หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1152 รับหม้อ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1152 รับหม้อ
บุ๋ม
มู่เฉินพุ่งออกมาจากทะเลสาบสวรรค์ขณะยืนอยู่บนเรือมังกรทองคำ สายตากวาดมองไปก็ส่งเสียงอุทาน นั่นเป็นเพราะพื้นผิวของทะเลสาบจอแจมาก มีเงาแสงพุ่งออกมาจากตลอดเวลา
“นี่คือการชำระล้างทะเลสาบสวรรค์เหรอ?”
เมื่อมู่เฉินปรากฏตัวขึ้นก็มองไปที่พื้นผิวน้ำ ร่างเงาหนึ่งอยู่บนป้าย ร่างนั้นแตะฝ่าเท้าลงไปเกลียวแสงแวววาวก็ระเบิดออกมาจากป้ายพร้อมกับประกายแสงทะยานสู่ท้องฟ้า ทุกๆ เกลียวแสงมีคลื่นหลิงบริสุทธิ์และทรงพลัง
ประกายแสงเหล่านั้นก็คือก้อนอัญมณีจิตทะเลสาบสวรรค์ พิจารณาจากจำนวนน่าจะมีประมาณยี่สิบดวง
นี่เป็นขั้นต่ำสุดของพิธีการชำระล้าง
แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าคนนั้นก็ดูพอใจอย่างชัดเจน ท้ายที่สุดแล้วการไล่จับจิตทะเลสาบเป็นเรื่องยากมาก แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ยังต้องใช้สมองมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะได้รับถึงยี่สิบดวง
ฮึ่ม ฮึ่ม
เมื่อก้อนอัญมณีเหล่านั้นทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก็รวมตัวกันก่อตัวเป็นลำแสงขนาดใหญ่เชื่อมระหว่างท้องฟ้ากับท้องน้ำ คล้ายกับสะพานเชื่อมระหว่างทั้งสองโดยมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางสะพาน
ซ่า ซ่า
น้ำในทะเลสาบไร้ขอบเขตกวาดขึ้นเหนือร่างคนคนนั้นกลายเป็นกระแสน้ำวนที่มีคลื่นบริสุทธิ์และไร้ที่สิ้นสุดถูกบีบอัด ครู่ต่อมาก็กลายเป็นหยาดละอองฝนโปรยปรายลงมา
ฝนนี้ไม่ใช่ฝนธรรมดา หยาดฝนเป็นสีเขียวมรกตที่ดูเหมือนจะบรรจุด้วยพลังชีวิตและพลังหลิงเข้มข้น ทุกหยดเปรียบได้กับของเหลวจื้อจุนจำนวนหมื่นหยด
ชายที่กระตุ้นการชำระล้างก็กระจายความสุขบนใบหน้า เขาเร้าร่างเทห์สวรรค์ออกมาทันที จากนั้นก็กางแขนปล่อยให้ละอองฝนตกประพรมลงบนร่างเทห์สวรรค์ของตนเอง
ฮึ่ม
เมื่อสายฝนตกลงมาบนร่างเทห์สวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ เม็ดฝนก็หลอมรวมเข้ากับร่างเทห์สวรรค์ซึ่งทำให้ระเบิดออกด้วยเกลียวแสงแวววาวนับไม่ถ้วน คลื่นหลิงทรงพลังที่ถูกปล่อยออกมาก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้นพื้นผิวของร่างเทห์สวรรค์ยังมีชั้นของมรกตที่ดูเหมือนผ้าคลุมครอบคลุมทั่วทั้งสรรพางค์กาย ถึงแม้ว่าผ้าคลุมจะเบาบาง แต่มู่เฉินก็รู้ดีว่าร่างเทห์สวรรค์ของชายคนนั้นจะได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากเกลียวแสงมรกตอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว
นอกจากนี้ชายคนนั้นก็ยังได้รับการชำระล้างด้วย หลังจากการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์พื้นผิวร่างกายของเขาก็เปล่งแสงเรืองรองจางๆ เนื่องจากเขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
“ฮ่าๆ สมกับเป็นการชำระล้างทะเลสาบสวรรค์จริงๆ!”
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างเทห์สวรรค์ ชายคนนั้นก็ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะด้วยความสุขบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจอย่างยิ่งกับการรับพิธีชำระล้างนี้
หลายคนให้ความสนใจ เมื่อพวกเขาเห็นการเพิ่มขึ้นของพลังใบหน้าก็ฉายทั้งความตกใจและตื่นเต้น การชำระล้างทะเลสาบสวรรค์พิเศษอย่างแท้จริง!
“แม้แต่ขั้นต่ำสุดก็ยังมีผลเช่นนี้?” มู่เฉินประหลาดใจไปเล็กน้อย แม้ว่าการเติบโตของชายคนนั้นจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากพื้นฐานอ่อนแอของเขา ดังนั้นผลที่ได้รับจึงเห็นชัดเจนมาก แต่นี่ก็เป็นเพียงขั้นต่ำสุดของการชำระล้าง ยังมีขั้นสูงและขั้นสมบูรณ์ที่เล่าลือกัน
ตู้ม ตู้ม!
ขณะที่มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เสาแสงจำนวนมากก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเปล่งความผันผวนรุนแรง ยามนี้จอมยุทธ์จำนวนมากเริ่มกระตุ้นการชำระล้างแล้ว
การชำระล้างเหล่านั้นแทบทั้งหมดอยู่ในขั้นต่ำ แต่เนื่องจากมีความแตกต่างของก้อนอัญมณีจิตทะเลสาบสวรรค์ จึงมีความต่างบางอย่างในการรับพิธีชำระล้างเช่นกัน
“หืม? การชำระล้างขั้นสูง?”
เมื่อมองไปที่เสาแสงการชำระล้างนับไม่ถ้วน มู่เฉินก็ต้องหดตาลงขณะมองไปในระยะไกล มีเสาแสงขนาดใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังทรงประสิทธิภาพมากจนเหนือกว่าการชำระล้างจุดอื่นๆ ทั้งหมด ดึงดูดสายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน
มู่เฉินมองไปที่ภาพเงานั้นก็หรี่ตาลง นั่นไม่ใช่คนไม่คุ้นเคยสำหรับเขา ชายคนนั้นก็คือฉินจิงเจ๋อที่ก่อนหน้ามู่เฉินพบที่นอกประตูมังกรทะยานสวรรค์ เป็นจอมยุทธ์อันดับห้าในทำเนียบ
ก้อนอัญมณีจิตทะเลสาบสวรรค์เจ็ดสิบดวงพวยพุ่งออกมาจากป้ายของเขา ซึ่งมีมากกว่าทุกคนที่นี่
ด้วยจำนวนนี้จึงเป็นการชำระล้างขั้นสูงโดยธรรมชาติ
ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นก็น่าตื่นเต้นมากเช่นกัน เกลียวแสงไร้ขอบเขตก่อตัวเป็นอ่าวเล็กใสไหลลงมาจากท้องฟ้า สายธารเทลงบนศีรษะของเขา
ฉินจิงเจ๋อไม่ได้เรียกร่างเทห์สวรรค์ออกมา แต่ทุกคนสัมผัสได้ชัดเจนว่าคลื่นกระบี่ที่เปล่งออกมาจากร่างกายเขาคมชัดขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสิ้นสุด แม้แต่มิติรอบตัวเขาก็ถูกเฉือนออก
ความรู้สึกราวกับว่าคลื่นกระบี่ในร่างกายเขาได้รับการหล่อเลี้ยงจากสายธาร
เมื่อหยาดหยดสุดท้ายหายเข้าไปในกระหม่อมของฉินจิงเจ๋อ เขาก็ลืมตาขึ้นและคลื่นกระบี่พุ่งออกมาจากดวงตา ทิ้งรอยบากยาวพันจั้งไว้ที่ทะเลสาบเบื้องล่าง
การระเบิดความผันผวนของคลื่นหลิงที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของฉินจิงเจ๋อมาถึงระดับที่น่าทึ่ง ซึ่งบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว!
“ฉินจิงเจ๋อบรรลุขุมพลัง!”
หลายคนอุทานเหนือทะเลสาบ เมื่อก่อนฉินจิงเจ๋อเป็นอยู่ในขั้นเก้าระยะปลายสุด แต่ขณะนี้เขาก้าวเข้าสู่ขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว!
หลายคนรู้สึกอิจฉาเนื่องจากจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสัมผัสกับระดับตี้จื้อจุน ช่วงเวลาที่เขาก้าวผ่านธรณีประตูก็จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและกลายเป็นจอมยุทธ์ทรงอำนาจ
ความแตกต่างระหว่างระดับจื้อจุนและระดับตี้จื้อจุนคล้ายกับสวรรค์และโลก
เฉพาะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นที่สามารถอ้างสิทธิ์ในการเป็นจอมยุทธ์แห่งมหาพันภพพร้อมกับสามารถท่องไปทั่วยุทธภพ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถขึ้นเป็นผู้นำก่อตั้งสำนักของตนเองในทวีปเทียนหลัวได้
“ทะเลสาบสวรรค์แห่งนี้ควรค่าแก่การเป็นหนึ่งในฐานรากของวังสวรรค์บรรพกาลอย่างแท้จริง” แม้แต่มู่เฉินก็อดถอนหายใจไม่ได้
“หืม?”
หลังจากที่ถอนหายใจดวงตาก็ต้องหดลงก่อนที่จะมองไปยังทิศทางอื่น ร่างเงาหลายร่างอยู่บนพื้นผิวที่ห่างไกลของทะเลสาบ
ร่างเงาเหล่านั้นปรากฏขึ้นพร้อมกับเกลียวแสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากป้ายมังกรทองคำของพวกเขา ยามนี้พวกเขาดึงดูดความสนใจทั้งหมดที่มีต่อฉินจิงเจ๋อมา
ดวงตาแต่ละคนสว่างขึ้นมองด้วยความคาดหวัง
นั่นเป็นเพราะร่างเงาเหล่านั้นเป็นจอมยุทธ์อัจฉริยะรุ่นใหม่ของทวีปเทียนหลัว ซึ่งก็คือจู้เยี่ยน จาโหลหลัวและซูชิงหยิง
ในเวลาเดียวกันร่างเงาสามร่างก็ปรากฏขึ้นในอีกมุมหนึ่ง ซึ่งก็คือเซียวเซียว หลินจิ้งและจิ่วโยว
เมื่อพวกเขาปรากฏตัวก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน แต่พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น พวกเขากวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนที่จะมุ่งความสนใจไปที่มู่เฉิน
หลินจิ้งโบกมือให้มู่เฉินหย็อยๆ แต่ไม่ได้เข้ามาใกล้ เพราะต่างกำลังจะกระตุ้นการชำระล้าง ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะรักษาระยะห่างเพื่อที่จะได้ไม่ขัดจังหวะกัน
จู้เยี่ยนมองไปที่มู่เฉินอย่างกินลึกแต่ก็ไม่ได้พูด ผิดกลับซูชิงหยิงที่มองด้วยความสนใจ
สำหรับจาโหลหลัว เขายิ้มให้มู่เฉินด้วยสีหน้าอบอุ่น “ฮ่าๆ พี่มู่อยู่นี่เอง ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหยู่ดูเหมือนว่าเขาจะถูกเจ้าฆ่าสินะ น่าเกรงขามจริงๆ”
คำพูดของจาโหลหลัวดึงดูดเสียงอื้ออึงนับไม่ถ้วน ขณะที่ทุกคนมองมู่เฉินด้วยความไม่เชื่อ
เห็นได้ชัดว่าข่าวการต่อสู้ของมู่เฉินและเซี่ยหยู่ไม่ได้แพร่งพรายออกไป
“เซี่ยหยู่ตายด้วยน้ำมือมู่เฉิน? เป็นไปได้ยังไง?!” ทุกคนตกใจมากจนแม้แต่ฉินจิงเจ๋อที่เพิ่งออกจากการบรรลุขุมพลังก็มองไปที่มู่เฉินด้วยความตกตะลึง ตอนแรกเขาคิดว่าจะสามารถสู้กับเซี่ยหยู่ได้ด้วยพัฒนาการที่มี แต่เขาไม่คิดว่าเซี่ยหยู่จะถูกมู่เฉินสังหารไปแล้ว
“ไม่…เป็นไปไม่ได้!” อีกมุมหนึ่งใบหน้าของเซี่ยหงก็ซีดลง จอมยุทธ์แคว้นเซี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็มีเหงื่อเย็นปกคลุมเต็มหน้าผากขณะค่อยๆ เหลียวมองไปที่มู่เฉินด้วยความตกใจในดวงตา ราวกับเห็นผีก็มิปาน
พวกเขารู้แค่ว่าเซี่ยหยู่จะสู้กับมู่เฉิน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่านอกจากเซี่ยหยู่จะไม่สามารถจัดการกับมู่เฉินได้ เขายังเสียท่าถูกฆ่าอีกด้วย
มู่เฉินยังคงนิ่งเงียบขณะมองไปที่จาโหลหลัว แม้ว่าชายคนนี้จะเล่นละครดูตกอกตกใจ แต่มีเจตนาร้ายในคำพูดอย่างชัดเจน
“หากเจ้าสนใจสามารถลองดูได้เช่นกัน” มู่เฉินเอ่ยขึ้นเบาๆ
จาโหลหลัวยิ้ม “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด นอกจากนี้พี่มู่ก็ไม่ธรรมดา เนื่องจากสามารถสรรหาผู้ช่วยนอกทวีปที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ดูเหมือนว่าโอกาสของทวีปเทียนหลัวครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนนอกซะแล้ว”
ขณะที่เขาพูดก็มองไปที่เซียวเซียวและหลินจิ้ง ความหมายเบื้องหลังคำพูดชัดเจนมาก
ทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปขณะมองไปที่มู่เฉิน เซียวเซียวและหลินจิ้งด้วยความหวาดระแวง
“เจ้านี่ชั่วช้าจริงๆ!” สายตาของจิ่วโยวกลายเป็นเย็นเยือกเมื่อมองไปที่จาโหลหลัวอย่างโกรธเกรี้ยว เห็นได้ชัดว่าจาโหลหลัวต้องการให้คนอื่นแยกมู่เฉินออกจากทวีปเทียนหลัว
ทว่ามู่เฉินราวกับไม่เห็นสายตาที่ตั้งระวังเหล่านั้น เขายิ้มอย่างใจเย็น “วังสวรรค์บรรพกาลถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยบรรพบุรุษผู้กล้า เหล่าผู้อาวุโสตายเพื่อปกป้องมหาพันภพจากจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลังจึงถือเป็นของมหาพันภพ แต่วันนี้เจ้ากลับใช้โอกาสเหล่านี้มากีดแบ่งมหาพันภพ การกระทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากเผ่าปีศาจ”
คำพูดของมู่เฉินทำให้ทุกคนอึ้งไปก่อนที่จะรู้สึกละอาย นั่นเป็นเพราะคำพูดของมู่เฉินมีไว้เพื่อประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่า หากมีใครกล้าหักล้างคำพูดก็จะเป็นการแยกมหาพันภพ สนับสนุนเผ่าปีศาจ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงจาโหลหลัว แม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ไม่กล้ารับหม้อใบนี้ขึ้นมา
ทุกคนสบตากันก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของจาโหลหลัวที่เปลี่ยนไปเป็นไม่น่ามอง เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจมากกับการรับหม้อเดือดใบนี้ไป นี่ทำเอาทุกคนถอนหายใจ
“มู่เฉินร้ายกาจจริงๆ…”
**รับหม้อ เป็นการเปรียบเทียบ แปลว่า รับสิ่งไม่ดีใส่ตัว