หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 813 เกียรติศักดิ์ของเทพจักรพรรดิอัคคี
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 813 เกียรติศักดิ์ของเทพจักรพรรดิอัคคี
เมื่อเสียงเยาะหยันเยือกเย็นของไฉ่เซียวดังขึ้น
ทั่วบริเวณก็เงียบกริบลง จอมยุทธ์แต่ละคนถึงกับตะลึงลานไป…
ไฉ่เซียวที่ตรงหน้าพวกเขาเป็นบุตรสาวของเทพจักรพรรดิอัคคีแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว?!
อึก
ผู้คนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอด้วยความตกใจในดวงตา แคว้นหวู่จิ้งฮั่วว่าเป็นโคตรยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงในมหาพันภพ ไม่ต้องพูดถึงภูมิภาคทางเหนือเลย ต่อให้ทั่วทั้งทวีปเทียนหลัว ก็ไม่มีหน้าไหนกล้าไปท้าทาย
ยิ่งกว่านั้นผู้ก่อตั้งแคว้นหวู่จิ้งฮั่วเทพจักรพรรดิอัคคียังมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วมหาพันภพ แม้ว่าประวัติของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วจะเพิ่งเริ่มเมื่อเทียบกับขั้วอำนาจทรงพลังอื่นๆ แต่ทุกคนรู้ว่าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วคือหนึ่งในขั้วอำนาจในระดับสูงสุดของรายชื่อตัวเลือกที่เลวร้ายที่สุดในการรุกราน
สาเหตุหลักก็เพราะชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคี แม้แต่ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนของมหาพันภพ เขาคนนี้ก็ยืนหนึ่ง
ดังนั้นเมื่อทุกคนได้ยินว่าบิดาของไฉ่เซียวคือเทพจักรพรรดิอัคคีที่เลื่องลือ พวกเขาจะไม่ตะลึงในใจได้อย่างไร? จากนั้นแต่ละคนก็หันหน้าไปทางวั้นตู๋เสอที่มีสีหน้าน่าเกลียดเกินบรรยาย
แม้วั้นตู๋เสอจะเป็นหนึ่งเจ้าดินแดนของภูมิภาคทางเหนือ คนจำนวนมากต้องชะเง้อมองพลังของเขาในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน แต่เขาก็ราวกับหิ่งห้อยเมื่อเทียบกับเทพจักรพรรดิอัคคีผู้เป็นจันทรา
ดังนั้นสายตามากมายจึงแสดงความเห็นอกเห็นใจ เนื่องจากวั้นตู๋เสอโชคร้ายจริงๆ ที่ดันไปมีเรื่องกับบุตรสาวของเทพจักรพรรดิอัคคี…
ถ้านี่ทำให้แคว้นหวู่จิ้งฮั่วโมโหขึ้น ตำหนักเจ้าอสรพิษคงกลายเป็นเถ้าถ่านแน่นอน
ภายใต้สายตาเห็นใจ วั้นตู๋เสอที่มีหน้าซีดเผือดแต่เดิมก็ยิ่งขาวซีดหนัก ท่าทางของเขาแข็งค้างเมื่อมองอักขระไฟเหนือไฉ่เซียว หนังหัวถึงกับชาหนึบ นั่นเพราะจอมอยุทธ์ในระดับเขาเท่านั้นจึงจะเข้าใจว่าระดับเทียนจื้อจุนเป็นตัวแทนของอะไร
สิ่งนั้นแสดงถึงความเหนือกว่าของแท้
ไฉ่เซียวมองวั้นตู๋เสอด้วยสายตาเย็นชาพลางยิ้มอ่อน “เมื่อกี้เจ้าเหมือนจะสนใจข้ามากนี่? ถ้าคิดว่าจำเป็น ข้าสามารถเชิญท่านพ่อมาคุยกับเจ้าได้นะ”
หัวใจของวั้นตู๋เสอสั่นสะท้านขณะที่เขายิ้มแหยบนใบหน้าแข็งค้าง “ก่อนหน้าข้าแค่หุนหันพลันแล่นไปหน่อย ข้าไม่มีเจตนาจะล่วงเกินคุณหนูเลย”
ไม่มีรังสีสังหารอยู่ในคำพูดของวั้นตู๋เสออีกแล้ว ท่าทางก็หงอลงชัดเจน ชัดว่าเขาตกตะลึงกับภูมิหลังของไฉ่เซียว เพราะแม้แต่ในภูมิภาคทางเหนือ ขุมพลังของเขายังไม่ถือว่าสุดยอดเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแคว้นหวู่จิ้งฮั่วที่อุดมไปด้วยจอมยุทธ์เลย
“งั้นเจ้าไม่คิดล้างแค้นหางที่ขาดไปแล้วงั้นหรือ?” ไฉ่เซียวเอ่ยเสียงเรียบ
วั้นตู๋เสอยิ้มแห้ง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่โกรธแค้นขึ้นในใจ แต่แล้วยังไงล่ะ? เขาจะกล้าฆ่าไฉ่เซียวจริงๆ หรือ? ต่อหน้าคนจำนวนมากหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปละก็ เขาคงจะถูกไล่ล่าจนถึงประตูนรกจากแคว้นหวู่จิ้งฮั่วแน่
“เป็นความผิดข้าที่ทำตัวกักขฬะ ข้าขอตัวลาก่อน”
วั้นตู๋เสอในวันนี้ขายหน้าอย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดจะอยู่ที่นี่ต่อไป นอกจากนี้เขายังกลัวว่าจะทำให้ไฉ่เซียวโกรธ หากนางเรียกเทพจักรพรรดิอัคคีมาที่นี่จริงๆ ต่อให้แคว้นหวู่จิ้งฮั่วจะอยู่ห่างไกลจากภูมิภาคทางเหนือเป็นปีแสง แต่ตราบใดที่เทพจักรพรรดิอัคคีสัมผัสได้ เขาก็เคลื่อนผ่านมิติมาได้
วั้นตู๋เสอขบฟันหันหลังกลับ ลากร่างครึ่งเดียวหายวับไป เงาร่างที่จากไปดูน่าอนาถนัก
เวลานี้การแก้แค้นให้ชื่อเสี่ยไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นต่อให้เขาจะยังไม่ตาย วั้นตู๋เสอก็อยากฟาดให้ตายในทีเดียว การนำปัญหายิ่งใหญ่ขนาดนั้นมาให้นับว่าเขาเป็นตัวหายนะหากปล่อยให้มีชีวิตต่อ
จอมยุทธ์จำนวนมากอ้าปากค้างขณะมองวั้นตู๋เสอจากไปด้วยสภาพน่าอนาถ ช่างเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะยอมรับว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจะมีสภาพน่าสังเวชเช่นนั้นได้เหมือนกัน
“แคว้นหวู่จิ้งฮั่วช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้… เทพจักรพรรดิอัคคีน่ากลัวจริงๆ”
มู่เฉินรู้สึกใจสะท้านกับภาพนี้เช่นกัน จากนั้นความรู้สึกเกรงขามก็ปรากฏบนใบหน้า จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนในสายตาของเขาก็นับว่าสูงแล้ว แต่ต่อหน้าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วจอมยุทธ์ระดับนี้ก็เป็นเพียงลูกหนูที่วิ่งเข้าหาแมว สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าขั้วอำนาจใหญ่อย่างแคว้นหวู่จิ้งฮั่วและสุดยอดจอมยุทธ์อย่างเทพจักรพรรดิอัคคีน่ากลัวเพียงใด
“เทพจักรพรรดิอัคคีเป็นจอยุทธ์ไม่ธรรมดาจริงๆ” แม้แต่มั่นถัวหลัวยังพยักหน้าหงึกหงัก ต่อให้คนที่ทระนงตนอย่างนางก็ต้องยอมรับว่าเทพจักรพรรดิอัคคีโดดเด่นเพียงใด กระทั่งในมหาพันภพที่มีจอมยุทธ์นับไม่ถ้วน ชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีก็ยังกังวานออกไปไกล
บนท้องฟ้าอีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของหลิ่วเทียนเต้าดูน่าเกลียดไปกับภาพนี้ ความตั้งใจในตอนแรกของเขาคือรวมพลังกับวั้นตู๋เสอเพื่อบีบมั่นถัวหลัวให้ส่งคนมา แต่ใครจะไปคิดถึงการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของบุตรสาวเทพจักรพรรดิอัคคีจะบีบวั้นตู๋เสอหนีไปด้วยสภาพไร้หาง ทีนี้กลับทำให้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแทนเสียแล้ว
“หลิ่วเทียนเต้า ดูเหมือนผู้ช่วยของเจ้าจะไร้ประโยชน์นะ” มั่นถัวหลัวมองหลิ่วเทียนเต้าด้วยแววเย้ยหยันเข้มข้นในน้ำเสียงเยาว์วัย
หลิ่วเทียนเต้าใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม ยิ่งเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของไฉ่เซียวที่พุ่งตรงมา มุมปากของเขาก็อดกระตุกไม่ได้
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ บุตรสาวของเทพจักรพรรดิอัคคีเหมือนจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมู่เฉิน ถ้าเขายังคิดลงมือที่นี่ ก็คงมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นแน่
แม้พลังของตำหนักสุดนภาจะแข็งแกร่งกว่าตำหนักเจ้าอสรพิษ มิหนำซ้ำขุมพลังของเขาก็เหนือกว่าวั้นตู๋เสอเช่นกัน แต่เขาก็ยังเทียบไม่ได้กับยักษ์ใหญ่อย่างแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว
ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้ จึงทำให้หลิ่วเทียนเต้าตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์อย่าดีใจไป ข้าได้ยินมาว่าในเขตหลงเฟิ่งคนของเจ้าท้าทายทุกคนทั่วถึง ข้าคิดว่าจวนยมโลกกับหมู่ตึกเทวะคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบแน่นอน ถึงตอนที่สงครามล่าเริ่มต้น บางทีอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเจ้าจะเป็นเป้าของทุกคน” หลิ่วเทียนเต้ามองมั่นถัวหลัวด้วยสายตาน่าขนลุกขณะแค่นเสียง
“ถ้าพวกเขาคิดว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าโค่นได้ง่ายๆ ก็มาลองท้าเลย” ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเย็นชาขณะเอ่ยต่อ “แต่ถึงอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าจะถูกทำลายย่อยยับ ข้าก็จะลากตำหนักสุดนภาไปพร้อมกันด้วย”
“งั้นหรือ?”
หลิ่วเทียนเต้าตอบกลับแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน จากนั้นก็โบกมือ “ถ้างั้นข้าจะคอยดูว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะอยู่รอดในสงครามล่าครั้งนี้ได้ยังไง!”
หลิ่วเทียนเต้าทิ้งคำพูดไว้ เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงถลึงตามองมู่เฉิน ไอเย็นเยือกในดวงตาทำให้อีกฝ่ายเจ็บชาขึ้นบนผิวหนังเลยทีเดียว
แต่เมื่อเผชิญกับสายตาของหลิ่วเทียนเต้าที่เต็มไปด้วยไอสังหาร มู่เฉินกลับทำสีหน้าสงบนิ่ง ส่วนหลิ่วเทียนเต้าทำได้เพียงแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะหายไปภายในมิติบิดเบี้ยว
พร้อมกับการจากไปของหลิ่วเทียนเต้า แรงกดดันคลื่นหลิงชวนอึดอัดในบริเวณนี้ก็หายไป จอมยุทธ์จำนวนมากหายใจโล่งคอกันขึ้นมาเลยทีเดียว
มั่นถัวหลัวเงยหน้าขึ้นมองไปยังทางที่หลิ่วเทียนเต้าจากไป คิ้วก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
“จะเป็นปัญหาไหม?” มู่เฉินเคลื่อนเข้าใกล้มั่นถัวหลัวกระซิบเสียงเบา แม้คำพูดของหลิ่วเทียนเต้าจะเชื่อไม่ได้ แต่เขาก็สัมผัสได้เลือนรางว่าสงครามล่าโหดร้ายเพียงใด ภายใต้การแข่งขันนั้น กระทั่งขั้วอำนาจชั้นยอดอย่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็อาจถูกทำลายล้างได้
“การแข่งขันระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเรื่องในเขตหลงเฟิ่ง” มั่นถัวหลัวส่ายหน้า คำพูดของเธอหมายความตามธรรมชาติว่าไม่ว่าการต่อสู้ในเขตหลงเฟิ่งจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อสงครามล่ามากนัก
“แต่ก็มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นแน่… เพราะในสงครามล่าทุกครั้งจะมีขั้วอำนาจสูงสุดถูกทำลายล้างและกลืนกิน” มั่นถัวหลัวยิ้มบางขณะไอเย็นเยือกหมุนคว้างในดวงตา “แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าไม่ใช่แกะรอวันเชือด ถ้าใครหวังจะมาตอด พวกมันก็จะถูกกัดแทนแน่”
มู่เฉินทำได้เพียงพยักหน้า ตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามหาพันภพโหดร้ายเพียงใด แม้แต่ขั้วอำนาจแข็งแกร่งอย่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็กลายเป็นเหยื่อให้ถูกล่าได้
อีกส่วนหนึ่งของท้องฟ้า ไฉ่เซียวก็มาปรากฏตัวพลางส่งยิ้มบางให้มั่นถัวหลัวแล้วแสดงความเคารพ ส่วนฝ่ายหลังก็พยักหน้าให้ เมื่อพบปะกับธิดาของเทพจักรพรรดิอัคคี แม้แต่คนเฉยชาอย่างมั่นถัวหลัวก็แสดงท่าทีเกรงใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าจะไปแล้วนะ” ไฉ่เซียวมองมู่เฉินพลางกลั้วหัวเราะแล้วยื่นมือออกมา “นี่เป็นความร่วมมือที่น่ายินดี”
ไฉ่เซียวไม่ใช่คนภูมิภาคทางเหนือ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่นางจะต้องไป แต่หลังจากการตะลุยด้วยกันมาหลายวัน เขาก็มีความรู้สึกประทับใจในตัวนางไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงยินดีที่จะมีสหายอย่างนาง
“นี่เป็นความร่วมมือที่น่ายินดี ขอบใจสำหรับครั้งนี้นะ” มู่เฉินเอ่ย ไม่เพียงแต่ไฉ่เซียวให้ความช่วยเหลือเขามากมายในศึกมังกรหงส์ นางยังช่วยรับมือกับสถานการณ์เมื่อครู่ ทำให้มู่เฉินรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา
ไฉ่เซียวโบกมือพลางยิ้ม “ในเมื่อตอนนี้เจ้ารู้ตัวตนของข้าแล้ว เจ้าจะว่าอย่างไรหากข้าจะชวนเจ้าไปแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว?”
คิ้วของมั่นถัวหลัวเลิกขึ้นพลางเหลือบมองมู่เฉิน แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
มู่เฉินอึ้งไปเช่นกัน จากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม สถานการณ์ตอนนี้ทำให้เขาระลึกถึงตอนพบกับหลินจิ้งในทวีปซัง นางก็เป็นองค์หญิงแคว้นหวูที่มีสถานะไม่ด้อยกว่าไฉ่เซียว มิหนำซ้ำนางก็เอ่ยปากเชิญเขาแต่สุดท้ายถูกเขาปฏิเสธไป ดังนั้นเหตุผลที่ปฏิเสธก็ยังไม่แปรเปลี่ยน
สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่การปกป้อง
ไม่เพียงแต่ไฉ่เซียวจะไม่ประหลาดใจกับการปฏิเสธของมู่เฉิน แววชื่นชมในดวงตายังดูลึกซึ้งมากขึ้นขณะมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะคอยเวลาที่เราได้เจอกันอีก ถึงตอนนั้นข้าก็อยากรู้ว่าเจ้าจะมีพลังขนาดไหน”
เมื่อพูดจบนางก็ไม่คิดอยู่ต่อไป นางโบกมือจากไป ร่างงดงามเปลี่ยนเป็นลำแสงหายไปยังขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
มองเห็นไฉ่เซียวไปแล้ว มู่เฉินก็อดกำมือไม่ได้ หากพวกเขาเจอกันครั้งหน้า เขาก็จะไม่พึ่งพาความช่วยเหลือของนางอีกแล้ว เพราะเส้นทางการฝึกของเขาเพิ่งจะเริ่มขึ้น