หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1000 ยืนหนึ่งในนั้นแน่นอน
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1000 ยืนหนึ่งในนั้นแน่นอน
ครืน!
เสียงฟ้าคำรนระเบิดดังกึกก้องที่ขอบฟ้า ขณะที่ลู่สุยจ้องมองมู่เฉินอย่างน่าขนพองสยองเกล้าพร้อมกับแขนงสายฟ้ากระจายออกไปจากร่าง ทุกแขนงสายฟ้าทำให้มิติถึงกับบิดเบือน
แม้ว่าเขาจะเสียใจที่ตนเองถูกหลอกโดยจงเถิงให้มาจัดการมู่เฉิน แต่เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปในเมื่อถูกบีบให้จนตรอกจนต้องทำแบบนี้ ดังนั้นเขาตัดสินใจแล้วว่าแม้จะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บหนัก เขาก็ต้องฆ่ามู่เฉินที่นี่ให้ได้
มิฉะนั้นชื่อเสียงของเผ่าพันธุ์คงป่นปี้หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป!
“ในเมื่อแกไม่ยอมรับข้อเสนอของข้า ก็ตายที่นี่ซะเถอะ!”
เสียงคำรามของลู่สุยดังก้อง สายฟ้าแล่นแปลบปลาบออกมาจากดวงตา มือประสานกันก่อร่างตราประทับเปลี่ยนแปลงเร็วรี่ภายใต้สายฟ้า พร้อมกับตราประทับเปลี่ยนไป คลื่นหลิงที่เต็มไปด้วยสายฟ้าน่าตื่นตาก็พวยพุ่งออกมาจากร่างเขาอย่างรุนแรง ก่อนที่จะกลายเป็นเกลียวสายฟ้าจำนวนมากลอยอยู่ข้างหน้า
ทุกเกลียวอัดแน่นด้วยคลื่นหลิงที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ซึ่งได้รับการกลั่นจนถึงขีดจำกัดจากพลังงานในร่างกายของลู่สุย
เกลียวสายฟ้าที่ลอยอยู่เบื้องหน้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสายฟ้าก็เข้าครอบครองขอบฟ้าแล้วระเบิดออก ตราประทับสายฟ้ายิ่งใหญ่ขนาดประมาณพันจั้งก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตราประทับสายฟ้าลอยอยู่บนท้องฟ้าเมื่อปรากฏขึ้น สายฟ้าทั่วบริเวณก็ส่งเสียงเปรี้ยงปร้างไม่มีที่สิ้นสุด แรงกดดันที่น่ากลัวกระจายออกไปพร้อมกัน
บนลานเมฆสายฟ้า จอมยุทธ์คนอื่นๆ ก็ตกใจไปเช่นกันเมื่อสัมผัสได้ถึงความผันผวนนี้ ดวงตาแต่ละคู่หดลงก่อนที่จะพูดด้วยเสียงต่ำพร่า “นี่คือตราประทับสายฟ้าทำลายปฐพี วิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเต็ม ลู่สุยถูกบีบให้มาถึงระดับนี้จริงๆ…”
วิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเต็มถือได้ว่าเป็นไพ่ตายทรงพลังกระทั่งกับเหล่าอัจฉริยะที่อยู่ที่นี่ แต่ไม่มีใครคิดว่าลู่สุยจะถูกบีบให้ต้องปลดปล่อยไพ่ตายเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกแบบมู่เฉิน
ไกลออกไปสายตาจงเถิงที่จ้องมองมาก็มีรู้สึกอึ้งตีกวนขึ้น แต่อึดใจเขาก็ยิ้มบางการโจมตีครั้งนี้ที่ทรงพลังจากลู่สุยน่าจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้แล้ว
ลู่สุยที่มีขุมพลังจื้อจุนขึ้นเจ็ดบวกกับการใช้วิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเต็ม กระทั่งเขายังต้องระมัดระวังเมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่านี้ แม้ว่าพลังของมู่เฉินจะอยู่เหนือความคาด แต่ก็ไม่มีทางรับการโจมตีดุเดือดจากลู่สุยได้แน่นอน
มั่วเฟิงที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับจงเถิง สีหน้าก็เคร่งขรึมลงหลายส่วน แต่ไม่มีริ้วความตื่นตระหนกใดบนใบหน้า เพราะเขาทราบดีว่าตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสามารถช่วยมู่เฉินได้ก็คือจับตามองจงเถิงไว้ สำหรับลู่สุย มู่เฉินจะต้องพึ่งพาพลังของตัวเองในการจัดการ ถ้ามู่เฉินไม่สามารถต้านทานได้ ก็ต้องยอมออกจากเจดีย์ฝึกพลังกายนี้ไปเท่านั้น
“มู่เฉิน หวังว่าเจ้าจะทำได้…ข้าช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้”
ครืน!
ขณะที่จงเถิงและมั่วหลิงพูดขึ้น สายฟ้าที่เบื้องหน้าลู่ซุยก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ตราประทับสายฟ้าขนาดพันจั้งถักทอขึ้นอย่างรวดเร็ว ระลอกคลื่นสายฟ้าดันตัวถล่มมิติไปทั่ว
ลู่สุยยืนอยู่เบื้องหลังตราประทับสายฟ้า ขณะมองลงมาที่เฉินด้วยสายตาเย็นชา ตอนแรกเขาคิดใช้กระบวนท่านี้จัดการกับอัจฉริยะเพื่อชิงหนึ่งในห้าที่นั่ง แต่ตอนนี้กลับถูกบีบให้เปิดเผยกระบวนท่านี้โดยมู่เฉิน นี่จะต้องทำให้คนอื่นๆ ตั้งระวัง จนยากจะเกิดประโยชน์ที่ชัดเจน
ดังนั้นเขาต้องสังหารมู่เฉินที่นี่!
ที่เบื้องล่างของตราประทับสายฟ้า แสงสีทองไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งจากร่างกายของมู่เฉิน ม่านตาสีดำสนิทในตอนแรกเปลี่ยนเป็นสีทองในขณะนี้ ราวกับว่าหลอมขึ้นจากทองคำเต็มไปด้วยเกียรติภูมิที่ไม่อาจบรรยายได้
มู่เฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองตราประทับสายฟ้าขนาดใหญ่ เขากลับก้มหัวมองไปที่ท่อนแขนของตัวเอง เนื่องจากตอนนี้บนแขนเส้นเลือดเต้นตุบตับอย่างต่อเนื่องราวกับมังกรเลื้อยพัน เลือดเนื้อเหมือนกับกำลังเดือดพล่านจนเหมือนกำลังจะละลาย
เขากำมือขึ้นช้าๆ สัมผัสได้ถึงลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงในร่างกายสั่นเทาขึ้นในเวลาเดียวกัน ราวกับว่าไม่สามารถรอคอยที่จะปลดปล่อยพลังงานที่น่ากลัวแล้ว
ฮา
มู่เฉินสูดหายใจลึกจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ตราประทับสายฟ้าขนาดใหญ่ที่ฉายอยู่ในสายตา แววตาของเขาค่อยๆ คมชัดขึ้น
โฮก!
เสียงคำรามลึกของมังกรดังสะท้อนออกมาจากร่างกายมู่เฉินกล้ามเนื้อเต้นระริก จากนั้นลวดลายมังกรแท้จริงพล่านเข้าไปห่อหุ่มแขนขวาเอาไว้ ช่างเหมือนกรงเล็บมังกรของจริงอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็ยืดออกอย่างช้าๆ หลอมรวมอย่างสมบูรณ์แบบกับนิ้วทั้งห้าของเขา
ในเวลาเดียวกันลวดลายหงส์ฟ้าแท้จริงที่อยู่ด้านหลังก็ขยับวูบไหว บินผ่านผิวหนังมาถึงแขนซ้ายของเขา
หงส์ฟ้าค่อยๆ กางปีกออกมา ปีกสีม่วงทองหลอมรวมเข้ากับแขนซ้ายของมู่เฉินอย่างสมบูรณ์แบบ
มังกรขวา-หงส์ฟ้าซ้าย!
ท่อนแขนของมู่เฉินเปล่งประกายด้วยแสงสีม่วงทองซึ่งดูราวกับว่าถูกสร้างขึ้นด้วยทองคำสีม่วงมีพลังอำนาจที่ทำลายไม่ได้ แขนทั้งสองของเขาสั่นอย่างต่อเนื่องในเวลานี้
ครืน!
เมื่อเทพอสูรแท้จริงทั้งสองปรากฏขึ้นบนแขนของมู่เฉิน ลู่สุยก็รวบรวมกำลังภายในบนท้องฟ้าเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน สายตาจ้องมองมู่เฉินอย่างโหดเหี้ยมก่อนที่จะสะบัดมือลงโดยไม่ลังเล
“ตราประทับสายฟ้าทำลายปฐพี!”
ครืนนนน!
เมื่อเขาฟาดฝ่ามือลง ตราประทับสายฟ้าก็ส่งเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้เสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องอยู่บนท้องฟ้าถูกระงับ จากนั้นตราประทับก็กลายเป็นแสงสายฟ้าฉีกขาดมิติว่างเปล่า บดขยี้ไปที่มู่เฉินอย่างรวดเร็ว
จอมยุทธ์โดยรอบที่ล่าถอยกันแล้วก็ยิ่งถอยมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่าการโจมตีครั้งนี้ของลู่สุยน่ากลัวอย่างไร พวกเขาไม่ต้องการโดนลูกหลง
ตราประทับขนาดใหญ่กดลงมาพร้อมกับเงามหึมากางออกเต็ม มู่เฉินที่อยู่ศูนย์กลางของตราประทับขนาดใหญ่ก็ดูไม่มีนัยสำคัญเลย…
ภายใต้สายตาที่จ้องมองของทุกคน มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่ตราประทับสายฟ้าที่กดอัดลงมาก่อนที่จะปิดตาลง แสงสีม่วงทองบนแขนของเขาก็แพรวพราวยิ่งขึ้น
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้องอยู่ในร่างของมู่เฉิน กล้ามเนื้อและกระดูกลั่นเปรียะ…ส่งผลให้รัศมีรอบตัวมู่เฉินพุ่งขึ้นอย่างดุเดือดจนถึงขีดจำกัด
แสงสีทองดูเหมือนจะยิงออกมาจากดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นเขาก็ยกแขนขวาขึ้นแล้วชกหมัดออกไป!
หมัดมังกรแท้จริง!
แสงสีทองพรั่งพรูออกมา กลายเป็นมังกรสีม่วงทองปลดปล่อยเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนสวรรค์และโลก
หมัดหงส์ฟ้าแท้จริง!
หลังจากที่หมัดขวาพุ่งออกไป มู่เฉินก็ส่งหมัดซ้ายตามมา เสียงหงส์ฟ้าดังก้องกังวาน แสงสีทองพุ่งออกมาอีกครั้ง หงส์ฟ้าสีทองกระพือปีกกวาดพายุสีทองออกมา
มังกรและหงส์ฟ้าสีทองกลายเป็นลำแสงสองสาย บินเข้าหาขอบฟ้าเกี่ยวพันกันและกันราวกับหลอมระหว่างเทพอสูรทั้งสอง เมื่อแสงสีทองแปรปรวนก็ทำลายมิติลง
บนลานเมฆสายฟ้าทุกคนต่างตกตะลึง ใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดผวา พวกเขามองมังกรและหงส์ฟ้าที่พันกันก็รู้สึกถึงการกดขี่ที่น่าตกใจถูกปล่อยออกมาจากพวกมัน ซึ่งทำให้กระแสเลือดในร่างกายของพวกเขาปั่นป่วนไปหมด
เทพอสูรทั้งสองที่ถูกสร้างขึ้นจากแสงสีทองดูเหมือนว่าจะมีรัศมีของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงอยู่!
“ทำไมการโจมตีของมู่เฉินถึงมีรัศมีของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง?!” มีคนอุทานพร้อมกับความไม่เชื่อเขียนบนใบหน้า มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงคือเทพอสูรชั้นสูงสุด แม้แต่ในเผ่ามังกรและหงส์ฟ้าก็เป็นระดับจักรพรรดิของเผ่า เป็นไปไม่ได้ที่สมาชิกธรรมดาจะได้ครอบครอง ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย!
ลู่สุยก็ตกตะลึงเช่นกัน ทว่าจากนั้นแสงโหดเหี้ยมก็พวยพุ่งขึ้นในดวงตา ไม่ว่าการโจมตีของมู่เฉินจะมีร่องรอยรัศมีมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงได้อย่างไร แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขาหวั่นไหวได้ ในทางกลับกันยิ่งทำให้เขาตัดสินใจฆ่ามู่เฉินอย่างเด็ดขาด
ในเมื่อเป็นศัตรูกันแล้ว เขาก็ต้องฆ่าอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดโดยไม่ทิ้งสิ่งใดไว้ข้างหลัง
“ตายซะ!”
ลู่สุยคำราม ตราประทับสายฟ้าซึ่งกดลงบนตัวมู่เฉินก็ขยายใหญ่อย่างยิ่งใหญ่ สายฟ้าป่าเถื่อนระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้สวรรค์และโลกสั่นสะเทือนไปหมด
ภายใต้สายตาตกตะลึงจำนวนมาก ตราประทับสายฟ้าก็กระแทกลงมาขณะที่มังกรทองและหงส์ฟ้ากลายเป็นแสงสีทองพุ่งทะยานขึ้นไป สุดท้ายคลื่นพลังทั้งสองสายก็ปะทะกันจังใหญ่บนท้องฟ้า!
เปรี้ยง!
ทันทีที่เกิดการชนกัน ประกายแสงก็ระเบิดออก ทำให้ทุกคนต้องหยีตาจากแสงจ้า
จังหวะที่เกิดการปะทะกันนั้น ใบหน้าของลู่สุยก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเพราะเขาเห็นตราประทับสายฟ้าที่กดลงมาชะลอตัวลง ก่อนที่จะหยุดชะงัก
“เขาสกัดได้รึ?!” ลู่สุยหดเกร็งม่านตา
ตู้ม!
แต่ในขณะที่เขารู้สึกไม่อยากเชื่อ ตราประทับสายฟ้าก็สั่นไหวส่งเสียงแตกดังลั่น ก่อนที่รอยแตกหนาจะปกคลุมไปทั่วอย่างรวดเร็วบนพื้นผิวของตราประทับ
ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ รอยแตกก็กระจายออกไปบนตราประทับสายฟ้า แสงสีทองพุ่งออกมาจากร่องรอยแตก
ใบหน้าของลู่สุยซีดลงทันที จากนั้นก็ถอยกลับทันที
ครืน!
ในช่วงเวลาที่เขาถอยกลับ ตราประทับขนาดใหญ่ก็ระเบิด แสงสายฟ้าแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง แนวเส้นสีทองก็พุ่งออกมาล้อมรอบลู่สุยที่กำลังถอยออกไป
ในแสงสีทองมังกรทองและหงส์ฟ้าทองแผดเสียงคำราม รัศมีเทพอสูรแท้จริงทำให้เลือดของซู่ซุยแข็งตัวทันที
ปัง!
ความเร็วของมังกรและหงส์ฟ้าเร็วอย่างอธิบายไม่ได้จนถึงจุดที่ลู่สุยไม่สามารถหลบหลีกได้ เขาทำได้เพียงมองดูแสงสีทองพุ่งเข้าใส่ในร่างกายของตนเอง
ปุ!
ทันทีที่เกิดการกระแทก เลือดสดก็พุ่งออกมาจากปากลู่สุย หน้าอกทรุดลงก่อนที่เขาจะถลาออกไปในสภาพที่น่าสมเพช ความผันผวนของพลังงานรอบตัวก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสชัดเจน
เมื่อลู่สุยได้รับบาดเจ็บสาหัส แสงสีทองก็จางลงกลายเป็นแสงระยิบระยับกระจายออก
ใบหน้าของซู่ซุยซีดเซียว เขามองริ้วแสงซึ่งปกคลุมท้องฟ้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า
วาบ!
ทว่าขณะที่เขาเสียสติ ร่างลึกลับก็จู่โจมเข้ามาพร้อมกับมวลลมคลั่ง พุ่งเป้ามาที่ศีรษะของลู่สุยด้วยเจตนาสังหาร
เมื่อรับรู้ถึงไอสังหาร หัวใจของลู่สุยก็เย็นยะเยือก เพราะเขารู้ว่านี่ต้องเป็นมู่เฉิน ไม่คิดว่ามนุษย์คนนี้จะโหดเหี้ยมเช่นนี้ ไม่ให้โอกาสเขาได้สูดลมหายใจเลย
ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส มีโอกาสที่เขาจะถูกสังหารโดยมู่เฉิน ถ้าเขายังต่อสู้ต่อ
“ไอ้เลว!”
ร่างกายของลู่สุยสั่นสะท้านด้วยความกลัวและโกรธแค้น ทว่าเขาทำได้เพียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ด้วยความไม่เต็มใจพลางถอยกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ออกจากลานเมฆสายฟ้าไป
ฮึ่ม!
เมื่อเขาก้าวออกจากลานเมฆสายฟ้า แสงไฟก็กะพริบรอบตัวเขาทันที เงาร่างหายวับ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกขับออกจากเจดีย์ฝึกพลังกาย สูญเสียโอกาสที่จะไปต่อแล้ว
“มู่เฉิน ข้าจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ แน่!”
ก่อนที่ลู่สุยจะถูกขับออกจากเจดีย์ เสียงคำรามซึ่งเต็มไปด้วยความกลัวและความโกรธก็ดังสะท้อนก้อง
มู่เฉินยืนอยู่มองจุดที่ลู่สุยหายตัวไปด้วยความเฉยเมย เขาไม่สนใจคำพูดนั่นสักนิด เขาหันกลับมาร่อนลงบนลานเมฆสายฟ้า
เมื่อมู่เฉินพลิ้วตัวลงมา ทั่วบริเวณก็เงียบกริบ ความหวาดกลัวอัดแน่นในแววตาของคนอื่นๆ
มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นกวาดมองคนหล่านั้นอย่างไม่แยแส ก่อนจะจับจ้องไปที่จงเถิงซึ่งเผชิญหน้ากับมั่วเฟิงอยู่ขณะนี้ใบหน้าอีกฝ่ายสลับไปมาระหว่างสีเขียวกับสีขาว จากนั้นเสียงเงียบสงบของมู่เฉินก็ดังก้อง
“ยังมีใครต้องการจะประลองอีกไหม?”
มู่เฉินยืนเอามือไพล่หลังขณะที่เสียงกระจายไปทั่วลานเมฆสายฟ้า เสียงไม่ดังแต่ทำให้ความหวั่นกลัวกระจายออกไป
จอมยุทธ์หลายคนที่ใช้สายตาพรานล่าเหยื่อก็กะพริบตาเล็กน้อย ก่อนที่จะขยับตัวถอยออกไป นั่นเป็นเพราะในตอนนี้มู่เฉินดูเหมือนจะยังไม่หมดพลังในการต่อสู้ ตรงกันข้ามเขายิ่งดูอันตรายมากขึ้น
พวกเขารู้ว่าในเวลานี้รัศมีของมู่เฉินที่เกิดขึ้น ยากสำหรับทุกคนที่จะปะทะกับเขา…
ในบรรดาห้าที่นั่งนี้ ชายคนนี้ได้รับตำแหน่งแน่นอนแล้ว!