ง!
“ตู้ม!”
ฝ่ามืออัญมณีกระแทกลงมา ทว่าทันทีที่มู่เฉินกัดฟันแน่นเตรียมรับพลังโจมตีทำลายล้าง ฉับพลันมิติก็ฉีกออกจากกันที่ด้านบน ร่างเล็กบางปรากฏตัวขึ้น นางแตะมือขึ้นเบาๆ ขณะที่มิติแตกออก ฝ่ามืออัญมณีก็ถูกทำลายไปเหมือนกัน
แรงกระแทกคลื่นหลิงกวาดออก มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึง เขาเห็นร่างเล็กบางคุ้นเคยยืนอยู่บนท้องฟ้า มิติส่งเสียงแตกร้าวจากคลื่นหลิงน่ากลัวที่ไหลเวียนรอบตัวนาง
“มั่นถัวหลัว!”
เมื่อมองคนคุ้นเคย มู่เฉินก็อึ้งไปวูบหนึ่งก่อนจะระเบิดความดีใจออกมา เขารู้สึกโล่งใจในหัวใจ ในที่สุดกำลังเสริมของเขาก็มาถึงแล้ว ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะหนีไปได้ในวันนี้
ฮือ-ฮา!
ความโกลาหลเพิ่มขึ้น แม้ว่าภาพลักษณ์ของมั่นถัวหลัวจะไม่คุ้นตาสำหรับจอมยุทธ์ที่นี่ แต่ความผันผวนคลื่นหลิงน่ากลัวรอบตัวนางก็บ่งบอกตัวตนแล้ว
คนที่สามารถปะทะกับหลิ่วเทียนเต้าและออกมาปกป้องมู่เฉินได้ นอกจากประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์แล้วยังจะเป็นใครได้อีก?!
โดยปกติคนทั่วไปยากที่จะพบเจอจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนที่เป็นระดับหัวกะทิในภูมิภาคทางเหนือ แต่ตอนนี้ผู้ทรงอิทธิพลของสำนักชั้นยอดทั้งสองกลับมาปรากฏตัวที่นี่…
สิ่งนี้จะไม่ทำให้หัวใจของจอมยุทธ์จำนวนมากสั่นไหวได้อย่างไรกัน
บนท้องฟ้ามั่นถัวหลัวสวมชุดสีดำปักลายดอกไม้สีทองดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง นางไม่สนใจความวุ่นวายที่นี่ขณะปรายตามองมู่เฉินด้วยดวงตากลมโตราวกับอัญมณีตำหนิว่า “ไร้มารยาท เจ้าต้องเรียกข้าว่าท่านประมุขสิ!”
ทว่าเมื่อพูดจบ รอยยิ้มพึงใจที่หาดูได้ยากก็ผุดบนใบหน้างดงาม
“ไม่เลว ครั้งนี้เจ้าไม่ทำให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเราหน้าแตก” ฟังจากน้ำเสียง ชัดว่านางได้รู้เกี่ยวกับความสำเร็จของมู่เฉินในศึกมังกรหงส์แล้ว
“ข้าเกือบถูกฆ่าตายแล้วนะ” มู่เฉินเอ่ยอย่างไม่พอใจ หากมั่นถัวหลัวปรากฏตัวช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เขาคงจะถูกหลิ่วเทียนเต้าส่งไปปรโลกแล้ว เพราะเขาไม่มีความมั่นใจรับกระบวนท่าการโจมตีจากหลิ่วเทียนเต้าเมื่อครู่เลย
“วางใจเถอะ เขาไม่มีทางฆ่าใครในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าได้หรอก” มั่นถัวหลัวยิ้มบาง แม้เสียงจะฟังดูเยาว์วัย แต่ความไร้เทียมทานและคุกคามที่แฝงอยู่ในนั้นกลับทรงพลังเหลือล้น
“หึ!” หลิ่วเทียนเต้าแค่นเสียงแบบไร้อารมณ์บนท้องฟ้าไกลออกไป เขาจ้องมองมั่นถัวหลัวเอ่ยเสียงเย็นชา “ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ลูกชายทั้งสองคนของข้าถูกมันทำร้ายจนพิการ ตำหนักสุดนภาจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้เงียบหายไปแน่นอน!”
“ถ้าเจ้าคิดจะปกป้องไอ้เด็กนี่ ก็อย่ามาโทษตำหนักสุดนภาของข้าเรื่องการล้างบางอาณาเขตกงเวทสวรรค์ในสงครามล่าล่ะ!”
มั่นถัวหลัวเหลือบมองหลิ่วเทียนเต้าเอ่ยตอบ “อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าสามารถตั้งอยู่ในภูมิภาคทางเหนือมานาน ไม่ได้พึ่งจากความเมตตาสงสารของใคร ถ้าตำหนักสุดนภาคิดเริ่มเรื่องนี้ อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็พร้อมต้อนรับทุกเมื่อ”
จอมยุทธ์จำนวนมากแอบเดาะลิ้นกับประโยคของนาง แม้ว่าประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะมีรูปลักษณ์น่ารัก แต่ความไม่ยอมใครและกล้าหาญของนางก็กลืนกินท้องฟ้าได้เลย
ทุกคนรู้ว่าเมื่อสำนักชั้นยอดเริ่มสงครามจะต้องจ่ายราคามหาศาลเพียงใด ทันทีที่แพ้ ก็จะถูกอีกฝ่ายกลืนกินแน่นอน แต่ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์คนนี้กลับไม่กลัวเรื่องนี้เลย
ใบหน้าของหลิ่วเทียนเต้าบึ้งตึงพร้อมกับรังสีสังหารวาววับในดวงตาขณะจ้องมองดวงตาของมั่นถัวหลัว
“หลิ่วเทียนเต้าหยุดทำเป็นเก่งซะ เจ้าคนเดียวไม่พอจะชิงคนจากมือข้าได้หรอก” ทว่าเผชิญกับรังสีสังหารของหลิ่วเทียนเต้า มั่นถัวหลัวกลับดูไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินหลิ่วเทียนเต้ากลับแสยะยิ้ม “ข้าคนเดียวเจ้าไม่กลัว แต่ถ้าเพิ่มอีกคนล่ะ?”
พอได้ยินคำพูดนั่น ดวงตามั่นถัวหลัวก็หดเกร็ง จากนั้นางก็เอี้ยวหน้าไป นางเห็นทะเลเลือดเชี่ยวกรากไหลบ่าออกมาจากทางด้านหลังนาง ขณะที่เงาเลือดปรากฏตัววูบวาบตรงสุดขอบฟ้า ไม่กี่อึดใจก็เผยตัวมายังที่นี่
สายตามากมายพุ่งตรงไป
คนคนนั้นสวมชุดคลุมสีแดง อายุอยู่ในวัยกลางคน ใบหน้าเรียวแหลมคม ริมฝีปากบางกำจายไอเย็นเยือก ม่านตาชี้แหลมอัดแน่นด้วยรังสีชั่วร้ายมหาศาล
ทันทีที่เขาปรากฏตัว ก็มีกลิ่นหอมประหลาดแผ่กระจาย
“นั่น…วั้นตู๋เสอแห่งตำหนักเจ้าอสรพิษ!” เมื่อจอมยุทธ์จำนวนมากเห็นร่างในชุดแดง พวกเขาก็อุทานออกมาอย่างตกใจ
“วั้นตู๋เสอ?” หัวใจของมู่เฉินดิ่งลงทันทีที่ได้ยินชื่อดังกล่าว คนนี้คือประมุขตำหนักเจ้าอสรพิษก็คือวั้นตู๋เสอเรอะ เขาจำได้ว่าในเขตหลงเฟิ่งชื่อเสี่ยจากตำหนักเจ้าอสรพิษได้จบชีวิตลงด้วยน้ำมือของไฉ่เซียว
เมื่อเห็นการมาถึงของวั้นตู๋เสอ มั่นถัวหลัวก็ขมวดคิ้ว หากนางเผชิญหน้ากับหลิ่วเทียนเต้าคนเดียว นางจะไม่รู้สึกกลัวเลย แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนสองคน ก็คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย
“วั้นตู๋เสอ เจ้าอยากเป็นศัตรูกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าด้วยเรอะ?” มั่นถัวหลัวมองชายชุดแดงเอ่ยเสียงเย็นชา
“ฮี่ ฮี่…”
วั้นตู๋เสอดูเหมือนจะยิ้ม เว้นแต่ว่าเสียงหัวเราะฟังราวกับเสียงงูกำลังขู่ฟ่อ มือซีดขาวชี้ไปที่ไฉ่เซียวที่ยืนอยู่เบื้องหลังมู่เฉินเอ่ยเสียงแหลม “ข้าได้กลิ่นของชื่อเอ๋ออยู่บนตัวนาง ดูเหมือนเจ้าจะชำระพลังแห่งสายเลือดของเขาไปแล้ว…”
“ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ส่งตัวนางให้กับข้าแล้วข้าจะดูอยู่ข้างๆ ไม่เข้ามาขัดขวาง”
วั้นตู๋เสอเลียริมฝีปาก สายตาของเขาราวกับอยากจะลอกคราบไฉ่เซียวให้หมดทั้งตัว แม้ลักษณะของอสรพิษจะมากราคะโดยนิสัย แต่เขาที่มีขุมพลังแข็งแกร่งก็สามารถข่มใจได้อยู่แล้ว ทว่าตอนนี้หัวใจของเขากลับเต้นรัวโดยไม่อาจควบคุมได้เมื่อเห็นไฉ่เซียว ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าถ้าได้ครอบครองสตรีตรงหน้า มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับพลังยุทธ์ของเขาและเขาอาจพัฒนาไปถึงอีกระดับหนึ่งได้!
หัวใจของมู่เฉินจมลงเมื่อเห็นวั้นตู๋เสอพุ่งเป้ามาที่ไฉ่เซียว ขณะที่เขากำลังจะพูดก็ถูกมือของไฉ่เซียวห้ามไว้ จากนั้นรอยยิ้มยั่วยวนก็ปรากฏบนใบหน้านาง นางเอียงศีรษะเล็กน้อยกลั้วหัวเราะมองวั้นตู๋เสอพลางกระดิกนิ้วเรียกเป็นเชิงท้าทาย เสียงหัวเราะใสเย็นดังก้องไปทั่วบริเวณ
“ถ้าเจ้าอยากได้ข้าไป ก็มาลองดูสิ?”