หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1060 พัดโลหิตสำแดงอำนาจ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1060 พัดโลหิตสำแดงอำนาจ
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
พัดน้ำแข็งสีแดงสั่นเทิ้มเบาๆ บนท้องฟ้า เสียงน่ากลัวของลมถูกฉีกขาดกระจายออกมา มิหนำซ้ำยังผสมผสานด้วยกลิ่นคาวเลือดหนาแน่น
ทันใดนั้นอุณหภูมิในฟ้าดินก็เย็นลงฉับพลัน ร่องรอยของความเย็นดูราวกับสามารถเจาะเข้าไปในกระดูก ทำให้ร่างกายถูกรุกรานด้วยไอเย็นเยือก
บนแท่นบูชาเมื่อผู้คนเห็นภาพที่น่าตกใจนี้ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ยิ่งไป๋ปิง ฉื่อหงหวู่และจอมยุทธ์เผ่าหงส์ฟ้ายังฉายสีหน้าตลกมาก
“บ้าจริง! ไป๋หมิงสติแตกแล้ว!” ใบหน้าของฉื่อหงหวู่เขียวคล้ำขณะกัดฟันกรอด “เขาใช้กระบวนท่านั้นจริงๆ เขาไม่รู้หรือไงว่านี่จะทำให้อาวุธเสมือนมหสวรรค์เสียหายแค่ไหน?!”
ที่เรียกว่าสังเวยโลหิตหงส์ฟ้าก็คือกระบวนท่าที่ต้องบาดเจ็บทั้งคู่ แม้ว่าจะสามารถยกระดับพลังของอาวุธเสมือนมหสวรรค์ให้อยู่ในระดับที่น่าอัศจรรย์ แต่ก็เป็นทักษะที่จะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อตัวอาวุธ
แต่ตอนนี้ไป๋หมิงคิดใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อคว้าชัยชนะ
ที่ข้างนาง ไป๋ปิงก็ตัวแข็งทื่อเมื่อมองไปที่พัดสีแดง เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาไม่คิดเลยว่ามู่เฉินจะบีบให้ไป๋หมิงมาถึงจุดนี้
“ถึงแม้ว่าอาวุธเสมือนมหสวรรค์จะมีค่า แต่ตราบใดที่พี่ใหญ่ไป๋หมิงได้รับแก่นมรดกโลหิตวิหคอมตะโบราณ ทุกอย่างก็คุ้มค่า!” ไป๋ปิงหาข้ออ้างให้ไป๋หมิงขณะที่เอ่ยต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้นพี่ใหญ่ไป๋หมิงจะแพ้การต่อสู้นี้ไม่ได้ เขาเป็นอัจฉริยะของเผ่าหงส์ฟ้า ถ้าเขาแพ้ต่อมู่เฉินก็จะเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงของเผ่าพันธุ์เรา”
“เจ้า!”
ฉื่อหงหวู่เดือดดาล แต่สุดท้ายก็ระงับความโกรธลง เรื่องมาไกลถึงขนาดนี้ ไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรต่อไป ไป๋หมิงถลำลึกกับชัยชนะและความภาคภูมิใจมากเกินไป เขาไม่อาจรับความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะมู่เฉินได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้วิธีนี้เพื่อชนะ
หากเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นอันตรายต่อมู่เฉิน หลังจากใช้ทักษะนี้พลังของพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งจะเพิ่มขึ้นทบทวี แม้ว่าจะไม่สามารถไปถึงระดับของอาวุธมหสวรรค์ได้ แต่ก็แข็งแกร่งกว่าอาวุธเสมือนมหสวรรค์อื่นๆ แน่นอน
เผชิญหน้ากับไป๋หมิงที่มีพละกำลังเพิ่มสูงขึ้น ก็ไม่มีโอกาสชนะสำหรับมู่เฉิน แม้ว่าเขาจะมีอาวุธเสมือนมหสวรรค์ก็ตาม…
“เฮ้ย ไป๋หมิงถูกบีบให้ถึงขนาดนี้เชียว…” ฉื่อหงหวู่และพรรคพวกไม่ได้ตกใจแค่กลุ่มเดียว แม้แต่อีกสี่คนที่อยู่ในลานประลองอีกสองแห่งก็มีท่าทางเปลี่ยนไป ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ระดับเดียวกันกับไป๋หมิง ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจไพ่ตายใบนี้ดี ถึงจะเป็นพวกเขาที่ต้องเผชิญกับกระบวนท่าครั้งนี้จากไป่หมิง พวกเขาก็ต้องล่าถอย หากถอยไม่ทันก็อาจจะต้องจ่ายในราคาที่แพงระยับ
แต่ตอนนี้วิธีที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวกลับถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับมนุษย์ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดเท่านั้น
ถ้าเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงจะหัวเราะจนฟันร่วง แต่เมื่อเห็นการประลองครั้งนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถกระทั่งยิ้มอีกต่อไปได้ ใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เพราะรู้ดีว่าแม้กระทั่งพวกเขาเองก็ยากในการเอาชนะมู่เฉิน
มนุษย์คนนี้เคี้ยวไม่ได้ง่ายเหมือนที่พวกเขาคิดไว้
ขึ้นไปบนท้องฟ้ามู่เฉินยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะมองไปที่พัดสีแดงฉานที่ลอยอยู่เหนือไป๋หมิง เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีคุกคามซึ่งทำเอาหนังหัวชาวาบ
สายตาของมู่เฉินกะพริบวูบไหวแต่ก็ไม่ได้หันหลังเพื่อถอยกลับ นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าไม่มีทางที่ตนเองเลือกจะหนี จังหวะที่เขาก้าวถอยออกไปก็เท่ากับการละทิ้งแก่นมรดกโลหิตวิหคอมตะโบราณ
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะโจมตี
เนตรดับชีวิตเปิดขึ้นอีกครั้งบนหน้าผากของมู่เฉิน แสงสีดำกะพริบวูบวาบ ลำแสงสีดำพุ่งออกมาฉีกขาดเส้นขอบฟ้ายิงใส่หัวของไป๋หมิง
“หึ…”
ภายใต้พัดสีแดงเข้ม ใบหน้าซีดเซียวของไป๋หมิงก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นจ้องมองลำแสงสีดำที่พุ่งเข้ามา
ฮึ่ม!
เมื่อลำแสงอยู่ห่างจากเขาไปสิบจั้ง กระแสเย็นเยือกสีแดงเข้มก็กวาดออกมาแช่แข็งลำแสงสีดำเอาไว้ทันที ทำให้กลายเป็นเสาน้ำแข็งก่อนที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ม่านตามู่เฉินหดเกร็ง พลังของพัดหงส์ฟ้าน้ำแข็งเพิ่มขึ้นขนาดนี้เชียว
“ครั้งนี้ข้าไป๋หมิงตาบอดไปจริงๆ ถึงถูกเจ้าบีบมาจนจุดนี้…” เมื่อใบหน้ายกขึ้นก็ไม่มีอารมณ์ใดๆ ในดวงตาของไป๋หมิงขณะจ้องมองมู่เฉินก่อนที่เสียงจะดังสะท้อนช้าๆ
“แต่ในเมื่อสถานการณ์ไปไกลขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียใจ เพื่อแสดงความขอบคุณที่บีบให้ข้ามาถึงจุดนี้ ข้าจะแช่แข็งแกให้เป็นรูปปั้นเก็บไว้เป็นของที่ระลึกเพื่อเตือนความทรงจำ”
ดวงตาของไป๋หมิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเมื่อมองมู่เฉินพร้อมกับมุมปากโค้งขึ้น ใบหน้าซีดเซียวดูโหดร้ายยิ่ง
เมื่อจบคำพูด เขาก็ยื่นมือออกมา พัดสีแดงเข้มพลิ้วลงมาช้าๆ ก่อนที่เขาจะจับไว้ในมือ
เขาจับด้ามพัดไว้แล้วโบกไปในทิศทางของมู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส
ฮึ่ม!
สายธารเย็นเยือกสีแดงเข้มกวาดออกมาราวกับพายุ ความเร็วเกินขอบเขตคำบรรยาย สายธารกลั่นตัวตัวเป็นใบมีดนับไม่ถ้วน ใบมีดเหล่านี้มีสีแดงเลือด แต่ละเล่มสามารถฉีกร่างจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดได้
การโจมตีกระบวนท่านี้น่ากลัวจริงๆ
เมื่อพายุสีแดงเข้มขยายอย่างรวดเร็วในม่านตาของมู่เฉิน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาไม่กล้าที่จะประวิงเวลา แค่คิดร่างเทพสุริยะก็ระเบิดด้วยแสงสีทองตระการตาราวกับเป็นปราการทองคำ
ปัง! ปัง!
ดงดาบสีแดงเข้มพร้อมกับสายธารกระแทกอย่างแรงกับร่างเทพสุริยะ เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีรุนแรงเช่นนี้แสงสีทองพร่างพราวของร่างเทพสุริยะก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะระเบิดออก
“ฟันลงซะ!”
ไป๋หมิงยิ้มเหี้ยมแล้วกำมือ ทันใดนั้นสายธารเย็นเยือกสีแดงเข้มบนท้องฟ้าก็ควบแน่นเป็นใบมีดยาวสีแดงขนาดหมื่นจั้ง เมื่อใบมีดเฉือนลง มิติก็ฉีกขาดขณะที่พุ่งลงมาใส่ร่างเทพสุริยะ
ก่อนที่ใบดาบจะตกลงมา มู่เฉินก็รู้สึกถึงอันตรายที่รุนแรง ดวงตากะพริบวาบ ตราประทับถูกวาดด้วยมือข้างเดียว จิตวิญญาณหงส์ฟ้าแท้จริงก่อตัวขึ้นเป็นปีกคู่หนึ่งผุดขึ้นทันท่วงที ความเร็วของเขาเพิ่มสูงขึ้น ร่างกลายเป็นแนวแสงถอยออกมาจากหัวของร่างเทพสุริยะ
ชี่!
เมื่อใบมีดน้ำแข็งฟันลงมาก็แยกร่างเทพสุริยะออกเป็นสองส่วน ความคมชัดที่น่ากลัวทำให้เปลือกตาของมู่เฉินกระตุก
“ลื่นเป็นปลาไหลเลย” เมื่อเห็นว่ามู่เฉินถอยไปได้ทันท่วงที ไป๋หมิงก็ยิ้มก่อนจะมองไปที่ปีกหงส์ฟ้าที่อยู่บนหลังมู่เฉิน เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีหงส์ฟ้าแท้จริงที่มาจากมัน ซึ่งนี่ทำให้ดวงตาของเขาแดงฉานขึ้นทันที
“แกมีสมบัติของตระกูลข้าที่อัดแน่นด้วยรัศมีหงส์ฟ้าจริงด้วย ดูเหมือนข้าได้อีกเหตุผลที่จะฆ่าแกแล้ว”
ไป๋หมิงหัวเราะ จากนั้นก็กระทืบเท้า ปีกสีฟ้าน้ำแข็งคู่หนึ่งกางออกที่ข้างหลัง ด้วยการเคลื่อนไหวเขาก็ไปปรากฏตัวต่อหน้ามู่เฉินทันที เส้นโป่งพองบนพัดโลหิตนั้นราวกับเส้นเลือดขณะที่เขาสะบัดลงมา
ตู้ม!
สายธารโลหิตร้องคำรามราวกับมังกรตัวมหึมากวาดเข้าใส่มู่เฉิน
หลังจากได้เห็นพลังพัดโลหิต มู่เฉินก็ไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไป แสงสีทองระเบิดในเวลาเดียวกับที่เขาถอย กายามังกรหงส์ถูกเร้าจนถึงขีดสุด ป้องกันรอบตัวเอาไว้
ปัง!
สายธารโลหิตแดงฉานครางกระหึ่มเข้ามากระแทกร่างมู่เฉิน คลื่นเย็นเยือกที่น่าสะพรึงกลัวทำให้แสงสีทองรอบร่างมู่เฉินลดลงทันที นอกจากนี้ร่างของเขายังถูกกระแทกกลับราวกับว่าได้รับผลกระทบหนักหน่วง เขาดิ่งพสุธาลงมาบนพื้น หลุมขนาดร้อยจั้งก็ปรากฏขึ้นบนลานประลองอันแข็งแรง
จอมยุทธ์ที่อยู่บนแท่นบูชาเปลือกตากระตุกเมื่อเห็นภาพนี้ ตอนนี้มู่เฉินเห็นได้ชัดว่าถูกผลักกลับโดยไม่สามารถขัดขวางไป๋หมิงได้
จิ่วโยว มั่วหลิงและคนอื่นก็มีใบหน้าซีดเซียว การต่อสู้นี้ดุเดือดมาก ไม่คิดว่ามู่เฉินที่ได้เปรียบเมื่อครู่จะพลิกกลับไปในตำแหน่งเสียเปรียบ
จิ่วโยวกัดฟันขณะที่กำมือแน่นด้วยความกังวลอัดแน่นในดวงตา มากจนนางอยากให้มู่เฉินหยุดที่จะต่อสู้กับไป๋หมิงด้วยซ้ำ นางสามารถยอมแพ้ต่อแก่นมรดกโลหิตวิหคอมตะโบราณ แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะนางรู้ว่าด้วยตัวนิสัยของมู่เฉินเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมแพ้
มู่เฉินไม่ใช่เด็กน้อยที่มณฑลเป่ยหลิงอีกต่อไป ประสบการณ์ความเป็นตายหลายปีได้ขัดเกลาให้เขาอดทนและ…ทรงพลังมาก
ในปากหลุมขนาดใหญ่บนลานประลอง มู่เฉินนอนพังพาบอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช ร่างถูกปกคลุมไปด้วยเลือดซึ่งเกิดจากคลื่นใบมีดเย็นเยือก ทำให้เขาดูราวกับมนุษย์เลือด
บนแท่นบูชาคนอื่นๆ ก็ส่ายหัวด้วยความเสียใจ ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันผลลัพธ์เห็นชัดเจนว่ามู่เฉินแพ้การต่อสู้
แต่แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ก็ต้องภูมิใจที่สามารถบังคับให้ไป๋หมิงมาถึงขั้นนี้
บนท้องฟ้าไป๋หมิงกระพือปีกน้ำแข็งสีฟ้าขณะที่ยืนก้มมองมู่เฉินที่อยู่ในหลุม ก่อนที่จะโบกพัดน้ำแข็งสีแดงเข้มในมือเบาๆ ปล่อยความผันผวนที่น่ากลัวออกมา
แววดุร้ายและเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากของเขาขณะยิ้ม “ก่อนหน้านี้แกเคยคิดว่าจะอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเช่นนี้รึเปล่า? ราวกับหมาจรจัด”
ในปากหลุมขนาดใหญ่มู่เฉินไม่ขยับตัว ดวงตาปิดลงราวกับว่าเขายอมรับสภาพ
เมื่อไป๋หมิงเห็นภาพนี้ก็ส่ายหัวโดยไม่สนใจพูดอย่างเฉยเมยว่า “ในเมื่อยอมแพ้ก็ตายซะ”
จบคำพูดพัดสีแดงเข้มก็พุ่งออกมาจากมือแล้วโบกสะบัดรุนแรง สายธารโลหิตเย็นเยือกนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกมารวมตัวกับพายุทอร์นาโดสีแดงเลือดแดงขนาดมหึมา พายุทอร์นาโดนี้ราวกับมังกรยักษ์ที่ฉีกผ่านฟ้าดิน พุ่งหวือไปหามู่เฉินพร้อมกับพลังทำลายล้าง
เห็นได้ชัดว่าไป๋หมิงตั้งใจจะยุติการประลองครั้งนี้แล้ว!
หลายคนส่ายหัวอย่างน่าเสียดาย
บนแท่นบูชา คลื่นหลิงระเบิดออกมาจากร่างของจิ่วโยวพร้อมกับไอเย็นเยือกในดวงตา เห็นได้ชัดว่านางทนไม่ไหวอีกต่อไปและคิดจะออกไปจัดการ
ทว่าขณะที่พายุทอร์นาโดสีแดงเลือดกวาดลงมา มู่เฉินที่หลับตาแน่นก็เบิกตาโพลง
จังหวะที่เขาลืมตา รัศมีก็เหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
นั่นคือรัศมีแห่งการเสียสละตนกลายเป็นปีศาจ