หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1101 ร่างอสูรเก้าฉกาจ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1101 ร่างอสูรเก้าฉกาจ
บนลานประลองขนาดใหญ่
เซี่ยหงยืนตระหง่านพร้อมกับคลื่นยักษ์สีแดงเข้มสูงหมื่นจั้งกวาดออกมา ส่งผลให้ชั้นฟ้าและชั้นดินมืดมิดลง
หอกในมือชี้ไปบนพื้นเปล่งประกายด้วยรัศมีสีแดง การเคลื่อนไหวใดๆ ก็ทำให้เกิดรอยลึกเหลือไว้บนพื้นราวกับว่าเฉือนเต้าหู้
พร้อมกับมังกรสีแดงเข้มที่สลักอยู่บนชุดเกราะเปล่งเสียงคำรามแผ่วเบา ความผันผวนของคลื่นหลิงค่อยๆ แผ่ออกมาจากเขา
ตอนนี้รัศมีเซี่ยหงน่าทึ่งมาก
ทุกคนตกตะลึงกับเซี่ยหงในตอนนี้ จากนั้นก็ส่ายหัวด้วยความอิจฉา แคว้นเซี่ยรากฐานหยั่งลึก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็ยังดวงตาแดงก่ำเมื่อมองไปที่ชุดออกรบของเซี่ยหง
นี่เป็นชุดอาวุธเสมือนมหสวรรค์เต็มรูปแบบ อาวุธสามัญอื่นๆ ไม่สามารถเทียบเคียงได้ ด้วยความช่วยเหลือของอาวุธทั้งสองนี้ เซี่ยหงสามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดได้เลยทีเดียว
เมื่อจิ่วโยวเห็นภาพเบื้องหน้า สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่ได้ กระทั่งตัวนางก็ยังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเข้มข้นที่มาจากเซี่ยหง
“เจ้านี่ไร้ยางอายแท้จริง อาศัยพลังของอาวุธเสมือนมหสวรรค์ทั้งที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าแล้ว” ถานชิวกัดฟันอดไม่ได้ที่จะก่นด่า
แววกังวลวูบไหวในดวงตาพรรคพวกที่เหลือ แม้พวกเขาจะเห็นเหตุการณ์ที่มู่เฉินเอาชนะหลงปี้ แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเซี่ยหงไม่ใช่สิ่งที่หลงปี้จะแข่งขันได้
“ผู้ชนะเท่านั้นที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ ผู้แพ้ไม่มีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามถึงวิธีการของคนผู้ชนะ” เซี่ยหงควงหอกจ้องมองมู่เฉินอย่างไม่แยแส
ตู้ม!
เมื่อเขาพูดจบลง ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ เขาพุ่งออกมาราวกับสายฟ้าแลบพร้อมกับลำแสงยาวลากออกมาจากหอกกำจายจิตสังหารพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ประหนึ่งจะฉีกทึ้งเส้นขอบฟ้าออกจากกันให้ได้
หอกเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ปรากฏตรงหน้ามู่เฉินในพริบตา ทำเอาเขาตกใจไปเล็กน้อย ด้วยหอกและชุดเกราะนี้ ความเร็วของเซี่ยหงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
ชี่!
หอกยาวเสือกแทงออกมา มู่เฉินก็ถอยออกไปสองก้าวพลางสะบัดแขนเสื้อ เสียงคำรามมังกรดังกึกก้อง จิตวิญญาณมังกรแท้จริงทะยานขึ้นเปลี่ยนเป็นโล่แสงสีม่วงทองปกป้องมู่เฉินเอาไว้
ฮึ่ม!
หอกซัดลงบนโล่แสงอย่างรุนแรง เกลียวแสงสีแดงเข้มระเบิดบ้าคลั่ง แนวป้องกันจากจิตวิญญาณมังกรแท้จริงยืนหยัดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถูกหอกแทงทะลุ หอกพุ่งตรงไปที่ลำคอของมู่เฉิน
จิตวิญญาณมังกรแท้จริง ต่อให้มีพัฒนาการ พลังก็อยู่ในระยะอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าเท่านั้น ทว่าการโจมตีของเซี่ยหงเกินขอบเขตขั้นนี้ไปไกล ดังนั้นมันจึงสามารถชะลอการโจมตีได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น
เมื่อหอกกำลังจะแทงทะลุคอมู่เฉิน ทันใดนั้นแสงก็ควบแน่นที่กลางหน้าผากเขา ดวงตาแนวตั้งก็เปิดขึ้นพร้อมกับเกลียวแสงสีดำพุ่งออกมา มิติเบื้องหน้าแตกสลายลงจากแสงนั่น
ปัง!
เกลียวแสงสีดำปะทะหอกเต็มแรง ผลกระทบที่น่ากลัวทำให้หอกหยุดชะงักเวลาสั้นๆ จากนั้นก็ถูกผลักกลับไป
“ที่แท้เจ้าก็มีอาวุธเสมือนมหสวรรค์เหมือนกัน!” เมื่อหอกถูกผลักกลับมา สายตาของเซี่ยหงก็วูบไหวด้วยความประหลาดใจ ขณะจดจ้องไปที่ดวงตาแนวตั้งบนหน้าผากของมู่เฉิน
“แต่ไม่รู้ว่าอาวุธของเจ้าจะเทียบกับของข้าได้หรือไม่?”
เซี่ยหงเค้นเสียงเยือกเย็น ทันใดนั้นมือก็สั่นสะท้าน หอกพุ่งออกมา ระเบิดออกด้วยแสงสีแดงเข้ม กลายเป็นลำแสงขนาดใหญ่ที่มีคลื่นหลิงครอบงำไร้ขอบเขตแผ่ออกไปทั่วพื้นที่
โฮก!
หอกพุ่งลงมาด้วยพลังการทำลายล้างห่อหุ้มร่างมู่เฉินโดยตรง
เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุเดือดเช่นนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้ายังพบว่าอันตรายอย่างยิ่ง
มู่เฉินมองลำแสงสีแดงเข้มที่ขยายขนาดในดวงตาก็ต้องหดเกร็งดวงตา วินาทีต่อมาแสงสีม่วงทองก็ระเบิดออกจากร่างกาย ปีกหงส์ฟ้าคู่หนึ่งกางออกมาจากแผ่นหลัง
วาบ!
ปีกหงส์ฟ้ากระพือวูบไหว พาร่างมู่เฉินหายไปจากจุดที่ยืนอยู่เดิม
ปัง!
หอกแสงพุ่งลงมากระแทกพื้นเป็นหลุมลึกหลายร้อยจั้ง มีเหวลึกปรากฏขึ้นบนพื้นดิน
“เร็วมาก!”
เซี่ยหงหดดวงตาเมื่อการโจมตีก่อนหน้าพลาดเป้าไป เขาตกใจกับความเร็วของมู่เฉิน เจ้านี่ระงับความเร็วไว้ก่อนหน้าหรือ?
วาบ!
ขณะที่ความคิดวนเวียนในใจเซี่ยหง ร่างเงาหนึ่งก็ปรากฏตัวที่เบื้องหลังเขา เซี่ยหงมีสีหน้าเปลี่ยนไปขณะกำมือแน่น หอกสีแดงเข้มคำรามบินกลับไป
ตู้ม
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้โอกาส หมัดซัดออกพร้อมกับสีหน้าไม่แยแส
โฮก!
เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก้องกังวานพร้อมกับหมัด มังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงพันรอบท่อนแขนเขา เปลี่ยนเป็นเกลียวแสงสีม่วงทองทะยานออกไป
ระลอกคลื่นสั่นไหว ราวกับเกลียวสีม่วงทองระเบิดอากาศพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้อง หุบเหวลึกฉีกขาดบนพื้นดิน
หมัดของมู่เฉินรวบรวมด้วยพลังจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเอาไว้ พลังทั้งสองสายนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าก็ได้รับบาดเจ็บหนักได้
สัมผัสได้ถึงพลังน่าสะพรึงด้านหลัง ดวงตาเซี่ยหงก็หดเกร็ง เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้มู่เฉินทรงพลังมากกว่าก่อนหน้าแล้ว
ด้วยความเร็วนี้ เขาก็ไม่สามารถหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาหาได้
ดวงตาของเซี่ยหงวูบไหว เขาเค้นเสียง หอกก็ทะยานออกไปพร้อมกับแสงสีแดงเข้มทรงพลัง เล็งไปที่หัวของมู่เฉิน เตรียมป้องกันด้วยการโจมตี
ตู้ม!
ทว่าเผชิญกับกระบวนท่านี้ มู่เฉินกลับไม่ได้สนใจการจู่โจมของหอก หมัดพุ่งซัดไปเต็มเหนี่ยวบนหลังเซี่ยหง
เคร้ง!
เสียงราวกับโลหะปะทะกันดังก้อง เมื่อหมัดของมู่เฉินกระแทกลงบนชุดเกราะเซี่ยหง ประกายสีแดงเข้มปะทุขึ้นมาจากชุดเกราะ มังกรสีแดงเข้มขยับเขยื้อนอ้าปากกลืนคลื่นกระแทกที่น่ากลัวเข้าไป
เห็นได้ชัดว่าการป้องกันทรงพลังของชุดเกราะสีแดงเกินความคาดหมายของมู่เฉิน
ปัง!
แต่ถึงอย่างนั้นหมัดของมู่เฉินก็ส่งเซี่ยหงกระเด็นไปไกล
เมื่อเซี่ยหงกระเด็นออกไป ลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากเนตรดับชีวิต ส่งหอกสีแดงถลาไปไกลด้วย
เซี่ยหงแตะเท้าบนอากาศ เขาทรงตัวก่อนที่หอกจะพุ่งกลับมาอยู่ในมือ เขาจ้องมองมู่เฉินอย่างมืดมน หากไม่ได้รับการปกป้องจากเกราะสงครามแล้วละก็ ตัวเขาอาจได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของมู่เฉินแล้ว
ผู้คนมองไปที่การเผชิญหน้าที่ดุเดือด สีหน้าก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน บางคนถึงกับมองไปที่มู่เฉินด้วยความหวาดระแวงในแววตา
ชิ้งหย่า มู่ซัน เจียงหลิงต่างก็สวมสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างมู่เฉินและเซี่ยหงอันตรายแค่ไหน ความประมาทเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้น ก็อาจทำให้ต้องจ่ายราคามหาโหดเลยทีเดียว
“หลังจากจบการต่อสู้ครั้งนี้ชื่อของมู่เฉินจะดังเป็นพลุแตกแน่” ชิ้งหย่าถอนหายใจ
บังคับให้เซี่ยหงที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้านำอาวุธเสมือนมหสรรวค์ออกมาด้วยขุมพลังในระยะเกือบจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าและไม่อยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ ความน่าสะพรึงนี้สามารถเปรียบเทียบได้กับจอมยุทธ์รุ่นใหม่ยี่สิบอันดับแรกในทำเนียบทวีปเทียนหลัวเลย
“แบบนี้ก็ไม่สามารถจัดการกับหินรองส้วมที่น่ารังเกียจอย่างแกได้ ทั้งเหม็นทั้งแข็งจริงๆ” เซี่ยหงมองไปที่ดวงตาแนวตั้งที่ปิดลงบนหน้าผากของมู่เฉินก็พูดโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ
ทว่าก็มีร่องรอยเสียใจผุดขึ้นในใจ หากเขารู้ว่ามู่เฉินจะรับมือยากแบบนี้ เขาจะคิดหาวิธีเพื่อจัดการอย่างสมบูรณ์ ไม่ปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปจนถึงจุดที่เขาถูกบังคับให้ไปสู่เส้นทางที่ไม่มีทางถอยเหมือนในตอนนี้
มาไกลขนาดนี้จะต้องมีผู้ชนะระหว่างเขาและมู่เฉิน มิฉะนั้นเขาจะกลายเป็นหินรองเท้าสำหรับมู่เฉินซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้แน่
หากข่าวนี้กลับไปที่แคว้นเซี่ยก็จะส่งผลกระทบต่อมุมมองของบิดาที่มีต่อเขา เขาอาจจะสูญเสียความโปรดปรานไปและเปิดช่องให้พี่น้องคนอื่นเหยียบหัวเขาเอาได้
ดังนั้นวันนี้มู่เฉินต้องตาย!
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ จิตสังหารก็ไต่ขึ้นมาบนดวงตาของเซี่ยหง เขาจ้องมองมู่เฉินอย่างน่าขนพองสยองเกล้า ซึ่งทำให้อุณหภูมิระหว่างสวรรค์และโลกลดลง
เซี่ยหงคลายการจับหอกในมือ จากนั้นก็วาดตราประทับด้วยมือทั้งสองข้าง
ฮึ่ม!
ทันใดนั้นมิติก็บิดเบี้ยวรุนแรงที่ด้านหลังเซี่ยหง จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือ คลื่นหลิงของเขาเป็นสีแดงแก่ก่ำราวกับถูกย้อมด้วยไอสังหารเข่นฆ่าเข้มข้น
ตู้ม!
จุดจื้อจุนไห่กลิ้งตัวไม่รู้จบ คลื่นหลิงนับหมื่นจั้งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉีกผ่านจุดจื้อจุนไห่ย้อมท้องฟ้าเหนือลานประลองกลายเป็นสีแดงเลือด
คลื่นหลิงสีแดงเลือดควบแน่นบ้าคลั่งที่ด้านหลังเซี่ยหง ในเวลาไม่กี่อึดใจก็ก่อเป็นร่างเทห์สวรรค์ขนาดหลายพันจั้ง ภายใต้สายตาสั่นไหวของทุกคน
ร่างเทห์สวรรค์นี้มีสีแดงเข้มพร้อมกับรัศมีร้ายกาจและครอบงำกวาดผ่านไปมา ทำเอาผู้คนหายใจแทบไม่ออก มีลวดลายสัตว์อสูรร้ายเก้าตัวที่แขน-ขา-หน้าอก-หลังของร่างเทห์สวรรค์ พลังร้ายกาจและป่าเถื่อนเล็ดลอดออกมาจากลวดลายเหล่านี้ ราวกับยาตรามาจากยุคดึกดำบรรพ์
โหดร้ายและป่าเถื่อน!
เมื่อมองไปที่ร่างเทห์สวรรค์นั่น มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหดดวงตาจ้องมอง ข้อมูลบางอย่างวาบผ่านในหัวสมอง
‘ร่างอสูรเก้าฉกาจ’ ลำดับที่ห้าสิบเจ็ดในทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง!