หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1035 ค่าชดใช้หลังพ่ายแพ้
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1035 ค่าชดใช้หลังพ่ายแพ้
บนพื้นดินวินาศสันตะโร
แผ่นโลกพังทลายลงเป็นชั้นพร้อมกับรอยแตกขนาดใหญ่แผ่ออกราวกับอสรพิษทำลายทั่วบริเวณนี้
และเวลานี้ที่นี่ก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนตะลึงเมื่อมองดูร่างที่ได้รับบาดเจ็บที่ไกลออกไป
ไม่มีใครคิดว่าจิงฉิงเทียนจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้จะพ่ายแพ้ให้กับมู่เฉิน…
นั่นคือจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุด แม้จะอยู่ท่ามกลางอัจฉริยะของเผ่าเทพอสูรชั้นนำ เขาก็ได้รับการพิจารณาว่าเป็นตัวฉกาจ แต่ในตอนนี้เขาพ่ายแพ้ให้กับมู่เฉินที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นหกเนี่ยนะ?
ไม่เพียงแต่พวกจิงเลี่ยรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อ กระทั่งกลุ่มหานซันใบหน้ายังตกตะลึงสุดขีด
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ประเมินมู่เฉินต่ำ แต่ความคาดหวังมากที่สุดก็แค่มู่เฉินยันสถานการณ์เอาไว้ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะจิงฉิงเทียน แต่ตราบใดที่เขาสามารถสำแดงพลังน่าสะพรึงกลัวกับคู่ต่อสู้ได้ เผ่าหมาป่าเวหะและเผ่าราชสีห์ทองคำก็ไม่กล้าคิดจะยึดสมบัติเอาไว้เองง่ายๆ
สำหรับการเอาชนะจิงฉิงเทียนและไล่อีกฝ่ายไป พวกเขาไม่เคยคิดเลยตั้งแต่แรก
ภายใต้แววตาสั่นคลอนเหล่านั้น มู่เฉินก็ค่อยๆ พลิ้วตัวลงมาจากท้องฟ้า ก่อนที่จะมองร่างน่าสมเพช กล่าวเสียงเบาว่า “ยังมีลมหายใจ แกล้งตายรึไง?”
ที่ไกลออกไปร่างของจิงฉิงเทียนที่นอนแข็งค้างก็ขยับ จากนั้นก็ค่อยๆ พยุงตัวอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางน่าสมเพช ใบหน้าซีดเผือดและคลื่นหลิงรอบตัวก็ลดน้อยลง เมื่อเขามองมู่เฉินดวงตาก็มีแววขนพองสยองเกล้าพล่านอยู่
สุดท้ายเขาก็ไม่ถูกมู่เฉินสังหารเนื่องจากมีพลังกายทรงประสิทธิภาพ ทว่าเขาก็ได้รับบาดเจ็บหนัก แม้เขาจะรู้สึกว่าสภาพปัจจุบันของมู่เฉินก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไร แต่ก็ยังดีกว่าของเขามากนัก
“หึ ไม่คิดว่าครั้งนี้ข้าจิงฉิงเทียนจะตกอยู่ในสภาพนี้” จิงฉิงเทียนเช็ดรอยเลือดที่มุมปากพูดด้วยเสียงต่ำ
มู่เฉินยิ้มบางแต่ไม่มีความอบอุ่นในดวงตาเลย ตรงกันข้ามไอสังหารกลับพวยพุ่งในนัยน์ตา จิงฉิงเทียนไม่ได้ยั้งมือในกระบวนท่าก่อนหน้าเลย มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยเจตนาเข่นฆ่า ดังนั้นถ้าเป็นไปได้มู่เฉินก็ไม่ต้องการปล่อยอีกฝ่ายไป
อีกมุมหนึ่งจิงเลี่ยและฮั่วหยังก็ถอยไปอย่างน่าสมเพชไปกองกันด้านข้างจิงฉิงเทียน ยามนี้ใบหน้าของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยความกลัว ไม่มีแววคุกคามเหมือนที่เคยมีมา
พร้อมกับความพ่ายแพ้ของจิงฉิงเทียน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
จิ่วโยว หานซัน มั่วเฟิงและคนอื่นๆ เข้ามายืนอยู่ข้างมู่เฉิน พวกจิ่วโยวยังดี แต่จอมยุทธ์จากเผ่าแรดอสูรแววตาเต็มไปด้วยความยำเกรงเมื่อมองมู่เฉิน แม้แต่หานซันที่มีทรงพลังยังรู้สึกนับถือขึ้นมา
“ต้องขอบคุณพี่มู่ในครั้งนี้” หานซันถอนหายใจ ถ้าไม่ได้มู่เฉินจัดการ ตอนนี้พวกเขาคงต้องหนีตายเหมือนหมาจรจัดจนตรอกไม่ต้องพูดถึงการได้แตะต้องอสูรโภคะเลย
“เราจะทำยังไงกับพวกมัน?” จิ่วโยวมองไปที่มู่เฉิน จากนั้นปลายหางตาก็กวาดมองไปที่กลุ่มจิงฉิงเทียน ริ้วไอสังหารกะพริบวาววับ หากเป็นไปได้นางก็สามารถลงมือฆ่าพวกมันทั้งหมดเพื่อกำจัดปัญหาในอนาคต
เมื่อรับรู้เจตนาฆ่าในดวงตาของจิ่วโยว ใบหน้าของจิงเลี่ยและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้ คลื่นหลิงเพิ่มขึ้นรอบตัวขณะตั้งแนวป้องกันเต็มที่
“มู่เฉิน อย่าคิดว่าข้าจะยอมนอนให้แกฆ่าพวกข้า ต่อให้แกเอาชนะข้าได้!” จิงฉิงเทียนพูดเสียงต่ำลึก ความโกรธแค้นพล่านเพิ่มขึ้นในดวงตา
“ไม่งั้นล่ะ?” มู่เฉินยิ้มพรายพร้อมกับดวงตาหรี่ลงขณะถาม
เปลือกตาของจิงฉิงเทียนหลุบลงขณะเค้นเสียง “ถ้าข้าต้องเดิมพันชีวิตในการต่อสู้ แกอาจจะรอดไปได้ แต่เชื่อข้าเถอะต้องมีใครบางคนในกลุ่มแกถูกลากลงนรกไปด้วยกัน!”
ขณะที่พูดรัศมีลางร้ายก็ปรากฏขึ้น แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้มู่เฉิน แต่ความเหี้ยมโหดของจิงฉิงเทียนก็ยังทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี
มู่เฉินหรี่ตาลงไม่ได้สงสัยในคำพูดของจิงฉิงเทียน หากเขาต้องการจัดการคนพวกนี้ทั้งหมด แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องจ่ายราคาไม่น้อย
ด้านข้างใบหน้าของพวกหานซันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขารู้ว่าจิงฉิงเทียนมีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้น บางทีเขาอาจไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้ แต่การเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับหนึ่งในพวกเขาก็ไม่น่าจะลำบาก
บรรยากาศแข็งค้าง ครู่ต่อมามู่เฉินก็คลี่ยิ้ม “แกพูดถูก แต่ยากสำหรับข้าที่จะเชื่อว่าคนที่ถูกกดด้านรัศมีในตอนท้ายจะกล้าที่จะเดิมพันชีวิต”
จากการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่ รัศมีจิงฉิงเทียนถูกปราบปรามอย่างสมบูรณ์โดยมู่เฉิน เพราะมู่เฉินเหี้ยมหาญกว่ามาก จนถึงจุดที่กล้าละทิ้งชีวิตเพื่อแลกกับเขาได้ แต่จิงฉิงเทียนไม่กล้าทุ่มเทขนาดนั้น ดังนั้นรัศมีจึงถูกกดเอาไว้ ช่องโหว่นี้ถูกตรวจจับได้โดยมู่เฉินทำให้สามารถเอาชนะได้อย่างสมบูรณ์
ดังนั้นคนอย่างจิงฉิงเทียนรักตัวกลัวตายแน่นเหนียวจนถึงแกนกระดูก เขาไม่มีความกล้าที่ใช้ชีวิตมาต่อสู้ดิ้นรน นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้มู่เฉินจึงสงสัยในการคุกคามของเขา
ใบหน้าของจิงฉิงเทียนสลับไปมาระหว่างสีเขียวและสีขาว สุดท้ายก็กัดฟันกรอด “ถ้าไม่มีทางอื่น ข้าก็ต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองแหละ!”
คำพูดของเขามีร่องรอยของความหดถอยบางเบา นอกจากนี้ยังเป็นการบอกกับมู่เฉินเป็นนัยว่ายอมที่จะถอยออกไป แต่ห้ามบีบเขาจนตรอก
มู่เฉินมองไปทางหานซันและจิ่วโยวเพื่อขอความคิดเห็น ทว่าทั้งสองกลับพยักหน้าบ่งบอกว่าเต็มใจที่จะทำตามการตัดสินใจของเขา
เมื่อเห็นการตอบสนองนั่น มู่เฉินก็ยิ้มบาง “ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขปัญหานี้ แต่สำหรับเงื่อนไข…”
“ข้อแรกพวกแกจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมบัติของอสูรโภคะอีกต่อไป…”
ใบหน้าของพวกจิงฉิงเทียนกระตุกก่อนที่จะกลายเป็นไม่น่าดู เหตุผลหลักที่พวกเขาเข้าสู่ดินแดนเสินโซ่ก็เพื่อคว้าสมบัติอสูรโภคะ แต่ตอนนี้มู่เฉินกลับต้องการให้พวกเขาถอยออกไป การสูญเสียเช่นนี้ไม่อาจบรรยายได้
ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่เฉินที่ไม่มีความอบอุ่นสักริ้ว พวกเขาก็เข้าใจว่าหากไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ มู่เฉินที่ดูอ่อนโยนจะกลายเป็นยมทูตบ้าคลั่งและไร้ความปราณี จัดการพวกเขาจนเหี้ยนแน่
ดังนั้นหลังจากถกกันเป็นเวลานานจิงฉิงเทียนก็ได้แต่พยักหน้ารับด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ
ฮั่วหยังที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รู้สึกขมฝาดในใจ เหตุผลที่เขาเลือกทำงานกับเผ่าราชสีห์ทองก็คือพวกเขามีความพร้อมมากกว่า ดังนั้นเขาคิดว่าโอกาสในการชนะจะมีมากกว่า แต่ใครจะคิดว่าหานซันจะเชิญคนอื่นมาด้วย นอกจากนี้ยังมีสัตว์ประหลาดแฝงตัวอยู่สามารถเอาชนะจอมยุทธ์แบบจิงฉิงเทียนด้วยขุมพลังที่ต่ำกว่าพวกเขาทั้งหมด นี่ทำให้เขารู้สึกขมขื่นในหัวใจ การเดิมพันของเขากลายเป็นอากาศธาตุอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เขาจะต้องสูญเสียกระทั่งสิทธิ์ในการแข่งขันเพื่อสมบัติของอสูรโภคะ
แต่ในขณะนี้แม้แต่จิงฉิงเทียนก็ไม่กล้าที่จะท้าทายมู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมา ได้แต่พยักหน้าด้วยสีหน้ามืดมน
“ข้อสอง… พวกเจ้าทำให้พวกข้าสูญเสียมาก ดังนั้นพวกเจ้าต้องชดใช้ สำหรับราคานั้นก็นับตามจำนวนคนของพวกเจ้าหนึ่งล้านหยดของเหลวจื้อจุนต่อหนึ่งชีวิต” มู่เฉินยิ้มตาหยี
แม้ว่ามู่เฉินจะไม่อยากเดิมพันชีวิตกับพวกจิงฉิงเทียน แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้แบบง่ายดาย ดังนั้นอย่างน้อยคนเหล่านี้จะต้องชดใช้อะไรมั่ง ถ้าพวกเขาต้องการออกไป
ใบหน้าของพวกจิงฉิงเทียนเปลี่ยนไปทันที หนึ่งคนต่อหนึ่งล้านหยดของเหลวจื้อจุน ตอนนี้พวกเขามีแปดคนนั่นหมายถึงว่าจะต้องจ่ายของเหลวจื้อจุนแปดล้านหยดเลยรึ?
นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย!
“มู่เฉินอย่าให้มากเกินไป!” สายตาของจิงฉิงเทียนกลายเป็นมืดครึ้มขณะคำราม
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนั่น รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายวับ แววเยือกเย็นปรากฏในดวงตา มิติด้านหลังก็บิดเบี้ยว จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ พร้อมกับความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลังเปล่งรัศมีออกมา
“ถ้าแกคิดว่าชีวิตที่มีไม่คุ้มค่ากับแปดล้านหยดของเหลวจื้อจุนก็เปิดศึกมรณะกันเลย” เสียงเย็นเยือกของมู่เฉินดังก้อง ความผันผวนของพลังงานหลิงรุนแรงขึ้น
จิงฉิงเทียนมองสายตาเย็นเยือกของมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านในใจ จากนั้นใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยว เขากำหมัดแน่น คลื่นหลิงในร่างกายก็พวยพุ่ง
แต่เผชิญหน้ากับจิงฉิงเทียนแบบนี้ สีหน้าของมู่เฉินก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย ไอสังหารในดวงตาเข้มข้นขึ้น ปะทะกับสายตาดุดันของจิงฉิงเทียน เขาไม่คิดถอยสักก้าว ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะถูกผลักจนเข้ามุมอับหรือไม่
ทั้งสองจ้องกันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำให้มิติถึงกับบิดเบือน
แต่การเผชิญหน้าครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นนานนัก ภายใต้สายตาคมกริบของมู่เฉิน สายตาดุดันของจิงฉิงเทียนก็อ่อนลง สุดท้ายเขาก็ต้องสูดหายใจลึกด้วยสีหน้าสลับไปมาระหว่างสีเขียวและสีขาว ก่อนที่จะกัดฟันตอบ “ได้ พวกข้าจะจ่าย!”
พอได้ยินคำพูดนี่ สายตาเย็นเยือกของมู่เฉินก็วับหายไป รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง “พี่จิงมองภาพใหญ่ อนาคตของเจ้าไม่ธรรมดา จะมาละทิ้งชีวิตเพื่อของเหลวจื้อจุนแปดล้านหยดได้อย่างไร?”
ทว่ารับฟังคำชื่นชมของมู่เฉินหัวใจของจิงฉิงเทียนกลับเดือดปุด แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงชีวิต จึงได้แต่เค้นเสียงเย็นเยือกก่อนที่จะจ้องมองไปยังฮั่วหยัง “ถ้าเจ้าต้องการมีชีวิตก็ส่งของเหลวจื้อจุนมาให้ห้าล้านหยด”
ใบหน้าของฮั่วหยังเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน เผ่าหมาป่าเวหะเหลือเพียงสามคน คำนวณตัวเลขเขาต้องการส่งของเหลวจื้อจุนแค่สามล้านหยด แต่ตอนนี้จิงฉิงเทียนกลับให้เขาจ่ายของเหลวจื้อจุนถึงห้าล้านหยด นี่ขูดเลือดพวกเขาชัดๆ
“ทำไม? ไม่ยอมเหรอ?”
จิงฉิงเทียนกำลังแค้นมู่เฉินเต็มหัวใจ เมื่อเห็นการตอบสนองของฮั่วหยัง ใบหน้าก็เย็นชาลง จิตสังหารหนาแน่นแพร่กระจายในเสียงของเขา
เมื่อฮั่วหยังเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของจิงฉิงเทียน หัวใจก็สั่นเทาพร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนแปรตลอดเวลา ท้ายที่สุดเขาทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนรวบรวมของเหลวล้ำค่าจากพรรคพวกส่งให้จิงฉิงเทียน
แต่ขณะที่เขาส่งของเหลวจื้อจุนให้ไป ส่วนลึกในดวงตาของฮั่วหยังก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาไม่พอใจอย่างมากในหัวใจ
จิงฉิงเทียนขี้เกียจใส่ใจความคิดของฮั่วหยัง หลังจากได้รับของเหลวจื้อจุนห้าล้านหยด เขาก็เทกระเป๋าตัวเองก่อนที่จะรวบรวมให้ครบแปดล้านหยด
มือของจิงฉิงเทียนสั่นเทิ้มขณะที่ถือขวดหยกที่บรรจุของเหลวจื้อจุนถึงแปดล้านหยด ตอนนี้ขนาดคนนิสัยอย่างเขายังอดแสดงสีหน้าเจ็บใจไม่ได้ สุดท้ายเขาก็โยนขวดหยกนั้นไปให้มู่เฉิน
“เอาไป!”