หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - ตอนที่ 824 ชนะอย่างฉิวเฉียด
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 824 ชนะอย่างฉิวเฉียด
ค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบ—ทำงาน!
เมื่อเสียงนุ่มนวลดังขึ้นในหัวใจของมู่เฉิน ดอกบัวดำทั้งสี่ดอกที่ลอยคว้างก็เบ่งบานบนท้องฟ้า กำจายแสงสีดำเมื่อม เปล่งความผันผวนที่น่ากลัวออกมาอย่างเงียบๆ
ทุกคนสัมผัสได้ถึงพลังงานน่ากลัวที่บรรจุอยู่ในดอกบัวดำทั้งสี่
นี่คือท่าไม้ตายสุดท้ายของมู่เฉิน
ค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบก่อร่างขึ้นจากดอกบัวสี่ดอก แต่เมื่อก่อนเนื่องจากพลังของมู่เฉินที่มีอยู่จำกัดจึงไม่สามารถสร้างดอกบัวสี่ดอกขึ้นมาได้
แต่ตอนนี้ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นของมู่เฉินบวกกับความรอบรู้เส้นสายค่ายกลที่ล้ำลึกขึ้นตามมา แม้เขาจะแทบไม่เคยเผยตัวตนการเป็นหลิงเจิ้นซือหลังจากมาอยู่ที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ แต่เขาก็ไม่เคยห่างจากการฝึกฝน ด้วยขุมพลังที่เพิ่มขึ้นทีละขั้น…ละขั้น ทำให้ความสำเร็จในการฝึกฝนค่ายกลก็แกร่งกล้าเช่นกัน
เขาปิดเรื่องนี้เอาไว้มิดชิด แม้แต่จิ่วโยวกับมั่นถัวหลัวก็ไม่รู้ โดยไม่รู้ตัวการบรรลุผลด้านค่ายกลของมู่เฉินก็สูงจนน่าทึ่ง
ค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบนี้เป็นค่ายกลระดับตี้ ในบรรดาค่ายกลระดับตี้ บางค่ายกลก็ทรงพลังจนแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ไม่กล้าเผชิญหน้าได้โดยตรง ส่วนค่ายกลระดับตี้ขั้นสูงก็สามารถปะทะกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกได้เลยทีเดียว!
หลิงเจิ้นต้าซือแบ่งออกเป็นสามขั้นได้แก่เหยิน-ตี้-เทียน ตอนแรกความสำเร็จด้านค่ายกลของมู่เฉินน่าจะอยู่ในขั้นเหยินระยะปลายเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะสร้างค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบได้สำเร็จ แต่เมื่อขุมพลังยุทธ์ของมู่เฉินมาถึงระดับจื้อจุนขั้นสี่ การเติบโตของคลื่นหลิงก็ทำให้การสร้างค่ายกลของเขาพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน
ดังนั้นการใช้ประโยชน์จากสภาวะฤทัยปีศาจก็ทำให้สามารถสร้างค่ายกลระดับตี้อย่างค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบได้!
เมื่อดอกบัวทั้งสี่ปรากฏขึ้น มู่เฉินก็รับรู้ว่าทั่วบริเวณตกอยู่ในความเงียบงัน จอมยุทธ์จำนวนมากโดยรอบลานพิธีอึ้งตะลึงงัน กระทั่งเหล่าผู้บัญชาการยังมีสีหน้าตกตะลึง ชัดว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ไปไกลเกินความคาดหมายของพวกเขา
พวกเขาใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องที่มู่เฉินเป็นหลิงเจิ้นซือ เพราะอีกฝ่ายเคยสร้างค่ายกลต่อหน้าพวกเขาแล้ว แต่ในตอนนั้นความสำเร็จในศาสตร์ค่ายกลของมู่เฉินยังไม่เป็นอันตราย
แต่ตอนนี้ค่ายกลที่ประกอบขึ้นจากดอกบัวดำสี่ดอก กลับทำให้แม้แต่พวกเขายังรู้สึกถึงภัยคุกคาม ดังนั้นแต่ละคนจึงมีสีหน้าขรึมลงหลายส่วน
ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ของมู่เฉินอาจยังไม่สามารถทำให้พวกเขากลัวได้ แต่เมื่อรวมกับสถานะหลิงเจิ้นต้าซือระดับตี้ด้วยแล้ว แม้แต่เหล่าผู้บัญชาการก็ไม่กล้าดูถูกเขา
“เป็นไปไม่ได้!”
ขณะที่ชิวไท่ยิงคำรามด้วยความตื่นตระหนก นิ้วของมู่เฉินก็แตะเบาๆ บนท้องฟ้าพร้อมกับความสงบนิ่งบนใบหน้าซีดขาว
ฮึ่ม!
ดอกบัวดำสี่ดอกเบ่งบาน เบี่ยงวิถีพุ่งตรงไปที่ร่างมหาจันทราก่อนที่แสงสีดำเมื่อมจะเริ่มรวมกันตรงเกสรดอก จากนั้นดอกบัวสีดำก็สั่นไหวพร้อมกับเสาแสงสีดำยิงออกไปเงียบๆ
เสาแสงสีดำเต็มไปด้วยลวดลายโบราณ ทำให้พวกมันดูสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง
ขณะที่เสาแสงสีดำเมื่อมพุ่งผ่านขอบฟ้า ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์น่าตกใจ แต่เส้นทางที่พาดผ่าน กระทั่งมิติยังถูกผ่าแยก ไม่สามารถคืนสภาพเป็นเวลานาน
“โล่มหาจันทรา!”
เส้นขนทั่วสรรพางค์กายชิวไท่ยิงลุกซู่ขณะที่ใบหน้าเขียวคล้ำ เขารีบวาดตราประทับเร็วรี่ คลื่นหลิงพวยพุ่งออกจากร่างโดยไม่รั้งอะไร ลวดลายสีดำเปล่งประกายบนพื้นผิวของร่างมหาจันทรา ก่อนจะก่อร่างเป็นโล่น้ำแข็งดำ
ฟิ้ว!
เสาแสงสีดำทั้งสี่พุ่งไปอย่างเงียบๆ กระแทกเข้ากับโล่น้ำแข็งดำท่ามกลางสายตาร้อนรนนับไม่ถ้วน
ชี่! ชี่!
ไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้นจากการปะทะ แต่ม่านตาผู้คนก็ต้องหดเกร็ง นั่นเพราะโล่น้ำแข็งดำที่เหมือนจะมีพลังป้องกันแข็งแกร่งกลับไม่สามารถต้านทานเสาแสงสีดำได้เลยแม้แต่น้อย
ราวกับน้ำแข็งจมลงในบ่อลาวา หลอมละลายทันทีและถูกทะลวงผ่าน
ชิวไท่ยิงมองเสาแสงสีดำพิกลพิลั่นที่กำลังแทงทะลุผ่านชั้นโล่น้ำแข็งเข้ามา ในที่สุดอาการหวาดกลัวก็พล่านบนใบหน้า ทว่าก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง เสาแสงสีดำเย็นเยือกก็พุ่งผ่านโล่ออกมาซัดเข้าที่ร่างมหาจันทราอย่างไร้ปรานีภายใต้สายตาหวาดผวาของเขา
ลำแสงสีดำเจาะทะลุผ่านร่างมหาจันทรา รอยร้าวสีดำแผ่กระจายอย่างรวดเร็วจากแผลที่ถูกเจาะ ก่อนจะพล่านไปทั่วร่างมหาจันทรา
เมื่อรอยแตกสีดำกระจายออก ใบหน้าของชิวไท่ยิงก็เปลี่ยนแปลงรุนแรง เพราะเขาสัมผัสได้ว่าร่างมหาจันทรากำลังพังทลายลงอย่างรวดเร็วจากรอยแตกสีดำเหล่านั้น
ไม่ว่าเขาจะพยายามห้ามไว้อย่างไรก็ไร้ผล
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?!” ชิวไท่ยิงคำรามในใจ แต่ก็เป็นความพยายามที่ไร้ความหมาย เพียงเวลาสิบกว่าอึดใจ ทุกคนก็เห็นไอเย็นเยือกรอบร่างมหาจันทราเบาบางลงมาก ร่างใหญ่ดูโปร่งแสงและจางลง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าคลื่นหลิงไม่สามารถคงสภาพร่างเทห์สวรรค์ไว้ได้อีกต่อไป
เมื่อคลื่นหลิงกระจายออกไปจากร่างเทห์สวรรค์ ใบหน้าของชิวไท่ยิงก็ซีดลง เนื่องจากเขาเชื่อมต่อกับร่างเทห์สวรรค์เอาไว้ ดังนั้นเมื่อคลื่นหลิงของร่างเทห์สวรรค์สลายตัวลง เขาก็ได้รับผลกระทบหนักจากมันด้วย
ความรู้สึกอ่อนแรงแผ่กระจายจากร่างชิวไท่ยิง ใบหน้าเขาเขียวคล้ำ ชัดว่าไม่คิดว่าการโจมตีจากค่ายกลของมู่เฉินจะแปลกประหลาดขนาดนี้ แม้ว่าลำแสงสีดำเหมือนจะไม่มีพลังทำลายล้าง แต่ความสามารถแปลกประหลาดในการสลายคลื่นหลิงนับว่าถึงตายเลยทีเดียว
ปัง!
ร่างมหาจันทราจางลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายเมื่อไม่สามารถคงสภาพไว้ได้ก็ระเบิดเป็นแสงสีดำกระจายออกไปทุกทิศทาง ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน
พรูด
เมื่อร่างเทห์สวรรค์แตกสลาย ร่างของชิวไท่ยิงก็กระตุกพร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง คลื่นหลิงรอบตัวหดหายลงอย่างมากในเวลานี้
บนท้องฟ้า มู่เฉินมองชิวไท่ยิงที่มีใบหน้าซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษอย่างเฉยเมย จากนั้นก็วาดตราประทับ ดอกบัวดำทั้งสี่หมุนคว้าง เกสรดอกพุ่งตรงไปที่อีกฝ่าย ลำแสงสีดำมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง
เห็นภาพนี้แล้ว ใบหน้าของชิวไท่ยิงก็เผยความหวาดกลัว เนื่องจากเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถใช้พลังโจมตีน่ากลัวแบบนั้นได้อีกครั้ง ตอนนี้ร่างเทห์สวรรค์ของเขาถูกทำลายไปแล้ว หากถูกพลังนั้นซัดเข้าอีก เขาต้องได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงรีบถอยหนีอย่างรวดเร็วพลางร้องป่าวๆ “มู่เฉิน แกคิดจะฆ่าข้าหรือ?!”
มู่เฉินไม่ได้สนใจขณะที่ลำแสงสีดำเมื่อมรวมตัวกันอย่างรวดเร็วตรงเกสรดอกบัวทั้งสี่
“บ้าเอ๊ย ข้ายอมแพ้!” เมื่อเห็นมู่เฉินเต็มไปด้วยรังสีสังหาร ชิวไท่ยิงก็ขวัญผวาร้องตะโกนบ้าคลั่ง
เมื่อได้ยินชิวไท่ยิงประกาศยอมแพ้ ทั่วบริเวณก็ระเบิดด้วยความโกลาหลอีกครั้ง จอมยุทธ์จำนวนมากมองหน้ากันพลางถอนหายใจและส่ายหน้า ไม่มีใครคิดเลยว่าชิวไท่ยิงที่กำชัยชนะมาตั้งแต่ต้นจะต้องยอมแพ้
ได้ฟังประโยคดังกล่าวของชิวไท่ยิง มู่เฉินก็ยิ้มบางขณะเส้นผมสีดำกลับคืนสู่สภาพเดิม ดวงตาดำเมื่อมก็กลับมาเป็นปกติเช่นกัน เมื่อมู่เฉินออกจากสภาวะฤทัยปีศาจ ท่าทางก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“งั้นข้าก็ต้องขอบคุณเจ้าสำนักชิวที่มอบชัยชนะให้นะ” มู่เฉินยิ้มด้วยใบหน้าขาวซีด ยามนี้รอยยิ้มล้อเลียนบางจางเผยที่มุมปาก เมื่อสิ้นเสียงของเขา ดอกบัวทั้งสี่ดอกก็หายไป แสงในดวงตาของมู่เฉินอ่อนจางลง ทุกคนบอกได้ว่าพลังของมู่เฉินอยู่ในจุดอ่อนล้าสุดขีดแล้วในตอนนี้
ดังนั้นกลายเป็นว่าการกระทำดุดันต้องการฆ่าเมื่อครู่เป็นแค่การแสดงเท่านั้น!
จอมยุทธ์จำนวนมากอ้าปากตาค้าง แต่ก็เป็นระยะสั้นๆ ก่อนจะแทนที่ด้วยรอยยิ้มพิกลบนใบหน้า พวกเขามองชิวไท่ยิงที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธอย่างสงสาร เขาถูกมู่เฉินเล่นกลใส่แล้ว
ตัดสินจากสถานการณ์ของชิวไท่ยิง แม้ว่าคลื่นหลิงของเขาจะลดลงอย่างมาก แต่เขาก็ยังมีพลังต่อสู้เหลืออยู่อีก ขณะที่มู่เฉินไม่เหลืออะไรแล้ว ดังนั้นถ้าการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป มู่เฉินต้องเป็นฝ่ายยอมรับความพ่ายแพ้เอง
เพราะตอนนี้เขาเพิ่งจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ ดังนั้นคลื่นหลิงในร่างกายยังไม่เสถียร ความอึดในการต่อสู้ของเขาจึงด้อยกว่าชิวไท่ยิงหลายส่วน
แต่ไม่มีใครคิดได้ว่ามู่เฉินที่อ่อนแรงจะใช้กลยุทธ์เช่นนั้นในการข่มขวัญชิวไท่ยิงให้ยอมแพ้ก่อน
เหล่าจอมยุทธ์มองหน้ากันพลางถอนหายใจและส่ายหน้า มู่เฉินช่างเจ้าเล่ห์นัก
เสียงหัวเราะลึกต่ำดังก้องจัตุรัส ขณะที่ชิวไท่ยิงสาดสายตามองมู่เฉินด้วยร่างกายสั่นเทิ้ม ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะก็ทำให้เขาแทบจะระเบิดอารมณ์เกรี้ยวกราด เขาจินตนาการได้ว่าเมื่อเรื่องในวันนี้กระจายออกไปจะทำลายชื่อเสียงของเขามากขนาดไหน
“ไอ้เด็กเวร แกรนหาที่ตาย!”
ดวงตาของชิวไท่ยิงแดงก่ำขณะที่เพลิงโทสะในใจบดบังสติจนหมดสิ้น เขาส่งเสียงคำรามพลางกำหมัด แถบไม้ไผ่หยกขาวปรากฏในมือ ไม้ไผ่หยกสลักลวดลายซับซ้อนไว้ มิหนำซ้ำความผันผวนของคลื่นหลิงป่าเถื่อนยังเล็ดลอดออกมาจากมัน
“ฟิ้ว!”
ชิวไท่ยิงเผยสีหน้าเหี้ยมเกรียมขณะที่แขนสั่นเทิ้ม แถบไม้ไผ่หยกขาวราวน้ำนมลอยออกมาแล้วระเบิดตูม ทำให้คลื่นหลิงป่าเถื่อนพัดอาละวาด ก่อร่างเป็นสิงโตคลื่นหลิงกำลังกางกรงเล็บพุ่งตรงเข้าหามู่เฉิน
ความผันผวนของคลื่นหลิงน่ากลัวที่กระเพื่อมรอบตัวสิงโต ทำให้เหล่าผู้บัญชาการมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“ตราประทับราชสีห์สุดนภา?!” สามจอมพลมีแสงส่องออกจากดวงตาพร้อมกับสีหน้าเย็นเยือกลง นั่นเพราะตราประทับราชสีห์สุดนภาเป็นทักษะลับของตำหนักสุดนภา มีเพียงสมาชิกหลักเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้
สิงโตตัวใหญ่มาปรากฏที่เบื้องหน้ามู่เฉิน ภายใต้แรงกดดันคลื่นหลิงที่น่ากลัวก็ทำให้เขาดูราวกับมดน้อย กรามปากของสิงโตหุบเข้าใส่เขา นี่เป็นการโจมตีที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ต้องตายคาที่!
และตอนนี้มู่เฉินที่ไม่เหลือพลังใดๆ ก็ได้แต่มองปากของสิงโตขยายขนาดอย่างรวดเร็วในดวงตา
ปัง!
แต่เมื่อสิงโตกำลังจะกัดร่างมู่เฉิน คามปั่นป่วนทั่วบริเวณก็หายไปแทนที่ด้วยความเงียบสงบ
จากนั้นมู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงสิงโตที่กระโจนเข้าหาหยุดชะงักไป หัวใจตึงเครียดคลายลง เพราะเขาเห็นร่างเล็กค่อยๆ ปรากฏที่เบื้องหน้าของเขา