หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1190 เทพจักรพรรดิสงคราม-หลินต้ง
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1190 เทพจักรพรรดิสงคราม-หลินต้ง
มิติพังทลายลง
ก่อนที่สะเก็ดมิติจะก่อตัวเป็นกระแสล้นทะลักออกมา ร่างเงาหนึ่งย่างเท้าออกมา ทางที่เดินผ่านกระแสก็เคลื่อนหลบหลีกไป ราวกับว่าไม่กล้าแตะต้องตัวเขาเลย
ทุกคนต่างตะลึงกับร่างที่มีคลื่นพลังลึกลับอยู่รอบตัว ในฐานะหนึ่งในมหาทวีป ทวีปเทียนหลัวมีเครือข่ายข้อมูลที่ทรงประสิทธิภาพ ดังนั้นหลายคนจึงจำเขาผู้นี้ได้ทันที
มีจอมยุทธ์เพียงหนึ่งเดียวในมหาพันภพที่คลื่นหลิงลึกลับสามารถเปลี่ยนไปเป็น น้ำแข็ง-เพลิง-สายฟ้า-ความมืด… ที่ผสานอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างองค์ประกอบนี้
เขาก็คือประมุขแคว้นหวู—เทพจักรพรรดิสงคราม!
ในมหาพันภพระดับเทียนจื้อจุนถือว่าเป็นยอดยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ในเวลาเดียวกันก็แยกขั้นกันอย่างเห็นได้ชัด ในบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามอยู่ในอันดับต้นๆ จริงแท้แน่นอน!
พวกเขาถือกำเนิดในพิภพเขตล่าง แต่ต่างมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น เทพจักรพรรดิอัคคีสถาปนาแคว้นหวู่จิ้งฮั่วขึ้นภายในเวลาไม่กี่ร้อยปีด้วยทักษะการจัดการเพลิงแบบสุดยอดบวกกับทักษะการกลั่นเม็ดยาที่ไม่มีใครเทียบ แม้กระทั่งขั้วอำนาจที่กลั่นเม็ดยาโดยเฉพาะในมหาพันภพก็สู้เขาไม่ได้ ทุกคนรู้ว่าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เชื่อถือได้ในเรื่องยาเม็ดมากที่สุด
เทียบกับเทพจักรพรรดิอัคคี เทพจักรพรรดิสงครามเป็นอะไรที่เก็บเนื้อเก็บตัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็พุ่งชนเผ่าเทพน้ำแข็งเพื่อช่วยเหลือฮูหยิน เผชิญหน้ากับทั้งเผ่าด้วยพลังของตนเองเพียงผู้เดียว ต้องรู้ว่าเผ่าเทพน้ำแข็งเป็นเผ่าโบราณ แม้ว่าจะอ่อนกำลังลงมาบ้างแต่รากฐานก็ยังน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนก็ต้องทนทรมานถ้าคิดจะพุ่งเข้าใส่เผ่าเทพน้ำแข็ง
ยิ่งกว่านั้นเผ่าโบราณเช่นนี้ยังมีสายสัมพันธ์ที่กว้างขวาง ตราบใดที่ขอความช่วยเหลือก็จะมีจอมยุทธ์ทรงพลังจำนวนมากเข้ามา ซึ่งในตอนนั้นเผ่าเทพน้ำแข็งก็ได้ทำเช่นนี้ พวกเขาเชิญยอดยุทธ์ในมหาพันภพมาเพื่อบีบให้เทพจักรพรรดิสงครามถอยกลับไป
ว่ากันว่าตอนนั้นมีจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนสามคนในเผ่าเทพน้ำแข็ง!
การรวมตัวนี้สามารถทำลายล้างเผ่าโบราณได้เลยทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงแค่คนคนเดียว!
ในเวลานั้นการต่อสู้สั่นสะเทือนไปทั่วมหาพันภพ
ทว่าที่ผิดคาดและตกตะลึงก็คือเผชิญหน้ากับการกดขี่ของเผ่าเทพน้ำแข็ง เทพจักรพรรดิสงครามก็ไม่ได้ถอยกลับ มีข่าวลือว่าเขาสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนสามคนด้วยพลังของตัวเองเพียงผู้เดียว ซึ่งนี่สร้างชื่อเสียงให้เขามากนัก
ผลลัพธ์สุดท้ายแม้จะไม่มีใครพูดถึง แต่ชัดว่าเทพจักรพรรดิสงครามได้รับสิ่งที่ต้องการจากเผ่าเทพน้ำแข็ง มิหนำซ้ำชื่อเสียงยังขจรขจายไปทั่วมหาพันภพ จากนั้นเขาก็สถาปนาแคว้นหวูขึ้นมา
แคว้นหวูก้าวขึ้นเป็นขุมกำลังสูงสุดในมหาพันภพ ในเวลานั้นประมุขเผ่าเทพน้ำแข็งก็สละตำแหน่ง ส่งให้สมาชิกในเผ่า ซึ่งก็คือนายหญิงแห่งแคว้นหวู
หลังจากเหตุการณ์นั้นเผ่าเทพน้ำแข็งและแคว้นหวูก็กลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน ด้วยพลังของแคว้นหวูทำให้เผ่าเทพน้ำแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนก้าวขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของเผ่าโบราณเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้เกิดจากฝีมือของเทพจักรพรรดิสงคราม!
ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้ชื่อเสียงของเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามโด่งดังเสมอกันไปทั่ว ทว่าแคว้นหวู่จิ้งฮั่วกับแคว้นหวูมีชัยภูมิทางอยู่ตรงขอบชายแดนของมหาพันภพ หนึ่งอยู่ทิศใต้อีกหนึ่งอยู่ทิศเหนือ ซึ่งคอยเป็นปราการหน้าด่านจากจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะปรากฏตัวในที่เดียวกัน แต่วันนี้จอมยุทธ์ในทวีปเทียนหลัวมีโอกาสได้เห็นยอดยุทธ์ทั้งคู่กับตา แล้วทำไมทุกคนจะไม่ตะลึงงันล่ะ?
“นั่นเทพจักรพรรดิสงครามเหรอ?”
ท่ามกลางสายตาตกตะลึง มู่เฉินก็มองไปที่ร่างเงานั้นด้วยความอยากรู้ อีกฝ่ายดูสุขุมนุ่มลึกนัก เทียบกับเทพจักรพรรดิอัคคีที่ดูสบายอิสระ เทพจักรพรรดิสงครามผู้นี้มั่นคงราวกับขุนเขาเลยทีเดียว
แต่ในทำนองเดียวกันแรงกดดันจากเทพจักรพรรดิสงครามก็ทำให้มิติสั่นสะเทือนเช่นเดียวกับเทพจักรพรรดิอัคคี
“พ่อ! พ่อ!”
หลินจิ้งโบกมืออย่างร่าเริงขณะที่ยิ้มตาหยีพลางตะโกนเรียก
เทพจักรพรรดิสงครามเบนสายตามาเมื่อเห็นบุตรสาว สีหน้าก็อ่อนโยนลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเคลื่อนไปปรากฏตัวต่อหน้าหลินจิ้ง
“แอบหนีออกจากบ้านมาซนอีกแล้วนะ ดูท่าคงต้องขังไว้สักหน่อยแล้ว!” เขาพูดด้วยท่าทางที่เข้มงวด
แต่เผชิญหน้ากับท่าทางของบิดา หลินจิ้งกลับหัวเราะเบาๆ สวมกอดแขนเขาราวกับว่าไม่สนใจคำขู่ การแสดงออกที่เข้มงวดของเทพจักรพรรดิสงครามดำเนินต่อไปชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าภาพลักษณ์บิดาที่เข้มงวดไม่มีประโยชน์กับบุตรสาวคนนี้เลย
จากนั้นเทพจักรพรรดิสงครามก็หันมามองมู่เฉินพลางยิ้ม “สหายน้อย ขอบคุณที่ช่วยปกป้องลูกสาวข้า”
มู่เฉินรู้สึกเคอะเขินทันที หากเขารู้ว่าบิดาของพวกนางอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ต้องทำตัวเป็นวีรบุรุษหรอก
เมื่อเห็นท่าทางอึกอักใจของมู่เฉิน เทพจักรพรรดิสงครามก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร เขาส่ายหัว “ความพยายามของเจ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ ในเวลานั้นกระทั่งเราก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ทันและด้วยขุมพลังของพวกนางตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับนักรบราชันปีศาจ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ข้าจะต้องขอบคุณ”
“จริงเหรอขอรับ?” มู่เฉินยิ้มพลางเกาหัว
“ฮ่าๆ ที่พี่หลินพูดถูกต้อง” เซียวเหยียนปรากฏตัวขึ้นก่อนที่จะตบไหล่มู่เฉินเบาๆ จากนั้นก็หันไปทางหลินต้งพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยพี่หลิน สบายดีใช่ไหม”
ในมหาพันภพมีไม่กี่คนที่เซียวเหยียนจะยกตำแหน่งสูงให้ในใจ แต่หลินต้งก็ยังนับเป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้น พวกเขาสองคนคอยคานอำนาจกับเผ่าปีศาจต่างมิติ ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้พบกัน แต่ทั้งสองชัดว่ามีความรู้สึกชื่นชมต่อกัน
“พี่เซียว”
รับฟังน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนจากเซียวเหยียน หลินต้งก็ประสานมือให้ จากนั้นยื่นมือออกมาใบหน้าปีศาจในลูกทรงกลมสีฟ้าอมเขียวก็เผยออกมา
“เจ้านี่แปลกอยู่นิดๆ” เซียวเหยียนมองไปที่จอมปีศาจทุนเทียน พูดขึ้นขณะดวงตาหดเกร็ง
“ฮ่าๆ จอมปีศาจทุนเทียนไม่ธรรมดาเลย” หลินต้งยิ้มขณะที่พูดต่อ “ในอดีตมันคงจะติดอันดับหนึ่งในสิบของเผ่าปีศาจต่างมิติเลยทีเดียว”
เซียวเหยียนรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ ราชันปีศาจที่ติดอันดับหนึ่งในสิบสูงสุดของเผ่าปีศาจต่างมิติเป็นภัยคุกคามแม้แต่กับพวกเขา แต่ด้วยพลังที่แสดงออกมาโดยจอมปีศาจทุนเทียนตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไรที่ว่าเลย
“สมัยก่อนจอมปีศาจทุนเทียนมีอีกฉายาหนึ่งนะ” หลินต้งหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะตอบว่า “ราชันเก้าซาก”
“ราชันเก้าซาก?” พวกมู่เฉินอึ้งไปพลางพึมพำ แต่ก็ต่างงุนงง มีเพียงเซียวเหยียนที่ครุ่นคิด
“ในบางแง่มุมราชันเก้าซากไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นเก้าคน! นอกจากนี้ทั้งหมดยังเป็นราชันปีศาจอีกด้วย!” หลินต้งจ้องมองไปที่ลูกทรงกลมสีฟ้าอมเขียว “จอมปีศาจทุนเทียนมาจากเผ่าปีศาจทุนหมัว ย้อนกลับไปตอนนั้นพวกมันทั้งเก้าได้รวมร่างเข้าด้วยกันเพื่อแสงหาความแข็งแกร่ง”
ข้อมูลนี้ทำให้มู่เฉินตกใจไป นั่นหมายความว่าจักรพรรดิฟ้าไม่ได้เผชิญหน้ากับราชันปีศาจคนเดียว แต่ปะทะกับเก้าคน?!
“ไม่งั้นจอมปีศาจทุนเทียนจะต่อสู้กับจักรพรรดิฟ้าที่ใช้วิชาสามพิสุทธ์ได้อย่างไร?” หลินต้งยิ้ม
“ย้อนกลับไปตอนนั้นจักรพรรดิฟ้าใช้วิชาสามพิสุทธิ์สังหารจอมปีศาจทุนเทียนทั้งเจ็ดคนก่อนที่จะหมดแรง เขาจึงทำได้แค่ผนึกปีศาจที่เหลือสองคนเอาไว้ เมื่อครู่เซียวเหยียนสัมผัสได้ถึงการแตกสลายของหัวใจปีศาจ แต่นั่นแค่เป็นของจอมปีศาจคนที่แปด ดังนั้นมันจึงยังสามารถหลบหนีได้”
พวกมู่เฉินตกตะลึง ในเวลานี้พวกเขาตระหนักได้ว่าเผ่าปีศาจน่ากลัวแค่ไหน พวกมันสามารถใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่จักรพรรดิฟ้าก็ยังทำอะไรไม่ได้นอกจากปิดผนึกไว้
ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าจักรพรรดิฟ้าทรงพลังเพียงใด เผชิญหน้ากับจอมปีศาจเก้าคนที่ประสานพลังกัน ไม่เพียงแต่สามารถสังหารเจ็ดคนได้ ยังผนึกอีกสองคนไว้ได้
“เป็นแบบนี้นี่เอง” เซียวเหยียนพยักหน้าด้วยการแสดงออกเคร่งเครียดลงมาก เขารู้ว่ากระทั่งตนเองที่เผชิญกับจอมปีศาจทรงพลัง เขาก็ยังต้องสู้แบบจริงจัง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมราชันเก้าซากจึงสามารถเข้าสู่หนึ่งในอันดับสิบได้
“เราจะปล่อยให้มันกลับไปยังจักรวรรดิปีศาจต่างมิติไม่ได้”
หลินต้งพยักหน้าพลางยิ้ม “แต่มันไม่เหลือซากแล้ว ด้วยพวกเราสองคน มันไม่มีทางหนีพ้นไปได้แน่นอน”
น้ำเสียงของหลินต้งสงบกระนั้นก็ยังแสดงให้เห็นถึงความครอบงำ
ทว่ามู่เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ต้องพูดถึงสภาพน่าสมเพชในปัจจุบันของจอมปีศาจทุนเทียน ต่อให้กลับไปรวมกันจนครบเก้าคน มันก็ต้องตายเมื่อเผชิญหน้ากับเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงคราม
“แต่เป็นเพราะความพยายามของจักรพรรดิฟ้า ทำให้ปีศาจตัวนี้ถูกสังหาร ดังนั้นจักรพรรดิฟ้าก็ควรที่จะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย” เซียวเหยียนยิ้มบาง
หลินต้งพยักหน้ายอมรับเช่นกัน
เมื่อมู่เฉินและมั่นถัวหลัวได้ยินคำพูดนี่หัวใจก็สั่นไหว ตัดสินจากความหมายเบื้องหลังคำพูดของพวกเขา…หรือว่าจักรพรรดิฟ้ายังไม่ได้สิ้นชีพอย่างแท้จริง?!