หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1072 วังสวรรค์บรรพกาลปรากฏ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1072 วังสวรรค์บรรพกาลปรากฏ
เมื่อดินแดนเสินโซ่ปิดตัวลง
ความปั่นป่วนก็กวนตัวในเผ่าเทพอสูร แม้ว่าความสำเร็จของมู่เฉินจะน่าตกตะลึง แต่ก็ยังก่อให้เกิดการถกเถียงมากมายในเผ่าเทพอสูรของมหาพันภพ
แม้ว่าจะมีเผ่าเทพอสูรมากมายเข้าร่วมการเข้าไปในดินแดนเสินโซ่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เช่นเผ่ามังกรซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะเจ้าเหนือหัวของเผ่าเทพอสูรทั้งปวง พวกเขาไม่ได้ส่งจอมยุทธ์เข้าร่วม ขณะที่ไป๋หมิงก็เป็นเพียงจอมยุทธ์รุ่นใหม่ชั้นนำของเผ่าหงส์ฟ้าน้ำแข็งซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่าหงส์ฟ้าเท่านั้น แม้ว่าเขาจะค่อนข้างโด่งดัง แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวแทนสายเลือดสูงส่งของเผ่าหงส์ฟ้า สำหรับจอมยุทธ์ที่เป็นเสาหลักของเผ่าหงส์ฟ้า การล่อลวงของดินแดนเสินโซ่ไม่มากพอสำหรับพวกเขาเช่นเดียวกับไป๋หมิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการลดระดับตนเองลงมาร่วมในงานเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงคิดแค่ว่าคุณภาพของจอมยุทธ์ที่เข้าร่วมในดินแดนเสินโซ่ครั้งนี้ต่ำลง ส่งผลให้มนุษย์อย่างมู่เฉินโดดเด่นขึ้นมาถ้าเขาพบกับจอมยุทธ์ชั้นสูงแท้จริงของเผ่าเทพอสูร มู่เฉินก็คงไม่สามารถได้รับความสำเร็จที่โดดเด่นเช่นนี้ได้
ทว่าการโต้เถียงก็เป็นเพียงลมปาก ทุกคนรู้ว่าถ้าพวกเขาต้องการรู้มาตรฐานของมู่เฉินจริง สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือท้าประลองในสักวันหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้นก็จะพบเองว่ามู่เฉินทรงพลังมากเกินไปหรือไป๋หมิงอ่อนแอเกินไป
ในบางแง่มุม ดินแดนเสินโซ่ก็เป็นเพียงประสบการณ์สำหรับเผ่าเทพอสูร ดังนั้นนอกเหนือจากเผ่าเทพอสูรก็ไม่ได้ทำให้เกิดระลอกคลื่นในมหาพันภพ แม้แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ดังนั้นอาณาเขตกงเวทสวรรค์จึงสงบสุขเช่นเคย
หลังจากสงครามล่าหมู่ตึกเทวะก็ถูกตัดแบ่งอย่างสมบูรณ์ ภายใต้พันธมิตรภูมิภาคทางเหนือที่ได้รับการแนะนำจากมั่นถัวหลัวจำนวนความขัดแย้งก็ลดลง ขั้วอำนาจสูงสุดต่างกำลังย่อยส่วนที่ได้จากหมู่ตึกเทวะ ไม่มีความเป็นศัตรูกันเหมือนเมื่อก่อน
ภายใต้ความกลมกลืนดังกล่าวชื่อเสียงของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็เพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคทางเหนือ ซึ่งมีแววจะแซงหน้าหมู่ตึกเทวะในอดีตไปแล้ว
จอมยุทธ์ภูมิภาคทางเหนือไม่ได้โง่ ทุกคนสามารถบอกได้ว่าแม้ภูมิภาคทางเหนือจะตั้งพันธมิตร แต่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็ยังมีเสียงในคำพูดมากกว่า
ผู้นำขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ก็ยังสุภาพเมื่อพบปะกับมั่นถัวหลัว เพราะตอนนี้นางเป็นจอมยุทธ์เพียงคนเดียวในภูมิภาคทางเหนือที่บรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายแล้ว
ความแข็งแกร่งของนางเหนือกว่าประมุขแถวหน้าคนอื่นๆ
ดังนั้นถึงแม้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะไม่แสดงสัญญาณในการครอบครองทั้งภูมิภาค แต่ก็ไม่มีใครสงสัยศักยภาพของพวกเขา ดังนั้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอิทธิพลของสำนักจึงขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยการหลั่งไหลของจอมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วน ส่งผลให้สำนักขึ้นกุมอำนาจสูงสุด แม้แต่ภูมิภาคอื่นๆ ของทวีปเทียนหลัวก็ยังรู้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์เติบโตขึ้นในภูมิภาคทางเหนือ
ทวีปเทียนหลัว ภูมิภาคทางเหนือ อาณาเขตกงเวทสวรรค์
บนยอดเขาสีฟ้าใสในจุดลึกของสำนักปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆ ร่างเงาเล็กนั่งอยู่บนยอดเขาพร้อมกับเมฆเคลื่อนคล้อยตามลมหายใจของนาง มิติบิดเบี้ยวอยู่รอบตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพเงาของนางช่างคลุมเครือ ราวกับว่าจะจางหายไปกับเวลา
ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้นานแค่ไหน ทันใดนั้นนางก็เปิดตากวาดม่านตาสีทองคำออกไป ทำให้ยอดเขาสั่นไหว พลังงานหลิงโดยรอบพวยพุ่งขึ้นราวกับคลื่นมหาสมุทร กลายเป็นคลื่นพลังงานหลายหมื่นจั้ง จากนั้นนางก็อ้าปากกลืนกินทั้งหมด
หลังจากดูดซับคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตแล้ว ม่านตาสีทองคำก็เปล่งประกายก่อนจะค่อยๆ สงบลง มือเล็กสร้างตราประทับ ทำให้มิติด้านหลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่พีระมิดสีทองขนาดใหญ่โตจะปรากฏขึ้นในมิติที่แตกเป็นเสี่ยงๆ นั่น
พีระมิดสีทองปกคลุมไปด้วยลวดลายโบราณที่ดูเหมือนสร้างมาจากดวงดาว การกะพริบทุกครั้งทำให้เกิดคลื่นพลังงานทางที่น่ากลัว
หมันถั่วหลัวมองลวดลายบนพีระมิดสีทอง แสงสีทองพลุ่งพล่านราวกับกำลังคำนวณอะไรบางอย่าง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้กินเวลาไปตลอดหนึ่งเดือน
ในอีกหนึ่งเดือนถัดมา ร่างเล็กของมั่นถัวหลัวก็สั่นสะท้าน ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้น ม่านตาสีทองคำมองพีระมิด ภาพดวงดาวบนนั้นก็พร่างพราวค่อยๆ แยกออกมา ก่อนที่จะรวมตัวกันในท้องฟ้า แสงดาวแผ่กระจายก่อตัวเป็นแผนภาพหมู่ดาว
มั่นถัวหลัวมองดูแผนภาพหมู่ดาวลึกลับ ความสุขก็ปรากฏบนใบหน้าเงียบสงบ สายตาของนางพุ่งตรงไปที่ระยะไกลราวกับว่ากำลังมองทะลุผ่านมิติที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ในที่สุดวังสวรรค์บรรพกาลก็จะปรากฏแล้วรึ?”
ขณะที่มั่นถัวหลัวรู้สึกถึงบางสิ่งผ่านพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจ สถานที่แห่งหนึ่งในทิศตะวันออกของทวีปเทียนหลัว ที่นี่คือที่ราบขั้วโลกที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนธรรมดาก็ไม่สามารถต้านทานได้ ลมพายุแข็งแกร่งที่พัดผ่านสามารถฉีกใครก็ตามที่อยู่ภายใต้ระดับจื้อจุนขั้นห้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ
ทันใดนั้นดวงดาวบนท้องฟ้าของดินแดนน้ำแข็งรกร้างก็สว่างไสวขึ้น แสงดาวส่องลงมาพร้อมรอยแตกปรากฏในเส้นทางของแสงดาว…
รัศมีรกร้าง โบราณและไร้ขอบเขตที่อยู่ในรอยแตกก็ราวกับเคลื่อนผ่านกาลเวลากวาดออกมา
มิติบิดเบือนเป็นครั้งคราว เมื่อมองผ่านรอยแตกเข้าไปก็เหมือนจะเห็นภาพตำหนักโบราณที่ปกคลุมไปด้วยหมู่เมฆ ซึ่งสามารถก่อกวนจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนได้ทุกผู้ทุกนาม
ขณะที่รอยแตกปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เหล่าประมุขจากขั้วอำนาจสูงในทวีปเทียนหลัวรวมถึงจอมยุทธ์ที่บรรลุระดับตี้จื้อจุนก็สามารถสัมผัสได้ ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาก็มองไปยังทิศทางดินแดนน้ำแข็งด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
ขณะนี้แม้แต่ยอดยุทธ์เหล่านี้ที่มักสงบนิ่งก็ผุดลุกขึ้นความสุขกระจายบนใบหน้า
“รัศมีนี้…วังสวรรค์บรรพกาล! ในที่สุดก็จะปรากฏขึ้นแล้ว!”
ทางเหนือของมหาพันภพ
ที่นี่เป็นดินแดนที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิง ย้อมทุกอย่างเป็นสีแดงฉาน พื้นที่แห่งนี้ด้อยกว่าทวีปเทียนหลัวมาก แต่ในมหาพันภพชื่อเสียงของที่นี่กลับไปไกลเกินกว่าทวีปเทียนหลัวไม่รู้กี่เท่า
นั่นเป็นเพราะมีอีกชื่อที่เรียกขานสำหรับที่นี่
แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว
เจ้าเหนือหัวของดินแดนนี้เป็นที่รู้จักกันในฉายาเทพจักรพรรดิอัคคี
ชายที่มาจากพิภพเขตล่างและก่อตั้งแคว้นนี้ขึ้นในเวลาเพียงร้อยปี ชื่อเสียงของเขาดังก้องไปทั่วมหาพันภพ โดยเป็นใหญ่ในทิศหนึ่งของมหาพันภพเลยทีเดียว ตัวเขาก็ก้าวขึ้นสู่การเป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพ
สำหรับจอมยุทธ์ในมหาพันภพ เขาเป็นตำนานมีชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย กระทั่งเวลานี้ที่ซึ่งมีจอมยุทธ์ระดับเทียนจื้อจุนมากมาย เขาก็คือการดำรงอยู่ที่ดึงดูดสายตาทุกคน
ที่ใจกลางดินแดนเป็นเมืองคู่บารมีที่เต็มไปด้วยมหาสมุทรเปลวเพลิงบนท้องฟ้า ช่างดูตระการตาอย่างยิ่ง
ในศาลาหินที่เงียบสงบในเมือง ชายชราและชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับกระดานหมากล้อมบนโต๊ะ
ชายชราฉายแววตาเมตตาด้วยสติปัญญาเติมเต็มม่านตา ขณะที่รัศมีมากประสบการณ์ไม่สามารถปกปิดได้
ที่นั่งตรงหน้าก็คือชายสวมชุดสีดำ ดวงตาลึกซึ้งราวกับท้องฟ้าพร่างด้วยหมู่ดาว รอยยิ้มอ่อนโยนแขวนอยู่บนใบหน้า รูปร่างเพรียวสูง รัศมีของเขาลึกเกินหยั่งถึงประหนึ่งมหาสมุทร
ขณะนี้เขากำลังจ้องมองกระดานหมากล้อมด้วยความลำบากใจปรากฏบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาตกอยู่ในสภาวะอับจน ถือหมากเก้ๆ กังๆ ไม่สามารถตัดสินใจได้
เขาไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนที่จะวางหมากลง แต่ทันทีที่วางหมากลงไป เปลวไฟก็วูบไหวในดวงตา จังหวะนั้นเปลวไฟก็พุ่งออกมาจากตัวหมาก
“หืม?”
เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว มองเข้าไปในมิติที่ห่างไกล
“เกิดอะไรขึ้น?” ชายชราถามอย่างสงสัย
“วังสวรรค์บรรพกาลปรากฏขึ้น ข้ารู้สึกได้” ชายชุดดำยิ้มบาง
“เจ้าวังสวรรค์บรรพกาล?” ชายชราเอ่ยอย่างประหลาดใจ
ชายชุดสีดำพยักหน้า แววตาสนใจวูบไหวขึ้น “ฮ่าๆ ก็คือหนึ่งในเก้าจักรพรรดิโบราณ เจ้าวังสวรรค์บรรพกาล”
ใบหน้าของชายชราเคร่งเครียดลงหลายส่วน เจ้าวังสวรรค์บรรพกาลมีชื่อเสียงที่น่าเกรงขาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดแม้ในหมู่ระดับเทียนจื้อจุน ว่ากันว่าในสงครามสมัยโบราณจำนวนจอมพลปีศาจที่ตายอยู่ในมือของจักรพรรดิผู้นี้ไม่สามารถนับได้ด้วยนิ้วมือทั้งสองข้าง ดังนั้นชื่อเสียงในความกล้าหาญของการต่อสู้จึงยากที่จะจินตนาการ
“คนแบบนี้ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษ ถ้าข้าเกิดในสมัยโบราณ ข้าจะขอเป็นเพื่อนกับเขาอย่างแน่นอน”
ชายชุดดำหัวเราะร่วนขณะที่เพ่งมองไปที่ห้วงมิติ “วังสวรรค์บรรพกาลเต็มไปด้วยความลึกลับ ข้าคิดว่าคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแข่งขันได้เมื่อปรากฏขึ้น แต่ตามที่ข้ารู้วังสวรรค์บรรพกาลล่มสลายในมือของจอมปีศาจและร่องรอยของจักรพรรดิผู้นั้นก็หายไปหลังจากนั้น”
“จอมปีศาจ?” สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป ในเผ่าปีศาจต่างมิตินักรบที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่สามารถเป็นที่รู้จักในฐานะจอมปีศาจ
ชายชุดสีดำพยักหน้ายิ้มบาง “ในอดีตผู้อาวุโสคนนั้นปกป้องมหาพันภพอย่างสุดความสามารถ ในฐานะที่เป็นคนรุ่นหลังก็ถือได้ว่าเราได้รับการปกป้องจากเขา ดังนั้นข้าจะต้องรักษาความสงบหลังเขาตายเอาไว้”
แม้ว่าเขาจะพูดด้วยเสียงเบาแต่น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมาก ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพูดออกมาว่าจะปกป้องความสงบเบื้องหลังจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในอดีต
“เจ้าหมายความว่า” ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเครียดจัด
ชายชุดดำส่ายหัวตอบว่า “หวังว่าข้าจะคิดมากเกินไป”
เขาครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนที่จะมองออกไปนอกศาลาหิน ภายใต้แสงแดดร่างงดงามในชุดสีฟ้าอมเขียวดูสง่างามและทรงเสน่ห์ นางช่างงดงามจนแม้แต่เวลาก็หยุดเคลื่อนคล้อยอยู่ใต้ความงามของนาง
“ซุนเอ๋อ เรียกเซียวเซียวมาหน่อยสิ นางอยากไปที่ทวีปเทียนหลัวไม่ใช่เรอะ? ครั้งนี้ปล่อยให้นางไปเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา นางก็ยิ้มบางเผยให้เห็นถึงความงามสังหาร ก่อนที่จะพยักหน้ารับทราบ
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จชายชุดสีดำก็หันกลับมา ยิ้มด้วยดวงตายิบหยีต่อชายชรา “อาจารย์เรามาเริ่มต้นใหม่ไหม?”
ชายชราอึ้งไปก่อนที่จะก้มศีรษะลงมองก็เห็นว่าหมากบนกระดานไหม้เป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้ว ทำให้เขาได้แต่ส่ายหัวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
แม้จะผ่านมาหลายปีเจ้าตัวอันธพาลคนนี้ก็ยังชอบขี้โกงเหมือนเดิม ถ้าคนอื่นเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา คงจะยากที่จะเชื่อล่ะมั้ง?
นั่นเป็นเพราะบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็ประมุขแคว้นหวู่จิ้งฮั่ว
เทพจักรพรรดิอัคคี—เซียวเหยียน