หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler - บทที่ 1192 ผู้ได้รับ
หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1192 ผู้ได้รับ
“ไม่รู้ว่าเจ้าสองคนสนใจวิชาสามพิสุทธิ์ของข้าหรือไม่?”
เมื่อเซียวเหยียนและหลินต้งได้ยินคำพูดของจักรพรรดิฟ้าก็ชะงักชั่วครู่ก่อนจะแลกเปลี่ยนสายตากันพลางคลี่ยิ้ม แม้ว่าจักรพรรดิฟ้าจะเป็นจอมยุทธ์น่าเกรงขามในยุคโบราณและวิชาสามพิสุทธิ์ก็ยังเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนวนสามสิบหกกระบวนท่า แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนทั่วไปก็ยังได้ถูกดึงดูดไว้เหนียวแน่น
ทว่าแม้วิชาสามพิสุทธิ์จะทรงพลัง ก็ยังไม่เพียงพอที่พวกเขาจะถูกล่อลวง พวกเขามั่นใจว่าทักษะที่คิดค้นขึ้นเองไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชาสามพิสุทธิ์
นอกจากนี้หากพวกเขาเรียนรู้วิชาสามพิสุทธิ์ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาได้รับมรดกและการถ่ายทอดจากจักรพรรดิฟ้า ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะยอมรับได้ง่ายๆ
พวกเขาให้ความเคารพจักรพรรดิฟ้าเนื่องจากเป็นจอมยุทธ์ทรงคุณธรรม แต่พวกเขาไม่ต้องการรับมรดก นอกจากนี้ยังมีเด็กรุ่นหลังอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นคงจะเป็นเรื่องตลกถ้าพวกเขาแข่งขันกับลูกหลานเพื่อรับมรดก
ทั้งสองอมยิ้ม “โอกาสดีเช่นนี้เก็บไว้ให้คนที่ชะตาต้องกันเถอะ”
จักรพรรดิฟ้ายิ้มดูไม่ได้แปลกใจ เขาบอกได้เลยว่าทั้งสองคนนี้ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา กระทั่งตัวเขาในจุดสูงสุดก็ยังไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ ดังนั้นทั้งสองจึงไม่อยากได้วิชาสามพิสุทธิ์ไป ยิ่งกว่านั้นที่เขาถามก็แค่ลองใจ เนื่องจากเขามีตัวเลือกที่ดีกว่าที่จะเป็นผู้สืบทอดอยู่ในใจแล้ว
จักรพรรดิฟ้าหันมามองมู่เฉินพลางยิ้มให้ “แล้วเจ้าล่ะ?”
มู่เฉินอึ้งไปที่จู่ๆ จักรพรรดิฟ้าก็จ้องมองมาที่เขา พิจารณาคำพูดก่อนหน้า เขาคิดว่าวิชาสามพิสุทธิ์คงจะตกอยู่ในมือเซียวเหยียนหรือไม่ก็หลินต้ง แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากมายนัก เป้าหมายของตัวเขาสำเร็จลุล่วงได้รับร่างเทพสุริยะนิรันดร์แล้ว ดังนั้นเขาจึงพอใจอย่างมาก
แต่ใครจะไปคิดว่าเซียวเหยียนกับหลินต้งจะปฏิเสธ ตามมาด้วยจักรพรรดิฟ้าถามเขา นอกจากนี้จักรพรรดิฟ้ายังมองดูเขาด้วยความชื่นชม ความจริงที่เขาสามารถสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิฟ้ามากเลยทีเดียว
จิ่วโยวผลักมู่เฉินออกมาจากด้านข้างอย่างรวดเร็ว นี่เป็นโอกาสที่ดี หากมู่เฉินได้รับวิชาสามพิสุทธิ์ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาอย่างแน่นอน
ภายใต้สายตาของทุกคนมู่เฉินก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าได้ยินชื่อเสียงของวิชาสามพิสุทธิ์มานาน ข้าอยากได้ แต่กลัวว่าตัวเองจะไม่มีพรสวรรค์และโชคมากพอ”
เซียวเหยียนและหลินต้งพยักหน้าเบาๆ ไม่ผิดสำหรับพวกเขาที่จะปฏิเสธวิชาสามพิสุทธิ์ ในเมื่อพวกเขามีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น แต่ถ้าเป็นมู่เฉินทำก็เท่ากับเสแสร้ง วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดเป็นอะไรที่แม้แต่จอมยุทธ์ทรงพลังคนอื่นๆ ก็ถูกดึงดูด ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉินเลย ดังนั้นเมื่อมู่เฉินยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิก็แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมายิ่งนัก
“ฮ่าๆ เยี่ยม! เจ้าตรงดีจริงๆ” จักรพรรดิฟ้ายิ้มพลางพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าพอใจกับคำตอบของมู่เฉิน
“โชคชะตาของเจ้าเชื่อมโยงกับข้า ในเมื่อเจ้าสามารถสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ เพื่อไม่ให้คัมภีร์ระดับเสินทงขั้นสุดยอดสูญหาย ข้าจะถ่ายทอดวิชานี้ให้เจ้าเอง”
มู่เฉินรู้สึกตื่นเต้นในใจเมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิฟ้า เขาประสานมือคำนับทันที
“ฮ่าๆ เป็นเรื่องน่าดีใจที่ท่านจักรพรรดิฟ้าจะได้ผู้สืบทอด” เมื่อเซียวเหยียนเห็นจักรพรรดิฟ้าคิดจะถ่ายทอดวิชาสามพิสุทธิ์ให้มู่เฉิน เขาก็ยิ้ม เขาค่อนข้างพอใจกับชายหนุ่มคนนี้ ดูเหมือนว่าสายตาของบุตรสาวเขาจะดีเลยทีเดียว
“จอมปีศาจทุนเทียนถูกทำลายสิ้นซากแล้ว ดังนั้นพวกข้าคงไม่อยู่ต่อ”
เซียวเหยียนและหลินต้งพูดขึ้นในเวลาเดียวกัน จักรพรรดิฟ้ากำลังจะถ่ายทอดวิทยายุทธขั้นสุดยอดให้มู่เฉิน ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับพวกเขาที่จะอยู่ที่นี่
จักรพรรดิฟ้าประสานมือให้ทั้งสอง “จักรวรรดิปีศาจไม่เคยคิดยอมแพ้ พวกมันตั้งใจจะทำลายมหาพันภพ อนาคตข้าขอฝากไว้ในมือพวกเจ้าทั้งสอง”
เซียวเหยียนและหลินต้งพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม จักรวรรดิปีศาจต่างมิติเป็นศัตรูคู่อาฆาตของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เซียวเหยียนหันไปหามู่เฉินสะบัดมือพร้อมรอยยิ้ม ตะเกียงเก่าพุ่งไปทางมู่เฉิน เขาก็คว้ารับไว้อย่างรวดเร็ว
“มู่เฉินขอบใจมากที่ช่วยชีวิตลูกสาวข้าไว้ หากเจ้าเผชิญกับอันตรายใดในอนาคตต้องการขุมกำลังแคว้นหวู่จิ้งฮั่วของข้าสนับสนุน ก็จุดตะเกียงนี้ซะ ข้าจะมาช่วยด้วยตัวเองทันที” เซียวเหยียนยิ้ม
เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนี่ก็ตกใจ นี่ไม่ใช่ของขวัญธรรมดา เทียบเท่ากับโอกาสในการเรียกยอดยุทธ์ทรงพลังแห่งมหาพันภพ นี่คือตัวช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่แท้จริง
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากเท่าไรที่ทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้รับสิ่งที่สามารถเชิญจอมยุทธ์อย่างเทพจักรพรรดิอัคคีมาช่วย
ขณะที่มู่เฉินกำลังตกตะลึง หลินต้งก็ยิ้มบาง “ในเมื่อพี่เซียวให้สิ่งนี้ ข้าคงต้องทำอะไรบางอย่างเช่นกัน ไม่งั้นยัยหนูของข้าคงบ่นไม่เลิก”
เขาสะบัดนิ้วหินสลักอักขระพุ่งไปหามู่เฉิน “สิ่งนี้คล้ายกับตะเกียงนั่น ขยี้มันแล้วข้าก็จะสัมผัสได้ทันที”
มู่เฉินครุ่นคิดสั้นๆ หลังจากได้รับของมาก่อนที่จะประสานมือคารวะหลินต้งและเซียวเหยียน “ข้าจะไม่ลืมพระคุณนี้จากผู้อาวุโสทั้งสองอย่างแน่นอน”
ด้วยความเฉลียวฉลาดของตนเอง เขาบอกได้ว่าทั้งสองคนกำลังให้ความคุ้มครองกับเขาอยู่ เส้นทางของยอดยุทธ์ที่โดดเด่นจำเป็นต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ผู้คนจำนวนมากล้มหายตายจากไปก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงมอบวัตถุนี้ให้เขาเพื่อที่จะได้ให้ความคุ้มครองแก่เขา
หลินต้งและเซียวเหยียนต่างตกใจเพราะไม่คิดว่ามู่เฉินจะเข้าใจความตั้งใจได้ถึงขนาดนี้ พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากันพลางยิ้ม ชายหนุ่มคนนี้ฉลาดมาก ดูเหมือนว่าในอนาคตความสำเร็จของเขาจะไม่ธรรมดา
พวกเขาสองคนพบเจอความยากลำบากมาพอสมควร ดังนั้นจึงไม่คิดดูหมิ่นชายหนุ่ม แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยืนบนจุดสูงของมหาพันภพ แต่เนื่องจากศักยภาพของชายหนุ่มคนนี้ พวกเขาก็เต็มใจที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีด้วย
“มู่เฉินไปหาข้าที่แคว้นหวูถ้ามีโอกาสนะ” หลินจิ้งกล่าวด้วยความไม่อยากจากไป แต่ในเมื่อบิดามาแล้ว นางก็ทำได้แค่กลับไปเท่านั้น
“แล้วก็เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้ของแคว้นเซี่ยนะ ข้าจะไปทวงให้เอง เดี๋ยวจะเอามาแบ่งให้เจ้าเอง” แม้กระทั่งเวลานี้ นางก็ไม่ลืมหนี้ที่แคว้นเซี่ยค้างไว้
“กลับไปครั้งนี้ข้าจะพยายามบรรลุระดับตี้จื้อจุน หวังว่าครั้งหน้าเจ้าจะไม่ถูกข้าแซงหน้าไปนะ” เซียวเซียวก็ยิ้มทรงเสน่ห์
มู่เฉินยิ้มพยักหน้าร่ำลากับสหายทั้งสองคน
หลังจากการกล่าวคำอำลาเทพจักรพรรดิทั้งสองก็พาบุตรสาวไปจากสุสานจักรพรรดิฟ้า
มู่เฉินมองเทพจักรพรรดิทั้งสองที่จากไปก็ฝันที่จะก้าวไปถึงระดับนั้น นั่นคือการเป็นหนึ่งในใต้หล้า พวกเขาสามารถแบกรับท้องฟ้าที่ถล่มลงได้เลย
“เมื่อมหาพันภพมีบุคคลเช่นนี้ค่อยปกป้องอยู่ ต่อให้จักรวรรดิปีศาจจะบุกเข้ามาอีกครั้ง เราก็คงสามารถต้านรับเอาไว้ได้” จักรพรรดิฟ้าถอนหายใจก่อนที่จะหันมามองมู่เฉิน “วิชาสามพิสุทธิ์ถูกส่งผ่านทางจิตวิญญาณ ด้วยวิธีนี้เจ้าจะสามารถรับวิธีการเพาะบ่มและประสบการณ์ทั้งหมดของข้าด้วย ซึ่งจะช่วยให้เจ้าประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น”
การให้ความรู้แบบนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อมู่เฉิน แต่คนที่ทำจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ทว่าจักรพรรดิฟ้าสิ้นชีพไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สนใจการเจ็บปวดดังกล่าว
ดังนั้นเมื่อได้ยินมู่เฉินจึงพยักหน้าด้วยความขอบคุณ
“แต่เมื่อเจ้าประสบความสำเร็จวิชาสามพิสุทธิ์ ร่างรองจะมีความแข็งแกร่งคล้ายกับร่างหลัก นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการพัฒนา ดังนั้นข้าขอแนะนำให้เจ้าฝึกฝนหลังจากบรรลุระดับตี้จื้อจุน ด้วยวิธีนี้ร่างรองจะมีความแข็งแกร่งในระดับตี้จื้อจุนด้วย”
มู่เฉินอึ้งไปกับข้อมูลนี้ เมื่อพูดถึงระดับหนึ่งวิชาสามพิสุทธ์ก็คล้ายคลึงกับการสร้างฝาแฝด เพียงว่าวิชานี้ลึกซึ้งยิ่งกว่า ไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งอย่างเต็มรูปแบบของร่างหลัก แต่ยังมีศักยภาพในการฝึกฝนและพัฒนาให้แข็งแรงขึ้นเองอีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมจักรพรรดิฟ้าถึงสามารถต่อสู้กับจอมปีศาจทุนเทียนทั้งเก้าได้
แต่…ตัวเขายังมีระยะห่างจากระดับตี้จื้อจุนพอสมควร ซึ่งจุดนี้หยุดความก้าวหน้าของอัจฉริยะหลายคนมานักต่อนักแล้ว
แม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่ก็ประเมินได้ว่าถ้าพึ่งพาพลังตนเองก็ยังต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะสัมฤทธิ์ผล
เมื่อจักรพรรดิฟ้าเห็นท่าทางของมู่เฉินก็รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มมองไปที่กระบี่เกล็ดจักรพรรดิในมือ “ในเมื่อเจ้าเป็นผู้สืบมรดกของข้า ข้าก็ต้องให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่เจ้า”
“พรสวรรค์ของเจ้าช่างโดดเด่นด้วยรากฐานที่ลึกและคลื่นหลิงที่มั่นคง ข้าสามารถใช้กระบี่เกล็ดจักรพรรดิช่วยเจ้าในการพัฒนาเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน”
“แต่ถ้าทำอย่างนั้นกระบี่เกล็ดจักรพรรดิก็จะหมดพลัง” ขณะที่พูดจักรพรรดิฟ้าก็รู้สึกถึงความเสียดาย
หัวใจของมู่เฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน พลังของกระบี่เกล็ดจักรพรรดิเป็นอะไรที่ยากพูดถึง วัตถุนี่เป็นวัตถุที่แม้แต่อาวุธมหสวรรค์ขั้นสูงก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้ ขนาดจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนยังน้ำลายสอด้วยความอยากได้ แต่ตอนนี้กลับจะถูกใช้เป็นราคาเพื่อช่วยเขาในการพัฒนา บุญคุณนี้มากเกินไปแล้ว
“อย่าปฏิเสธ หากเจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนในอนาคต เจ้าก็จะสามารถกู้คืนสภาพมันได้ เมื่อไรที่จักรวรรดิปีศาจต่างมิติบุกเข้ามาก็จงใช้กระบี่นี้ฟาดฟันพวกมันให้สิ้นซาก” จักรพรรดิฟ้ายิ้มเมื่อเห็นอารมณ์ที่ซับซ้อนของมู่เฉิน
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของจักรพรรดิฟ้า มู่เฉินก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เขาได้แต่ประสานมือคำนับ ซึ่งนั่นเป็นท่าคำนับในฐานะศิษย์แล้ว
“ศิษย์รับทราบ”