หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1185 ราชันปีศาจ? จักรพรรดิฟ้า?
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1185 ราชันปีศาจ? จักรพรรดิฟ้า?
เงียบ!
ทุกคนตกตะลึงไปแม้แต่จอมยุทธ์ชั้นสูงของทวีปเทียนหลัวก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
นั่นไม่ใช่จักรพรรดิฟ้าเหรอ? แต่ทำไมถึงกินเลือดเนื้อคน? นั่นไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิฟ้าสมควรทำเลย!
“ฮ่าๆๆๆ !”
เมื่อเห็นสายตาหวาดผวานับไม่ถ้วน ลู่หยวนก็อดหัวเราะดังลั่นออกมาไม่ได้ ใบหน้าดูเหี้ยมเกรียมในขณะนี้ซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดกลัว
“ลู่หยวน แกทำอะไรลงไป?!” มีคนแผดเสียงคำรามลั่น สถานการณ์นี้ชัดว่าจักรพรรดิฟ้ากลืนกินเลือดเข้าไปก็เพราะลู่หยวน
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มประหลาดตอบว่า “ข้าทำอะไรลงไปเหรอ? ข้าก็กำลังช่วยพวกแกชุบชีวิต ‘จักรพรรดิฟ้า’ ไง”
“ชุบชีวิตจักรพรรดิฟ้า?” ทุกคนอึ้งไป หรือว่าจักรพรรดิฟ้ายังไม่ตาย?
“นั่นไม่ใช่จักรพรรดิฟ้า!” ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงง เสียงคำรามก็ดังขึ้น มั่นถัวหลัวก้าวออกมาพลางจ้องมองจักรพรรดิฟ้าเขม็ง
คนอื่นอาจไม่รู้สึกแต่นางบอกได้ว่านั่นไม่ใช่จักรพรรดิฟ้า แม้จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะก็ตาม!
“โอ้? เขาไม่ใช่จักรพรรดิฟ้า แล้วเขาคือใคร?” ลู่หยวนถาม
ใบหน้ามั่นถัวหลัวดูน่ากลัวลงเล็กน้อย นางจ้อมเขม็งไปที่ลู่หยวนพูดย้ำทีละคำ “ลู่หยวน ที่แท้แกก็อยู่ภายใต้การควบคุมของราชันปีศาจ”
“ราชันปีศาจ?!”
คำพูดของนางก่อให้เกิดคลื่นในหัวใจของผู้คน ทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนที่จะมองลู่หยวนด้วยความหวาดผวา ราชันปีศาจที่รุกรานทวีปเทียนหลัวยังไม่ตายเรอะ?
ลู่หยวนอึ้งไปก่อนที่จะปรบมือพลางคลี่ยิ้ม “ไม่คิดว่าเจ้าจะเดาได้”
เผชิญหน้ากับบางสิ่งที่ตราหน้าเขาว่าเป็นคนทรยศแห่งมหาพันภพ เขากลับยอมรับอย่างง่ายดาย
“ลู่หยวน แกรนหาที่ตายแล้ว!” จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายคนหนึ่งคำรามลั่น
“ลู่หยวน เมื่อไรที่ข่าวนี้แพร่งพรายออกไป แกและตำหนักเทพปีศาจจะกลายเป็นเถ้าถ่านทันที!”
ลู่หยวนยิ้มอ่อนตอบ “งั้นพวกแกก็ต้องส่งข่าวออกไปให้ได้ก่อนน่ะสิ”
สายตาของจอมยุทธ์ทั้งหลายมืดมนลง พวกเขานำวัตถุส่งสัญญาณต่างๆ ออกมาบดขยี้ วัตถุเหล่านี้สามารถส่งข้อมูลผ่านช่องมิติกลับไปสู่สำนักของตนเองได้
ทว่าใบหน้าของพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อขยี้ป้ายส่งสัญญาณ เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ว่าข้อมูลสลายหายไป ราวกับว่าไม่สามารถเล็ดลอดออกมาจากพื้นที่แห่งนี้ได้
พวกเขาเงยหน้าขึ้นทันควันและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นม่านสีดำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือสุสานจักรพรรดิฟ้า คล้ายกับปราการปิดสนิทบริเวณนี้ทั้งหมด
ปราการดังกล่าวดูบอบบาง แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายก็ไม่สามารถสั่นไหวได้ ช่างชั่วร้ายอย่างยิ่ง มันกำลังกลืนกินคลื่นหลิงในสุสานจักรพรรดิฟ้าอย่างต่อเนื่อง
เผชิญกับสถานการณ์นี้ความโกลาหลก็พล่านไปในหมู่จอมยุทธ์
“รวมพลังช่วยกันฆ่าไอ้คนทรยศ!”
ทว่าจอมยุทธ์ชั้นแนวหน้าเหล่านี้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ทันทีที่พวกเขาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลาย พวกเขาก็คำรามลั่น ร่างแสงแปดสายทะยานไปใส่ลู่หยวน
พวกเขาบอกได้เลยว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจากฝีมือลู่หยวน ดังนั้นหากพวกเขาฆ่าลู่หยวนได้ก็จะสามารถออกจากสถานการณ์นี้ได้
การเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายหนึ่งคนและขั้นต้นเจ็ดคน ต่อให้เป็นลู่หยวนก็ต้องตกอยู่ในอันตราย
ทว่าท่าทางของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยกับสถานการณ์นี้ รอยยิ้มเย้ยหยันกลับปรากฏบนใบหน้าเขาแทน
“ระวัง!”
มั่นถัวหลัวรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางรีบตะโกนเตือนทันที
ทว่าขณะที่เสียงของนางดังก้อง ร่างแสงทั้งแปดก็เข้าใกล้ลู่หยวนแล้ว ‘จักรพรรดิฟ้า’ ที่กลืนกินจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสามคนเข้าไปก็ปรือตาขึ้น
นิ้วเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเส้นแสงสีดำก็เหมือนรวมเข้าในมิติ
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ในเวลาเดียวกันมิติก็ฉีกออกเป็นริ้วๆ หมอกสีดำน่ากลัวปะทุออกมา จากนั้นก็กลายเป็นปากแปดปากที่น่ากลัว พุ่งกัดไปทางร่างแสงทั้งแปด
ปากเคลื่อนไหววูบวาบ มองดูราวกับว่าร่างแสงทั้งแปดพุ่งเข้าไปในปากเอง
กร๊อบ!
ปากขยับเคี้ยว เสียงแหลมและเลือดก็สาดกระเซ็นออกมา ก่อนที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นจะได้ตอบสนองร่างก็กลายเป็นชิ้นเนื้อและเลือด แม้แต่วิญญาณก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
มีเฉพาะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายที่มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็ระเบิดแขนตัวเองเปลี่ยนให้กลายเป็นเลือดเนื้อพุ่งเข้าไปในปาก ขณะที่ร่างหลักถอยหนีออกมา
กร๊อบ กร๊อบ
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเจ็ดคนถูกฆ่าตายทันทีจากฝีมือของ ‘จักรพรรดิฟ้า’ จากนั้นปากก็เปิดออก เลือดเนื้อพุ่งออกมา ก่อนที่จะถูกเขมือบเข้าไป
ขณะที่เขากินเลือดเนื้อทั้งหมดเข้าไปนั้น ร่างกายจักรพรรดิฟ้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย ริ้วพลังชีวิตเริ่มปรากฏบนร่างกาย
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังค่อยๆ ฟื้นตัว!
“ทุกคนทำไมต้องพยายามอย่างไร้ประโยชน์ด้วยล่ะ? วันนี้พวกเจ้าจะกลายเป็นอาหาร ผลลัพธ์นี้ถูกกำหนดตั้งแต่ที่พวกเจ้าเดินทางเข้ามาที่นี่แล้ว” ลู่หยวนยิ้มบางเมื่อมองไปยังทุกคนที่ฉายสีหน้าหวาดผวา
ใบหน้าของมั่นถัวหลัวเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด นางมองไปที่ ‘จักรพรรดิฟ้า’ พลางเอ่ยอย่างช้าๆ “มันคือราชันปีศาจนั่นใช่ไหม?”
ลู่หยวนพยักหน้ายิ้ม
“ข้าต้องขอบคุณพวกมันที่นำนายท่านออกจากการผนึกของกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่กล้าเข้าไปแตะต้อง เนื่องจากกระบี่จะสามารถสัมผัสพลังงานปีศาจในร่างข้าได้” ลู่หยวนยกมือขึ้น หมอกสีดำปรากฏบนฝ่ามือตามด้วยเสียงคำรามโหยหวน
“ที่แท้แกก็ติดเชื้อจากรัศมีปีศาจแล้วสินะ” มั่นถัวหลัวพยักหน้าพูดต่ออย่างเฉยเมย “มิน่าล่ะแกถึงลอบโจมตีข้า แกคงติดเชื้อตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
ลู่หยวนยิ้มตาหยี “ไม่ถือว่าติดเชื้อหรอกมั้ง เพราะข้ายินยอมเอง พลังของนายท่านเกินกว่าจินตนาการของแก แม้แต่จักรพรรดิฟ้ายังต่ำต้อยกว่านายท่าน ไม่เช่นนั้นมันคงไม่ต้องสละทุกอย่างเพื่อผนึกนายท่านหรอก”
“แต่ถ้าผนึกยังคงอยู่ต่อ แม้แต่นายท่านก็จะถูกฆ่าตายจริงๆ ดังนั้นจึงต้องเกิดการเปิดวังสวรรค์บรรพกาลในครั้งนี้”
ดวงตาทุกคู่หดลง การเปิดวังโบราณในครั้งนี้เกิดจากลู่หยวนหรือ? วัตถุประสงค์ก็คือล่อลวงทุกคนให้มาเป็นอาหารของราชันปีศาจเพื่อให้หลุดพ้นจากผนึกและชุบชีวิต?
มั่นถัวหลัวเค้นเสียง “หยุดพูดให้ดูดีเถอะ ที่แกติดเชื้อก็คงเป็นเพราะมีจิตใจไม่ตั้งมั่น ทำให้ราชันปีศาจจับจุดอ่อนในใจได้ การตัดสินใจทั้งหมดในตอนนี้ของแกไม่ใช่ความต้องการของแกอีกต่อไป แต่ถูกควบคุมโดยผู้อื่นเหมือนเป็นหุ่นเชิด”
มุมปากของลู่หยวนกระตุก รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลง สายตาจ้องมั่นถัวหลัวอย่างโหดเหี้ยม ริ้วรัศมีปีศาจพล่านในดวงตา
ทว่าเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหว เพียงแค่ยิ้มน่าขนลุกออกมา “แกก็พล่ามไปเถอะ เมื่อไรที่นายท่านฟื้นขึ้นมา ข้าจะให้แกสัมผัสกับความตายที่ดีกว่าอยู่!”
“กลัวว่าแกรอถึงเวลานั้นไม่ได้หรอก!”
มั่นถัวหลัวเย้ยหยัน จากนั้นม่านตาก็เหลือบมองมู่เฉิน ริมฝีปากนางขยับส่งเสียงเข้าไปในโสตประสาทของมู่เฉิน “ข้าจะสกัดมัน เจ้าไปแย่งกระบี่เกล็ดจักรพรรดิมาให้ได้ มีเพียงกระบี่เกล็ดจักรพรรดิที่สามารถหยุดยั้งราชันปีศาจไม่ให้ฟื้นขึ้นมาได้”
มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะกัดฟันพลางพยักหน้า
ฟิ้ว!
ทันใดนั้นมั่นถัวหลัวก็ทะยานออกไป พุ่งไปหาจักรพรรดิฟ้า
“การต่อสู้ที่ไร้จุดหมาย” ลู่หยวนล้อเลียน
ฮึ่ม
มิติสั่นสะเทือน ปากปีศาจฉีกเปิดออกพยายามกัดกินมั่นถัวหลัว ท่าทางเรียบง่ายแต่ช่างโหดร้ายเหลือเกิน เพราะได้เห็นตัวอย่างจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นทั้งเจ็ดคนไปแล้ว
ทว่ามั่นถัวหลัวแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์เหล่านั้นหลายขุม นางไม่ได้ตื่นตระหนก ตบฝ่ามือออกไป แสงสีดำพุ่งออกมาก่อตัวเป็นลวดลายดอกแมนดาลาขนาดใหญ่ตรงหน้า พันรอบปากปีศาจขัดขวางไม่ให้เปิด
“มู่เฉิน!”
จังหวะนั้นมั่นถัวหลัวก็คำรามออกมา
วาบ!
มู่เฉินเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสง เป้าหมายของเขาไม่ใช่จักรพรรดิฟ้าหรือลู่หยวน แต่เป็นกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ!
เขาเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด ปรากฏตัวต่อหน้ากระบี่เกล็จักรพรรดิในพริบตา
เมื่อมองฉากนี้ลู่หยวนก็เยาะเย้ย “มั่นถัวหลัว แกติดตามจักรพรรดิฟ้ามานานกว่าข้า แกลืมไปหรือไงว่ามีเพียงจักรพรรดิฟ้าเท่านั้นที่สามารถใช้กระบี่เกล็ดจักรพรรดิได้?”
พอมู่เฉินได้ยินคำพูดนั่นก็อึ้งไปวูบหนึ่ง แต่เวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เขากัดฟันมือคว้ากระบี่แน่น แม้ว่าจะไม่ได้ผลก็ต้องลองสักตั้ง
มั่นถัวหลัวมองไปที่มู่เฉินก่อนที่จะเหลือบมาหาลู่หยวนด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด “ก็เป็นเพราะข้าติดตามจักรพรรดิฟ้ามานานกว่าแกไง ข้าถึงรู้เงื่อนไขในการดึงกระบี่เกล็ดจักรพรรดิว่าคืออะไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ดวงตาของลู่หยวนก็หดลงหันขวับไปมองมู่เฉิน
เวลานี้มู่เฉินคว้าด้ามกระบี่เกล็ดจักรพรรดิไว้แน่นพลางแผดเสียงคำรามลั่น ทันใดนั้นแสงสีทองมลังเมลืองไม่มีที่สิ้นสุดก็กวาดออกมา ก่อตัวเป็นเงาร่างสีม่วงทองสูงร้อยจั้งพร้อมกับรัศมีอมตะเอิบอาบออกมา
เมื่อภาพเงามหึมาปรากฏขึ้น แขนทั้งสองของมู่เฉินก็ใช้แรงถึงขีดสุด
เคร้ง!
เสียงกระบี่โบราณเปล่งก้องระหว่างสวรรค์และโลก ลำแสงกระบี่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า