หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1183 มั่นถัวหลัวที่สมบูรณ์แบบ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1183 มั่นถัวหลัวที่สมบูรณ์แบบ
แสงมืดมิดปกคลุมภูมิภาคนี้
พร้อมกับความผันผวนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงซึ่งทำให้แม้แต่เหล่าจอมยุทธ์ชั้นสูงที่นี่ก็มีท่าทางการแสดงออกที่เปลี่ยนไป
เนื่องจากคลื่นพลังนี้เป็นของระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม!
ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มคือระดับที่เข้าใกล้กับระดับเทียนจื้อจุนซึ่งเป็นการดำรงอยู่ของอำนาจสูงสุดอย่างแท้จริงแม้แต่ในมหาพันภพ!
ไม่มีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสักคนในทวีปเทียนหลัว ดังนั้นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มจึงเป็นบุคคลที่สุดของที่สุด ณ ทวีปแห่งนี้
พวกเขาต่างเป็นตัวแทนของขุมกำลังที่ทรงพลังที่สุดของทวีปเทียนหลัว แม้แต่ขั้วอำนาจชั้นยอดก็ยังหวาดกลัวพวกเขา แต่ตอนนี้กลับมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มถือกำเนิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาแล้ว!
สามารถจินตนาการได้ว่าในอนาคตอาณาเขตกงเวทสวรรค์และพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือจะต้องมีสถานะที่สูงส่ง เนื่องจากพวกเขามีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม
จอมยุทธ์หลายคนถึงกับถอนหายใจด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นก็เบนสายตายินดีในความทุกข์จ้องมองที่ฮ่องเต้เซี่ยและลู่หยวน
ทั้งสองคนไม่คิดมาก่อนว่าหลังจากมั่นถัวหลัวหลอมรวมกับร่างหลักความแข็งแกร่งจะยกระดับขึ้นมากขนาดนี้ ถึงขั้นผ่านคอขวดบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มได้
เมื่อนาทีที่แล้วทุกคนยังรู้สึกว่ากองทัพพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือต้องจ่ายราคาแพงระยับเพื่อจัดการขั้วอำนาจทั้งสอง แต่สถานการณ์กลับตาลปัตรในพริบตา
แม้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายสองคนจะผนึกกำลังกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็ม
เนื่องจากช่องว่างขุมพลังทั้งสองช่างทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังนัก
มิฉะนั้นด้วยจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายมากมายที่นี่ ทำไมพวกเขาถึงไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าได้ต่อให้ผ่านไปหลายปี?
ประมุขทั้งห้าของพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือต่างตกตะลึงกับฉากนี้ ก่อนที่พวกเขาจะแลกเปลี่ยนสายตากัน หลิ่วเทียนเต้าประมุขตำหนักสุดนภาก็กระแอมไอขึ้นมาเบาๆ “ไม่คิดว่าท่านผู้นำของเราจะมีไม้เด็ดเช่นนี้ สายตาพวกเราไม่กว้างไกลเลย”
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนั่นก็มองไปที่หลิ่วเทียนเต้าถามว่า “ก่อนหน้านี้ท่านประมุขหลิ่วคงอยากมอบตัวข้าไปมากสินะ?”
เขาและหลิ่วเทียนเต้าไม่กินเส้นกันมาตั้งแต่ในอดีต แม้ว่าจะมีการก่อตั้งพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือ ทั้งสองคนก็ได้แต่วางความขุ่นเคืองเอาไว้ก่อน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
หากจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มธรรมดาพูดในลักษณะนี้กับเขา หลิ่วเทียนเต้าคงระเบิดอารมณ์ไปแล้วแน่นอน แต่เมื่อพบปะกับมู่เฉิน เขาก็ไม่สามารถวางท่าทีใดๆ ได้ เพราะมู่เฉินและมั่นถัวหลัวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน บางทีพวกเขาอาจจะยังคงมีความคิดบางอย่างตอนที่มั่นถัวหลัวมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แต่เนื่องจากตอนนี้นางทะลุไปขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มแล้ว ความคิดของพวกเขาก็สลายไปอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้พวกเขารู้ว่าเมื่อมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มในกลุ่มพันธมิตรภูมิภาคทางเหนือสถานะของพวกเขาจะสูงขึ้นในทวีปเทียนหลัว
การได้รับการปกป้องจากจอมยุทธ์ระดับนี้ทำให้พวกเขาสามารถเดินเชิดหน้าในยุทธภพได้อย่างสบาย
ดังนั้นหากก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกบังคับให้เข้าร่วมพันธมิตรภูมิภาคเหนือ ตอนนี้พวกเขาก็รู้สึกโชคดีที่ได้เข้าร่วม
เพราะเหตุนี้หลิ่วเทียนเต้าจึงทำได้เพียงยิ้มเฝื่อนกับคำพูดของมู่เฉินและตัดสินใจทันทีว่าจะไม่สร้างความขุ่นเคืองอะไรต่อกันแล้ว
มู่เฉินไม่ได้ไล่จี้เมื่อเห็นท่าทีของหลิ่วเทียนเต้า เขามองไปที่เสาแสงมืดมิดที่ขยายออกไปประมาณหมื่นจั้งในช่วงระยะไม่กี่สิบลมหายใจสั้นๆ
เมื่อมองจากระยะไกลกิ่งก้านและใบของดอกไม้น่าหลงใหลก็ดูดุร้ายมากขึ้นหลายส่วน
ขณะนี้ดอกแมนดาลาโบราณน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์เสียอีก
ดอกไม้แกว่งไปมาเบาๆ แสงสีดำเบ่งบานออกมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องครางกระหึ่ม มิติบิดเบี้ยวขณะที่สายฟ้าสีดำแล่นแปลบปลาบลงมาที่ดอกไม้น่าหลงใหล
ความผิดปกติของฟ้าดินดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นมหาสมุทรน่าสะพรึงกลัวของคลื่นหลิงก็ถูกครอบงำก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าไปในดอกไม้
เมื่อดอกไม้ดูดซับพลังงานหยดสุดท้ายก็หดกลับสู่ขนาดเดิมอย่างรวดเร็ว กลีบดอกแย้มบานลงมาเผยให้เห็นร่างเล็กกระทัดรัดเอาไว้
รูปลักษณ์ของมั่นถัวหลัวยังดูเหมือนเมื่อก่อนหน้า เด็กผู้หญิงอ่อนโยนตัวเล็ก แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นม่านตาสีทองคำก็กลายเป็นสีดำ
สีดำนั้นคล้ายกับหลุมดำที่สามารถฉีกวิญญาณได้หากใครจ้องมองไปที่รูม่านตานั้นนานเกินไป
ชุดสีดำถักทอขึ้นบนร่างกายของมั่นถัวหลัว ขณะที่นางก้าวย่างออกมาจากเกสรดอกไม้ เมื่อนางเดินออกไปแล้วดอกแมนดาลาก็หดลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นดอกไม้สีดำอยู่ในมือนาง
นางอ้าปากกลืนกินดอกไม้เข้าไป ก่อนที่จะยืดเอวมองไปที่ฮ่องเต้เซี่ยและลู่หยวนด้วยดวงตามืดมนลึกซึ้ง
เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของมั่นถัวหลัว ฮ่องเต้เซี่ยและลู่หยวนก็ก้าวถอยหลังพร้อมกับความกลัวและความระมัดระวังพล่านในดวงตา แม้ในแง่ของรูปลักษณ์มีเพียงม่านตาของมั่นถัวหลัวเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ว่ารัศมีของนางอันตรายกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
“ฮ่องเต้เซี่ย เจ้ายังคิดจะเปิดสงครามอยู่ไหม?” มั่นถัวหลัวเหลือบมองฮ่องเต้เซี่ยพลางถามอย่างไม่แยแส
หลังจากรวมกับร่างหลักแล้ว นางก็ไม่กังวลที่ฮ่องเต้เซี่ยและลู่หยวนจะร่วมมือกันอีกต่อไป
ใบหน้าของฮ่องเต้เซี่ยเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าดูพร้อมกับสายตาวูบไหว เขาพยายามดิ้นรนเพื่อตัดสินใจในใจ หากมั่นถัวหลัวเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย เขาก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลง แต่ตอนนี้นางอยู่ในขั้นเต็มแล้วซึ่งไม่ใช่คนที่เขาสามารถเผชิญหน้าได้
การเป็นศัตรูกับจอมยุทธ์ระดับนี้อาจจะนำหายนะมาสู่แคว้นเซี่ย
เมื่อเทียบกับสิ่งนี้การสูญเสียรัชทายาทก็ไม่ได้อะไรเลย เพราะตัวเขายังมีลูกคนอื่นๆ และเขายังมีเวลาที่จะเลือกฝึกฝนรัชทายาทคนใหม่ได้
ดังนั้นหลังจากลังเลอยู่นาน ฮ่องเต้เซี่ยก็ก้าวถอยหลังพูดอย่างไม่แยแสว่า “ในเมื่อเจ้าก้าวข้ามไปแล้ว แคว้นเซี่ยของข้าก็จะยอมรับการสูญเสียนี้”
หลายคนมองไปที่ฮ่องเต้เซี่ยพลางแอบเดาะลิ้น ฮ่องเต้เซี่ยยอมกลืนความขุ่นเคืองลงท้องไปได้ช่างเป็นคนที่ใจไม้ไส้ระกำนัก ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมแคว้นเซี่ยถึงแข็งแกร่งขึ้นได้ในมือเขา
มั่นถัวหลัวดูนิ่งสงบกับการตอบสนองนี้ ตอนนี้ฮ่องเต้เซี่ยแค่ถูกบังคับให้อดทนต่อสิ่งนี้ แต่ตราบใดที่นางยังคงอยู่ในสถานภาพนี้ แคว้นเซี่ยก็ต้องกลืนความไม่พอใจนี้ลงไป
บางทีสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปหากฮ่องเต้เซี่ยบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม แต่ชัดว่าวันเวลานั้นยังอีกยาวไกล
พลังที่ต้องการในการบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็มเกินกว่าจินตนาการของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายนัก
ดังนั้นนางจึงหันไปมองลู่หยวน แต่คราวนี้น้ำเสียงเย็นชาลงมาก
“ลู่หยวนถึงเวลาที่จะต้องยุติความแค้นแล้ว”
เสียงเยือกเย็นเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าหนาแน่น ชัดว่านางไม่คิดที่จะปล่อยลู่หยวนไปอีกแล้ว
สายตาของลู่หยวนมืดมนลงเช่นกัน เนื่องจากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามความหวัง ทว่าเขาไม่ได้ถอยหนีเหมือนฮ่องเต้เซี่ย
เนื่องจากเขารู้ว่าความแค้นระหว่างตนเองกับมั่นถัวหลัวจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อมีคนใดคนหนึ่งตาย ดังนั้นต่อให้เขาตั้งใจถอยมั่นถัวหลัวก็คงไม่ปล่อยเขาไปหรอก
ดังนั้นเขาจึงหายใจเข้าลึกๆ ก้าวออกไป
ตู้ม
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกมา จากนั้นก็เหวี่ยงหมัด
คลื่นหลิงที่น่าสะพรึงรวมกันในหมัด กลายเป็นดาวมหึมาพุ่งเข้าหามั่นถัวหลัว
หากเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นธรรมดารับหมัดนี้ไปก็คงจะได้รับบาดเจ็บหนัก ทว่ามั่นถัวหลัวเพียงแค่เงยหน้าขึ้นและสะบัดนิ้วเบาๆ
ปัง!
ดาวดวงมหึมากระเด็นออกไปชนเข้ากับภูเขาที่ลอยอยู่กลางอากาศจนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
หลังจากดีดการโจมตีออกไป มั่นถัวหลัวก็พูดเบาๆ ว่า “ถ้านั่นเป็นทั้งหมดที่แกมีก็รับความตายวันนี้ซะ”
ก่อนที่นางจะพูดจบ หัวใจของมั่นถัวหลัวก็สั่นสะท้านและหันกลับมามองไปที่ไกลด้วยความตกใจ
ขณะเดียวกันจอมยุทธ์ชั้นสูงคนอื่นๆ และพวกมู่เฉินก็รู้สึกได้เช่นกัน สายตาเบนมองไปทันที
ภูเขาลอยที่กลายเป็นฝุ่น เผยให้เห็นภายในเป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีร่างเงายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ พร้อมกับรัศมีที่ไม่อาจจินตนาการได้แผ่ออกมา
แม้แต่มั่นถัวหลัวที่เพิ่งจะบรรลุตี้จื้อจุนขั้นเต็มยังอ่อนแอต่อหน้ารัศมีนี้
สายตาของมั่นถัวหลัวจ้องเขม็งไปที่ร่างนั้นด้วยความไม่เชื่อบนใบหน้าพลางพึมพำออกมา
“นั่นจักรพรรดิฟ้า?!”