หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1141 ทะเลสาบสวรรค์เปิด
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1141 ทะเลสาบสวรรค์เปิด
ฟู่! ฟู่!
เพลิงโหมกระหน่ำกวาดออกมาระหว่างฟ้าดิน ราวกับท้องฟ้าถูกแผดเผาในเวลานี้โดยมีจู้เยี่ยนยืนตระหง่านราวกับเทพเซียน ปลดปล่อยแรงกดดันน่ากลัวยิ่งยวดออกมา
จู้เยี่ยนเปิดเผยพลังเต็มที่ขณะเคลื่อนไหวและแรงกดดันก็เหนือชั้นกว่าจาโหลหลัวอยู่เล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาเป็นอันดับหนึ่งในทำเนียบจอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งทวีปเทียนหลัว
แต่เมื่อประจันหน้ากับจู้เยี่ยน ใบหน้าของเซียวเซียวก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตรงกันข้ามนางกลับจ้องมองจู้เยี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้าพูดอย่างสบายๆ “เจ้าแน่ใจว่าถ้าพ่อข้าไปเยี่ยมที่เผ่าเทพอัคคีจริงๆ พวกเขาจะต้อนรับเขาไหว?”
ย้อนกลับไปตอนที่เทพจักรพรรดิอัคคีท่องยุทธภพ เขาได้ก่อให้เกิดจลาจลใหญ่ในเผ่าเทพอัคคีจนต้องเชิญผู้อาวุโสเฒ่าที่เข้าสมาธิออกมา แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถจับอีกฝ่ายไว้ได้และทำได้เพียงเฝ้ามองชายคนนั้นคว้าเพลิงจักรพรรดิไปเท่านั้น ในเวลานั้นพลังของเทพจักรพรรดิอัคคีก็น่าสะพรึงกลัวอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย…
หากเทพจักรพรรดิอัคคีไปหาอีกครั้งแม้แต่ผู้อาวุโสเฒ่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเทพจักรพรรดิอัคคีก็ไม่ได้มีอำนาจใดๆ ในเวลานั้น แต่ตอนนี้เขาก่อตั้งแค้วนหวู่จิ้งฮั่วจนมั่นคงแล้ว แม้ว่าเผ่าเทพอัคคีจะเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจสูงสุดในมหาพันภพ ซึ่งถ้าดูจากประวัติอันยาวนานก็สามารถข่มแคว้นหวู่จิ้งฮั่วได้ แต่หากพวกเขาประกาศสงครามก็มีโอกาสอย่างน้อยแปดส่วนที่เผ่าเทพอัคคีจะถูกทำลาย
จู้เยี่ยนรู้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน ทำให้เปลวไฟบนท้องฟ้าหยุดลงชั่วครู่ แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับ แต่เขารู้ดีว่าหากเทพจักรพรรดิอัคคีโกรธขึ้นมาละก็ เผ่าเทพอัคคีของพวกเขาคงทนรับไม่ไหว
ทว่าแม้เทพจักรพรรดิอัคคีจะน่ากลัว แต่จู้เยี่ยนก็ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไป เขาหายใจเข้าลึกพูดว่า “ข้าแค่ขอเชิญเจ้าไปเป็นแขกของเผ่า ไม่คิดทำอันตรายอะไร”
จู้เยี่ยนรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรเซียวเซียวได้ แต่ถ้าเขาสามารถเอาชนะนางและพานางกลับไปที่เผ่า ความสำเร็จนี้จะทำให้เขาคว้าตำแหน่งประมุขน้อยได้อย่างแน่นอน
เซียวเซียวยิ้มอ่อนเมื่อได้ยินคำพูดของเขา “กลัวว่าเจ้าจะไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพาข้าไปที่เผ่าได้นะสิ”
เผชิญหน้ากับอันดับหนึ่งของจอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งทวีปเทียนหลัว เซียวเซียวก็ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย ในเมื่อบิดาของนางสามารถปราบเผ่าเทพอัคคีได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นในฐานะบุตรสาวแม้ว่านางจะไม่สามารถทำสิ่งเดียวกันได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถจัดการพวกคนรุ่นใหม่ของเผ่าเทพอัคคีได้
พอจู้เยี่ยนเห็นท่าทางสบายๆ ของเซียวเซียว สายตาก็ค่อยๆ เคร่งเครียดลง ด้วยตัวตนของเซียวเซียว ขนาดเป็นคนโง่ยังรู้ว่านางรับมือได้ไม่ง่ายเลย
เผชิญหน้ากับนางแม้แต่จอมยุทธ์ที่ทรงพลังอย่างจู้เยี่ยนยังรู้สึกหวาดกลัวในใจ
“ข้าจะสู้กับเจ้าในวังสวรรค์บรรพกาล” จู้เยี่ยนลังเลชั่วครู่ก่อนที่จะพูด ในเมื่อเขาพบกับเซียวเซียว ก็ต้องระเบิดการต่อสู้ขึ้นอย่างแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะทำ เพราะทะเลสาบสวรรค์อยู่ตรงหน้า ไม่ว่ายังไงก็ควรทำหลังจากได้โอกาสในทะเลสาบสวรรค์ก่อน
“ตามสบาย” เซียวเซียวยังคงมีท่าทางเกียจคร้าน ราวกับว่าไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับการท้าทายของจู้เยี่ยน
จู้เยี่ยนมองไปที่เซียวเซียวอย่างลึกซึ้งและไม่พูดอีกต่อไปก่อนที่เขาจะถอยออกไปบนยอดเขาไม่ไกลแห่งหนึ่ง
“มีปัญหาอะไรไหม?” มู่เฉินพูดขึ้นเมื่อจู้เยี่ยนไปแล้ว พลังของอีกฝ่ายไม่ธรรมดาอย่างแท้จริงและไม่สามารถมองข้ามไปได้
เซียวเซียวเล่นกับเสี่ยวไฉ่ขณะยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ปล่อยเจ้านั่นเป็นหน้าที่ข้า ข้ารับรองว่าเขาจะไม่มีเวลามาสร้างปัญหากับพวกเจ้า”
นางมองออกว่าพวกมู่เฉินเป็นศัตรูกับจู้เยี่ยนมาก่อนแล้ว ในเมื่อเขากระโดดออกมาปะทะเอง นางก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกเพื่อที่จู้เยี่ยนจะได้ไม่มีเวลาไปรบกวนมู่เฉินและคนอื่นๆ
ทั้งสามสามารถบอกถึงความมั่นใจที่ไม่เปลี่ยนแปลงของนางได้จากน้ำเสียง ในฐานะธิดาเทพจักรพรรดิอัคคีนางมีความภาคภูมิใจของตนเอง เผ่าเทพอัคคีรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถเรียกความอัปยศอดสูคืนจากเทพจักรพรรดิอัคคี ดังนั้นพวกเขาจึงวางความคิดไว้ที่นางเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมาบ้าง ส่วนนางก็ไม่ปฏิเสธที่จะสอนบทเรียนให้พวกเขาอีกครั้ง
คนอื่นๆ ยิ้มและพยักหน้า แม้ว่าจู้เยี่ยนจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็เชื่อในตัวเซียวเซียวที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้
จากนั้นทุกคนก็รอคอยอย่างเงียบๆ ต่อ พักใหญ่ก็มีเสียงเหาะเหินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา เพราะนั่นคือซูชิงหยิงที่มู่เฉินพบที่หน้าประตูมังกรทะยานสวรรค์
ซูชิงหยิงยืนอยู่บนแมลงหุ้มเกราะสี่ปีกที่ดูน่ากลัวเดินทางด้วยความเร็วที่น่าทึ่งมากก่อนจะมาหยุดที่นอกทะเลสาบสวรรค์ เมื่อนางเห็นพวกมู่เฉินที่มาถึงก่อนก็อดประหลาดใจไม่ได้
“ฮิๆ ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะเร็วขนาดนี้” ซู่ชิงหยิงมองไปที่มู่เฉินพร้อมกับดวงตาหรี่ลงก่อนจะเหลือบมองหลินจิ้งและเซียวเซียว
โดยเฉพาะเซียวเซียวที่ทำให้หัวใจนางสั่นสะท้าน ซูชิงหยิงสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยอันตรายที่มาจากอีกฝ่าย
“เจ้านั่นไปพบจอมยุทธ์ลึกลับแบบนี้จากที่ไหนอีก?” ซูชิงหยิงพึมพำในใจ เซียวเซียวและหลินจิ้งไม่ใช่คนทวีปเทียนหลัวแน่นอน มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะไม่คุ้นหน้าพวกนาง
มู่เฉินพยักหน้าอย่างใจเย็นตอบซูชิงหยิงไป แม้ว่านางจะได้รับเพียงป้ายมังกรเขียวจากประตูมังกร แต่มู่เฉินรู้ดีว่าถ้าต้องต่อสู้กันจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ต่อกรได้ยากลำบากแน่
ทว่าอารมณ์ของซูชิงหยิงวูบวาบเหมือนลมพัดมักจะเปลี่ยนไปมา ดังนั้นมู่เฉินก็ไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าใกล้นาง กลัวว่าจะมาซึ่งปัญหา
ซูชิงหยิงที่เห็นท่าทางไม่แยแสของมู่เฉินก็เบ้ปาก นางไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้พวกเขา สายตาจดจ่อไปที่ทะเลสาบสวรรค์พร้อมกับดวงตากะพริบวิบวับ
หลังจากซูชิงหยิงก็มีคนอีกกลุ่มมาถึงซึ่งก็ไม่ใช่ไม่คุ้นเคย นี่คือพวกแคว้นเซี่ยที่ปะทะกันนอกเกาะมังกร
ทว่ายามนี้ทั้งกลุ่มทุลักทุเลมาก นอกจากนี้ยังสูญเสียคนไปมาก มีเพียงสี่ห้าคนเท่านั้นที่มาถึงที่นี่ แต่ทุกคนก็มีรัศมีที่ทรงพลัง
เมื่อเซี่ยหยู่ปรากฏตัวก็กวาดมองไปที่มู่เฉินอย่างโหดเหี้ยม ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจ ดวงตามู่เฉินยังคงปิดสนิท
เห็นดังนี้เซี่ยหยู่ก็เค้นเสียงขึ้นจมูกเย็นชาก่อนที่จะมองไปที่จาโหลหลัวและจู้เยี่ยน ดวงตาเปล่งประกายเล็กน้อย
หลังจากเซี่ยหยู่มาถึงก็มีเสียงลมแหวกอากาศดังเข้ามาต่อเนื่อง บ่งบอกการมาถึงของจำนวนคนมากขึ้น
คนทั้งหมดไม่ได้อ่อนแอ แม้แต่จอมยุทธ์ที่อ่อนแอที่สุดก็อยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุด ซึ่งหลายคนได้รับการฟูมฟักจากขั้วอำนาจระดับสูงของเทียนหลัว ขณะเดียวกันก็มีใบหน้าไม่คุ้นเคยที่มาจากนอกทวีปอีกด้วย
ภายในเวลาเพียงสองชั่วโมงสถานที่เงียบสงบก็เต็มไปด้วยผู้คน ความผันผวนนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าซึ่งพิสูจน์ได้ว่าไม่มีใครที่นี่เป็นมิตร
ซ่า-ซ่า!
เมื่อมีผู้คนมารวมตัวกันมากขึ้น ทะเลสาบสวรรค์ก็ตอบสนอง เสียงน้ำไหลไพเราะดังขึ้น
เสียงน้ำทำให้คลื่นหลิงในร่างกายทุกคนสั่นราวกับกระหายอยาก คลื่นพลังงานกระหายที่จะทำให้บริสุทธิ์และชำระล้างจากทะเลสาบสวรรค์
ฮึ่ม ฮึ่ม
เมื่อเสียงน้ำดังขึ้น มู่เฉินก็รู้สึกได้ว่าป้ายยินยอมบนหลังมือค่อยๆ ร้อนขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นริ้วแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
วาบ! วาบ!
ริ้วแสงยังปรากฏบนร่างคนอื่นที่ได้รับป้ายยินยอมและรวมตัวกันที่นอกทะเลสาบสวรรค์ก่อนที่จะก่อตัวเป็นสัญลักษณ์ขนาดใหญ่
เมื่อมู่เฉินเห็นฉากนี้ความสุขก็กระจายบนใบหน้า ดูท่าป้ายตำหนักทั้งเก้าจะรวมตัวกันที่นี่แล้ว
สัญลักษณ์โบราณหมุนคว้าง จากนั้นเกลียวแสงก็ยิงไปที่ผนึกของทะเลสาบสวรรค์ ทำให้เกิดการสั่นสะเทือน พลังงานหลิงระหว่างสวรรค์และโลกกลิ้งไปมา รอยแตกก็ค่อยๆ เปิดขึ้นบนผนึก
ครืน!
เมื่อรอยแตกฉีกออก เสียงกัมปนาทก็ดังกึกก้องก่อนที่พลังหลิงน่าทึ่งจะพัดออกมา ทำให้คลื่นหลิงในฟ้าดินเดือดพล่าน
“ช่างเป็นคลื่นหลิงที่บริสุทธิ์นัก” สัมผัสได้ถึงพลังงานไร้ขอบเขต ใบหน้าของพวกเซียวเซียวก็เปลี่ยนไปอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ทะเลสาบสวรรค์ไม่เพียงแต่มีคลื่นหลิงทรงพลัง แต่ยังมีพลังมหัศจรรย์อื่นๆ อีกด้วย ขณะนี้พวกเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงคลื่นหลิงในร่างกาย แม้แต่ทักษะพลังกาย กระทั่งร่างเทห์สวรรค์ก็คำรามด้วยความหิวกระหาย
หากพวกเขาสามารถรับการชำระล้าง แน่นอนว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์แบบแม้แต่ร่างเทห์สวรรค์ก็จะบริสุทธิ์หมดจด
มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากขณะไฟลุกโชนในดวงตา แม้ว่าพวกเขาจะมีบ่อทองข่ายฟ้าในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ซึ่งเขาเคยใช้ในอดีตเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างเทห์สวรรค์ แต่หากเปรียบเทียบกับทะเลสาบสวรรค์นี้ก็อย่าให้พูดเลย
“ถ้าข้าชำระล้างสำเร็จก็จะสามารถวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับระดับตี้จื้อจุนได้”
มู่เฉินสบตากับพรรคพวก อึดใจทั้งหมดก็พุ่งตัวไปที่รอยแตก ทะเลสาบสวรรค์อยู่ต่อหน้าแล้ว ไม่มีใครอยากยอมแพ้ตอนนี้หรอก
ตู้ม!
การเคลื่อนไหวของพวกเขาไปกระตุ้นจอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่หิวกระหาย ทันใดนั้นเสียงลมแหวกอากาศก็ดังลั่น ทุกคนพุ่งไปหารอยแตกของผนึก
บรรยากาศทั่วบริเวณปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์