หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1181 การมาถึงของจอมยุทธ์ชั้นสูง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1181 การมาถึงของจอมยุทธ์ชั้นสูง
สุสานจักรพรรดิฟ้า
มิติอยู่ในสภาพเป็นเสี่ยงๆ โดยมีสะเก็ดชิ้นส่วนมิติจำนวนนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นเป็นกระแสมิติที่สับสนวุ่นวาย ขณะที่ส่งเสียงหวีดหวิวออกไปในสภาพแวดล้อม
แน่นอนว่าปัจจัยที่น่ากลัวที่สุดก็ยังเป็นแรงกดดันน่าสะพรึงสองสายที่คลุมเครือของสถานที่แห่งนี้
“ไปกันเถอะ”
มู่เฉินก็อึ้งไปกับรัศมีที่น่ากลัวนี้เช่นกัน แต่คนอย่างเขาก็ไม่กลัว เขาไตร่ตรองสั้นๆ ก่อนจะมองไปยังหญิงสาวทั้งสาม ในเมื่อพวกเขามาไกลขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีทางที่จะหันหลังกลับแบบคนขี้แพ้เด็ดขาด
หญิงสาวทั้งสามก็ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางอย่างระมัดระวังพุ่งไปในสุสาน
ทันทีที่ก้าวเข้ามาพวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันน่ากลัวที่ห่อหุ้ม ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายเฉื่อยชาลง
ทว่าพวกเขาล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นจึงหมุนเวียนพลังงานเพื่อต้านทานแรงกดดันทันที ก่อนที่จะเงยหน้ามองไปรอบๆ
ซึ่งนั่นทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านอีกครั้ง
มียอดเขาสูงตระหง่านจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนผืนฟ้า ผืนดินถูกปกคลุมไปด้วยเหวแตกลึกที่ดูคล้ายกับมังกรสีดำขนาดมหึมา
“มิติที่นี่แตกสลายไปแล้ว… แม้แต่กฎเกี่ยวกับพื้นที่เชิงมิติก็ผิดปกติ” ใบหน้าของเซียวเซียวเคร่งเครียดลงหลายส่วน สงครามแบบไหนกันที่สามารถทำให้พื้นที่เสียหายจนไม่อาจฟื้นฟูแม้จะผ่านไปนับหมื่นปี?
ใบหน้ามู่เฉินก็เคร่งขรึมลง แต่ก่อนที่จะพูดก็ต้องหันไปทางอื่น ริ้วแสงพุ่งเข้ามาใกล้ก่อนที่จะกลายเป็นร่างเงาร่อนลงในสุสานจักรพรรดิฟ้า
ชัดว่าจอมยุทธ์จากขั้วอำนาจต่างๆ ก็เริ่มเร่งรุดมาถึงสุสานจักรพรรดิฟ้าแล้ว
ในบรรดาคนเหล่านั้นมู่เฉินได้เห็นคนหน้าคุ้นเซี่ยหงจากแคว้นเซี่ย อีกฝ่ายกำลังมองมาที่มู่เฉินด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย
“เฮ้ มู่เฉินก่อนหน้านี้แกโอหังนักไม่ใช่เหรอ!” เซี่ยหงมองไปที่มู่เฉินก็เผยรอยยิ้มน่าขนลุก
บางทีเขาอาจจะปกปิดและซ่อนตัวถ้าได้พบกับมู่เฉินก่อนหน้านี้ แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไปเนื่องจากพวกเขาเข้ามาในสุสานจักรพรรดิฟ้าแล้ว ในสายตาของเขาเวลานี้มู่เฉินคล้ายกับคนตาย
เพราะเมื่อมาถึงที่นี่ เขาก็สามารถเรียกบิดามาได้ทุกเมื่อ
ทว่ามู่เฉินกลับเมินเฉยต่อสายตาของเซี่ยหง เขาได้เตรียมการพอเพียงสำหรับฮ่องเต้เซี่ยแล้ว
แต่ใบหน้าของเซี่ยหงกลับบิดเบี้ยวเมื่อถูกมู่เฉินเมินใส่ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นป่าเถื่อนก่อนที่จะหยิบป้ายหยกออกมา
“มู่เฉิน ข้าจะทำให้แกคุกเข่าลงขอร้อง!”
เซี่ยหงคำรามขณะที่บดขยี้ป้ายหยก
ตู้ม!
คลื่นหลิงทรงพลังระเบิดออกมาเมื่อป้ายถูกทำลาย พลังงานรวมตัวฉีกขาดผ่านมิติก่อนที่จะกลายเป็นช่องทาง
จากนั้นภาพเงาสง่างามก็เยื้องย่างออกมาอย่างช้าๆ
เมื่อภาพเงานั้นเดินออกมาคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดตัวออกไป เนินเขาที่ลอยอยู่โดยรอบกลายเป็นเถ้าถ่านจากมวลคลื่นพลังงานขนาดใหญ่
“นี่คือสุสานจักรพรรดิฟ้าเหรอ…เซี่ยหงเจ้าทำได้ดีมาก” เมื่อภาพเงาสง่างามมาถึงก็มองไปรอบๆ ก่อนที่จะเอ่ยชมเชย
“เซี่ยหยู่ล่ะ?”
ฮ่องเต้เซี่ยตั้งคำถาม เขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานของเซี่ยหยู่เลย
เซี่ยหงมองไปที่มู่เฉินอย่างโกรธแค้น “ท่านพ่อ พี่ชายถูกมันสังหาร!”
ร่างฮ่องเต้เซี่ยหยุดชะงักก่อนจะค่อยๆ เหลียวไปมองมู่เฉินโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ ในสายตา
ฮึ่ม!
เมื่อสายตาของฮ่องเต้เซี่ยกวาดมา มู่เฉินก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันน่ากลัวที่พุ่งออกมาจากทิศทางนั้นพยายามจะทำให้เขาคุกเข่าลงกับพื้น
เผชิญกับแรงกดดัน สีหน้ามู่เฉินก็มืดครึ้ม ทว่าอึดใจแสงสีม่วงทองก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายเขาต่อต้านแรงกดดันที่มาจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย อย่างไรก็ตามพื้นดินใต้ฝ่าเท้าเขาถึงกับแตกร้าวออกไป
“หืม?”
เมื่อเห็นว่ามู่เฉินต่อต้านแรงกดดันได้ ฮ่องเต้เซี่ยก็อึ้งไป ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในฐานะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มธรรมดาจะถูกบดกลายเป็นกองเนื้อสับภายใต้แรงกดดันของเขา แต่เจ้าเด็กนั่นกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลยเรอะ?
มู่เฉินกัดฟันแน่นทนรับแรงกดดัน แต่เขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ฮ่องเต้เซี่ยตรงๆ
ฮ่องเต้เซี่ยสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิสีทองดูสง่างามสองมือไพล่หลัง ความทรงเกียรติไม่มีที่สิ้นสุดเลือนรางเอิบอาบออกมาจากเขาทำให้คนอื่นกลัว
แกร็ก
ขณะที่มู่เฉินมองไปที่ฮ่องเต้เซี่ยเขาก็บดขยี้หินหยกที่มั่นถัวหลัวมอบไว้ให้โดยไม่ลังเลใดๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงทรงพลังก็ก่อตัวขึ้นเป็นอุโมงค์มิติ ร่างเงาเล็กกะทัดรัดก็สาวเท้าเดินออกมา
เมื่อนางก้าวเดินแรงกดดันที่มาจากฮ่องเต้เซี่ยก็หายไปทันที
“อะไรกันนี่? ฮ่องเต้แห่งแคว้นเซี่ยไม่ใส่ใจสถานะตัวเองถึงกับเคลื่อนไหวจัดการจอมยุทธ์รุ่นใหม่เลยรึ?” น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงไอเย็นชาของมั่นถัวหลัวดังก้อง
ฮ่องเต้เซี่ยมองไปที่มั่นถัวหลัวด้วยสายตามืดมนก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า “เขาฆ่าลูกชายผู้สืบทอดบัลลังก์ของข้า หากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของเจ้าต้องการปกป้องเขา แคว้นเซี่ยของข้าก็จะต้องประกาศงครามเท่านั้น”
เมื่อพูดจบก็มีร่างเงาอีกสองร่างเดินออกมา พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ชัดว่าเป็นจอมยุทธ์ชั้นยอดของแคว้นเซี่ย
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสองคนกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายหนึ่งคน การรวมตัวเช่นนี้ถือว่าทรงพลังมากเลยทีเดียว
หากเป็นขุมกำลังระดับสูงธรรมดาพวกเขาคงต้องส่งมอบมู่เฉินให้ทันทีถ้าต้องเผชิญหน้ากับการรวมตัวนี้ ทว่าใบหน้าของมั่นถัวหลัวกลับเผยรอยยิ้มจางๆ
ร่างเงากลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาจากอุโมงค์มิติโดยมีคลื่นหลิงไร้ขอบเขตครอบงำกวาดออกไป นับได้ห้าสาย
นี่คือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่เป็นผู้ประมุขขั้วอำนาจระดับสูงสุดในภูมิภาคทางเหนือซึ่งเป็นสมาชิกของพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือ
“พันธมิตรภูมิภาคทางเหนือรวมกองทัพเป็นหนึ่งแล้ว ถ้าแคว้นเซี่ยต้องการประกาศสงครามก็เอาเลย” มั่นถัวหลัวยิ้ม
ที่เบื้องหลังประมุขทั้งห้าเบ้ปากอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาไม่ต้องการเริ่มสงครามกับขุมกำลังระดับแนวหน้าอย่างแคว้นเซี่ย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงท่าทีคัดค้านใดๆ กับมั่นถัวหลัวที่นี่ได้
อย่างน้อยภายนอกกองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือก็แข็งแกร่งกว่าแคว้นเซี่ย ดังนั้นหากการต่อสู้เกิดขึ้นพวกเขาอาจได้รับผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำด้วยซ้ำ
เมื่อฮ่องเต้เซี่ยเห็นว่ามั่นถัวหลัวเต็มใจที่จะทำสงครามกับแคว้นเซี่ยเพื่อปกป้องมู่เฉิน สายตาเขาก็ดูเย็นชาลงหลายส่วน แม้จะไม่มีอารมณ์ใดๆ บนใบหน้าเขา แต่คลื่นหลิงทรงพลังรอบตัวก็บ่งบอกถึงความโกรธเกรี้ยวได้ดี
มิติยังถึงกับบิดเบี้ยวภายใต้ความคั่งแค้นของเขา
ทว่ามั่นถัวหลัวยังคงรักษาท่าทางสงบนิ่ง ต่อให้เผชิญหน้ากับฮ่องเต้เซี่ยที่โกรธเกรี้ยว พลังงานหลิงที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกมาจากร่างเล็กของนางเช่นกัน
บรรยากาศระหว่างทั้งสองฝ่ายเข้มข้นขึ้น
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ขณะที่พวกเขายืนประจันหน้ากัน ความผันผวนของมิติก็เริ่มกระเพื่อมไหว เหล่าจอมยุทธ์ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มาถึงก็เริ่มเรียกยอดยุทธ์ของขั้วอำนาจตนเอง
ดังนั้นความผันผวนทรงพลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในสุสานจักรพรรดิฟ้าไม่หยุด ขณะที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเริ่มมาถึงกันทีละคน
เมื่อพวกเขามาถึงก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดระหว่างมั่นถัวหลัวและฮ่องเต้เซี่ยอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่มีใครจะสอดมือเข้าไปยุ่ง เพราะขุมกำลังทั้งสองมีการรวมตัวที่ทรงพลังและพวกเขาอาจต้องทนทุกข์ทรมานหากเข้าไปแทรกแซง
นอกจากนี้นี่ก็เป็นข่าวดีสำหรับพวกเขาหากทั้งสองฝ่ายประสบความสูญเสีย จำนวนคู่แข่งจะได้ลดลง
ทว่าสุดท้ายสถานการณ์นี้ก็ไม่ได้ดำเนินต่อไป
“ฮ่าๆ แมนดาลา ไม่คิดว่าปีที่ผ่านๆ มาเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ในภูมิภาคทางเหนือ…ข้าตามหาซะนานเลย”ทันใดนั้นเสียงหัวเราะสดใสก็ดังก้องซึ่งดึงดูดความสนใจผู้คนเป็นอย่างมาก
เมื่อมู่เฉินได้ยินเสียงนั้นม่านตาก็หดแคบลง เนื่องจากคนคนนั้นเรียกมั่นถัวหลัวว่าแมนดาลา… นั่นหมายความว่าเขาต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของมั่นถัวหลัว
ในทวีปเทียนหลัว นอกเหนือจากเขาแล้วก็คงมีแต่ศัตรูข้ามชาติของมั่นถัวหลัว—จักรพรรดิปีศาจลู่หยวนที่รู้เกี่ยวกับตัวตนของนาง
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกลก็เห็นความผันผวนของมิติ ภาพเงาโดดเด่นก้าวเดินในความผันผวนนั่นปรากฏต่อหน้าสายตาพวกเขา
เมื่อภาพเงานั้นปรากฏขึ้น เขาก็เหลือบไปที่มั่นถัวหลัวก่อนที่จะมองไปที่มู่เฉินพลางยิ้มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ข้ารู้สึกได้ถึงความผันผวนของป้ายขวางสมุทรในตัวเจ้า ดูเหมือนว่า…เจ้าฆ่าจาโหลหลัวไปแล้วสินะ”